พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 365

อวิ๋นหลิงทิ้งให้สามีนอนแกร่วอยู่ในห้อง ส่วนตัวเองไปยังห้องครัว นำของว่างเครื่องดื่มที่เตรียมไว้ล่วงหน้าไปยังเรือนตะวันตก

ไก่ทอดสูตรง่าย ๆ บาร์บีคิว น้ำผลไม้คั้นสด และเหล้าบ๊วย

“เฮ่ย ถ้ามีการฉายภาพแบบโฮโลแกรมก็คงดี...”

ถ้าจะบอกว่าในยุคสมัยใหม่มีอะไรที่ทำให้อวิ๋นหลิงคิดถึงบ้าง ก็คงไม่พ้นบรรดาเทคโนโลยีไฮเทคทั้งหลาย

ในศตวรรษที่ยี่สิบสาม นวัตกรรมภาพสามมิติและ VR ได้พัฒนาถึงขั้นสูงสุด วันหยุดทีไรพวกนางสี่คนจะจมดิ่งอยู่ในเกมเสมือนจริงและภาพยนตร์ต่าง ๆ

แต่บัดนี้ได้แต่นั่งกินไปคุยไปเท่านั้น

“ใหม่ ๆ ก็รู้สึกว่าชีวิตที่นี่ติดขัดไปหมด แต่ตอนนี้เริ่มชินบ้างแล้ว” หลิวฉิงหยิบน่องไก่อันใหญ่เข้าปากเคี้ยวก่อน “อีกอย่างพอเรามาอยู่นี่ โลกทางโน้นก็ไม่มีอะไรให้ห่วงอีก”

อวิ๋นหลิงดื่มเหล้าไปอึกหนึ่ง ยิ้มเล็กน้อยและพยักหน้า “อย่างน้อยความเป็นอยู่ที่นี่ก็สงบดี ไม่ต้องเสี่ยงอันตรายไปทำภารกิจ ไม่ต้องถูกบังคับให้คิดค้นยาสารพัด ทุกเวลานาทีมีแต่ความตึงเครียด”

ชีวิตแบบนี้ คือสิ่งที่พวกเธอใฝ่ฝันมาโดยตลอด

“จริงสิ แล้วสมาชิกคนอื่นเป็นไงบ้าง?”

หลิวฉิงมองหน้าอวิ๋นหลิง แววตาอ่อนโยนลงโดยอัตโนมัติ “ยาที่เธอคิดค้นได้ผลดีมาก หลังจากสูตรยาถูกเปิดเผย หลายคนก็ออกจากองค์กรได้ง่าย ๆ ทุกคนต่างก็ขอบใจเธอมาก ฉันกับน้องเล็กสามารถเล่นงานผู้ใหญ่ในองค์กรได้ ก็เพราะพวกเขาแอบช่วยเหลือ”

หลังจากฉีดยากระตุ้นประสาทเข้าไป จะทำให้สมองของคนผู้นั้นถูกทำลายไปอย่างมาก จนก่อเกิดเป็นโรคทางจิตเวช

และหากไม่ฉีดยาตรงเวลา เส้นประสาทจะสูญเสียการควบคุม จนเหมือนถูกเข็มทิ่มแทงนับหมื่นเล่ม จนกระทั่งทำให้เสียชีวิต

ซึ่งยาสูตรนี้เคยอยู่ในมือผู้ใหญ่ในองค์กร และชาติที่แล้วอวิ๋นหลิงก็ใช้เวลาเกือบสิบปี ไม่เพียงคิดค้นตัวยาในการถอนพิษ ยังช่วยรักษาโรคทางประสาทให้หายขาดได้อีก

หลังจากนั้น อวิ๋นหลิงก็ประกาศส่วนผสมของตัวยาถอนพิษให้ทุกคนได้รู้ ทำให้ผู้ที่ถูกควบคุมเกิดการต่อต้านขึ้นมา และเธอก็ถือโอกาสหลบหนีออกจากองค์กร

สุดท้ายจึงกลายเป็นเป้าหมายสำคัญที่ถูกองค์กรไล่ล่า และตายเพราะถูกระเบิดในระหว่างหลบหนี

พอรู้ว่าองค์กรล่มสลายไปแล้ว อวิ๋นหลิงค่อยรู้สึกโล่งใจขึ้น และเปลี่ยนหัวข้อมาที่พลังจิตของหลิวฉิงแทน

“จริงสิ ฉันอยากตรวจร่างกายให้พี่หน่อย ดูว่าสุขภาพตอนนี้เป็นไงบ้าง”

หลิวฉิงได้ยินดังนี้ ก็ให้ความร่วมมือโดยการผ่อนคลายร่างกาย ปล่อยให้อวิ๋นหลิงใช้พลังจิตเข้าทางส่วนหัวลงไป

เพียงไม่นาน อวิ๋นหลิงก็ถอนใจโล่งอก “อาการดีกว่าที่ฉันคิดไว้มาก ในสมองน่าจะมีเลือดคั่งนิดนึงกดทับเส้นประสาท เลยทำให้การใช้พลังจิตติดขัดไปบ้าง”

พลังจิตของหลิวฉิงในเวลานี้ถือว่าอ่อนลงมาก เทียบไม่ได้กับสมัยที่เธอยังแข็งแรงหนึ่งในสิบเสียด้วยซ้ำ เวลาสำรวจเหตุการณ์รอบข้าง รัศมีแผ่กว้างก็ไม่เท่าแต่ก่อน ความฉับไวก็ลดต่ำลง

ส่วนด้านการฝึกสัตว์ ในช่วงที่เธอแข็งแรงใช้พลังจิตเพียงครึ่งเดียว ก็สามารถบังคับให้เจ้าเสือขี้แยประทับรอยพลังจิตไว้ แต่พักก่อนอยู่ที่เป่ยฉิน พยายามแล้วพยายามเล่าอยู่เกือบเดือนจึงจะทำสำเร็จ

“รออีกหลายวันไว้ให้พลังจิตของฉันฟื้นคืนกลับมา จะหาเวลาผ่าตัดครั้งใหญ่ให้พี่ พี่นอนหลับเดี๋ยวเดียว ตื่นมาก็จะมีพลังเหมือนเดิมอีก”

คำว่าผ่าตัดนั้น ก็คือถ่ายพลังจิตที่ละเอียดอ่อนลงสู่ศีรษะของหลิวฉิง เพื่อไปขจัดเลือดคั่งเบาบางที่อยู่ในสมองของเธอ

การรักษาทั่วไปโดยการใช้ฝังเข็มไม่เกิดผลมากนัก เพราะตำแหน่งและความตื้นลึกไม่อาจกะได้แม่นยำ กลับจะทำให้ยิ่งบาดเจ็บมากกว่า

หลิวฉิงพยักหน้า ปัญหาในสมองของเธอ โลกนี้นอกจากอวิ๋นหลิงแล้ว คงไม่มีใครจะรักษาได้อีก

อวิ๋นหลิงถามอย่างแปลกใจต่อ “จริงสิ พักก่อนได้ยินพี่น้องตระกูลฟงบอกว่า พระสนมของฮ่องเต้ฉินทำร้ายฟงเสี่ยวเม่ยจนขาหักไปข้างหนึ่ง แล้วใครรักษาให้พี่?”

ท่าเดินของเธอดูแปลก ๆ ไปบ้าง แต่ไม่ได้พิการแต่อย่างใด เห็นชัดว่าผ่านการรักษามา

หลิวฉิงส่ายหน้า เอ่ยปากอย่างรู้สึกละอายเล็กน้อย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ