พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 366

ฮ่องเต้ฉินกลับไม่ได้ทำอะไรนาง และหลังจากนั้นก็ระงับอารมณ์ได้มากขึ้น อาจเป็นเพราะความละอายก็เป็นได้

เพราะอย่างไรเสียนั่นก็คือฟงเสี่ยวเม่ย หญิงที่โตมากับเขาด้วยกัน ซ้ำยังชื่นชมเขามาแต่เล็ก ปกป้องเขาจนเสียมือไปข้างหนึ่ง และบัดนี้นางก็จากโลกนี้ไปแล้ว

หนำซ้ำก่อนหน้านี้ เขายังเคยสัญญากับแม่ทัพอาวุโสฟงว่าจะดูแลความปลอดภัยของฟงเสี่ยวเม่ย แต่เพราะความละเลยของเขา ทำให้นางต้องตายอย่างอนาถอยู่ในวังหลวง

ขณะที่หลิวฉิงเล่าเรื่องในวังเป่ยฉินให้ฟังนั้น สีหน้ายังคงเย็นชาเหมือนเดิม

“ตอนหลังเขาก็คืนตำแหน่งพระสนมให้ฉันใหม่ แถมยังส่งโน่นส่งนี่มาให้อีก แต่คนก็ตายไปแล้ว ชดเชยแค่นี้จะมีประโยชน์อะไร กลายเป็นว่าวัน ๆ มีแต่คนมาห้อมล้อมฉัน เรียกว่าพระสนมอยู่ได้ น่ารำคาญจริง ๆ”

อวิ๋นหลิงอดไม่ได้ที่จะหลุดหัวเราะ เธอพิจารณาหลิวฉิงอย่างถี่ถ้วน พบว่าเวลาปล่อยผมยาว หลิวฉิงก็ดูสวยดีเหมือนกัน

ชาติที่แล้วเพื่อสะดวกต่อการทำงาน หลิวฉิงจึงมักตัดผมสั้นอยู่ตลอด บวกกับเคยบาดเจ็บจนต้องผ่าตัดหลายครั้ง จึงต้องถูกโกนผมหรือไม่ก็หัวโล้น ไม่เคยปล่อยให้ผมยาวได้เลย

ส่วนสูงร้อยเจ็ดสิบห้าเซนติเมตรของเธอดูผอมสูงมาก น้ำเสียงพูดจาก็ฟังดูห้วนห้าว ใส่เสื้อโค้ทสีดำยืนนิ่งเฉยไร้ความรู้สึกใด ๆ สิ่งที่ได้มาคือสายตาจับจ้องอย่างเขินอายของสาวน้อยหลายคน และแววตาริษยาของชายหนุ่มเท่านั้น

สมัยนั้นคนที่กล้าบอกรักหลิวฉิงจะมีอยู่สองประเภท คือหญิงสาวที่มีจริตจะก้าน และชายหนุ่มที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ

“จริงสิพี่ฉิง แล้วครั้งนี้จะอยู่ต้าโจวนานแค่ไหน?”

สีหน้าหลิวฉิงมีอาการลังเล “ฉันกับเจ้าหวังแอบหนีมาซีโจวเงียบ ๆ ทางโน้นมีฮ่องเต้ฉินองค์เดียวคงจะปิดได้ไม่นาน อย่ามากก็ได้ซักสามสี่เดือน”

ฮ่องเต้ฉินขึ้นครองราชย์เร็ว ก่อนหน้านี้อำนาจบริหารอยู่ในมือกู้ฉางเซินทั้งสิ้น และฮ่องเต้ก็ทรงฟังคำยุยงจากคนรอบข้างจนไม่ไว้ใจเขา พยายามจะหาวิธีชิงอำนาจกลับคืนอยู่ตลอดเวลา

จนกระทั่งกู้ฉางเซินเกิดเรื่อง จึงได้เข้าใจถึงความหวังดีของเสด็จอา และเห็นโฉมหน้าแท้จริงของคนรอบข้าง

“ฉันกับเจ้าหวังคงอยู่ได้ไม่นาน ไม่งั้นปล่อยให้หมอนั่นอยู่เป่ยฉินคนเดียว อาจถูกเสือสิงห์กระทิงแรดในวังกินจนไม่เหลือซาก และน้องบุญธรรมฉันก็อยู่ในมือเขาอีก”

น้องบุญธรรมลวี่อีเป็นเด็กกำพร้าที่แม่ทัพอาวุโสฟงรับเลี้ยงไว้ นางติดตามฟงเสี่ยวเม่ยเข้าวัง ได้รับความลำบากมิใช่น้อย

นับแต่หลิวฉิงย้อนเวลามา ลวี่อีก็ดีต่อนางมาก แม้กระทั่งปกป้องด้วยชีวิต นางจึงไม่อาจทิ้งเด็กคนนี้ไปได้

ฮ่องเต้ฉินรู้ว่านางคิดออกจากวังมาโดยตลอด เกรงว่าครั้งนี้นางจะไปแล้วไปลับ จึงได้กักตัวลวี่อีไว้ในวังหลวง

คิดไปคิดมา หลิวฉิงก็พูดกับอวิ๋นหลิงอย่างจริงจัง “รอไว้เคลียร์เรื่องยุ่ง ๆ ที่วังเป่ยฉินเสร็จเมื่อไหร่ ฉันจะกลับมาสมทบกับเธอที่ต้าโจว และไปหาเจ้าใหญ่ด้วยกัน”

นางพูดว่า “กลับมาต้าโจว” แสดงว่าไม่มีความอาลัยอาวรณ์ต่อแคว้นเป่ยฉินเลย

น้องหลิงปักหลักมีครอบครัวที่ต้าโจวแล้ว สุดท้ายก็ย่อมจะต้องอยู่ที่นี่

อวิ๋นหลิงพยักหน้าอย่างจริงจัง “ไว้อีกหน่อยเราได้อยู่พร้อมหน้า คงไม่ต้องพรากจากกันอีก!”

เวลาแค่สามสี่เดือนอาจจะดูกระชั้น แต่นางมั่นใจว่าจะรักษากู้ฉางเซินกับหลิวฉิงให้หายได้

คำนวณเวลาดู พอถึงเดือนเจ็ดเมื่อไหร่ เยี่ยนอ๋องซึ่งไปเข้าพิธีแต่งงานที่ตงฉู่กับตี้อู่เหยาก็คงจะกลับมาเช่นกัน

ก่อนหลิวฉิงจะกลับไปเป่ยฉิน ไม่แน่อาจได้พบหน้าน้องเล็กซักครั้ง พอนึกถึงตรงนี้ ความตึงเครียดในใจหลังเกิดเหตุกบฏในวังก็ค่อยบรรเทาลงบ้าง

สองคนคุยโน่นคุยนี่จนถึงเที่ยงคืน ค่อยนอนเบียดในผ้าห่มเดียวกันและผล็อยหลับไป

รุ่งขึ้นตื่นมา อวิ๋นหลิงก็เริ่มทำงานอย่างวุ่นวายอีกครั้ง

ช่วงเช้าจัดยาและฝังเข็มให้กู้ฉางเซินเพื่อระงับพิษในตัว เร่งเพาะต้นกล้าสมุนไพรหายาก ตอนบ่ายเตรียมผสมตัวยาเชื่อมกระดูกให้แก่หลิวฉิง

นางยุ่งจนไม่มีเวลาเลี้ยงลูก ต้องปล่อยให้คนอื่นดูแลไป

ไม่รู้เพราะความที่คลุกคลีกับสัตว์บ่อยหรือเปล่า หลิวฉิงจึงมักถูกชะตากับเด็กเป็นพิเศษ

นอกจากต้าเป่ากับเอ้อร์เป่าแล้ว แม้แต่นั่วเอ๋อร์ก็ติดนางแจเช่นกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ