พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 367

วันต่อมา อวิ๋นหลิงจัดแจงทุกอย่างเรียบร้อย จึงไปหาเสิ่นชิ่นด้วยตัวเอง

ในตำหนักเสียนอ๋อง สภาพในวันนี้ต่างจากวันวานโดยสิ้นเชิง

หลายวันก่อนที่นี่ยังมีบรรยากาศคึกคัก บ่าวไพร่เดินไปมา แต่วันนี้กลับปรากฏร่องรอยของความเสื่อมโทรม เงียบเหงาวังเวง

เดือนสามเป็นยามที่ดอกยี่หุบกำลังเบ่งบาน แต่ต้นยี่หุบในลานบ้านกลับมีกิ่งก้านที่หักคาต้น เผยร่องรอยของการถูกกระบี่ฟัน

แม้ว่าซากศพและคราบโลหิตจะถูกชะล้างไปหมดสิ้น แต่ตามกิ่งไม้และดอกไม้ก็ยังมีคราบเลือดแห้งกรังติดอยู่ เป็นประจักษ์พยานในเหตุการณ์ที่เศร้าสลดเมื่อวันนั้น

อวิ๋นหลิงเดินเข้าห้องโถง ก็เห็นสาวใช้หน้าตาหมดจดผู้หนึ่งจับมือเสิ่นชิ่นไว้พร้อมกับน้ำตาคลอเบ้า

“บ่าวไม่ไปไหน ถ้าบ่าวไปแล้ว มิเหลือแต่พระชายาผู้เดียวหรอกหรือ!”

นางจำได้ว่าสาวใช้ผู้นี้มีนามว่าชุนหยา คลับคล้ายคลับคลาว่าแต่งมาพร้อมกับเสิ่นชิ่น

เสิ่นชิ่นถอนหายใจ ตบมือนางเบา ๆ “ข้าคงไม่ใช่พระชายาเสียนอ๋องอีกแล้ว เจ้ายังจะติดตามข้าทำไมอีก เอาเงินแล้วไปหาคนดี ๆ ซักคน ชีวิตเจ้ายังอีกยาวไกลนัก”

ชุนหยาส่ายหน้า ยืนกรานเสียงแข็ง “ไม่ว่าจะยังไง ท่านอยู่ไหนข้าก็อยู่ที่นั่น!”

เสิ่นชิ่นคิดจะพูดอะไรต่ออีก แต่พอเห็นอวิ๋นหลิงเดินเข้ามา จึงต้องให้ชุนหยาออกไปก่อน

นางลุกขึ้นรินน้ำชาที่ค่อนข้างเย็นให้แก่อวิ๋นหลิงหนึ่งถ้วย “ไม่รู้ว่าเจ้าจะมาวันนี้ ไม่ทันได้เตรียมต้อนรับ”

อวิ๋นหลินกวาดตาดูโดยรอบและถามนาง “เจ้าให้คนในจวนออกไปหมดแล้วหรือ?”

เมื่อครู่นี้ตอนนางเข้ามา ไม่มีบ่าวซักคนจะมาส่งข่าวก่อน

“นอกจากชุนหยาแล้ว คนอื่นต่างแยกย้ายไปตามทางของตนเอง” เสิ่นชิ่นพยักหน้า กล่าวอย่างทอดถอนใจ “พวกเขาน่าสงสารนัก ข้าคืนสัญญาขายตัวให้ไปหมดสิ้น และแบ่งเงินให้อีกจำนวนหนึ่ง”

ข้าวของในบ้านสุดท้ายก็ต้องถูกยึดเข้าหลวงอยู่แล้ว มิสู้เอาบางส่วนมาแจกจ่ายให้บ่าวไพร่ผู้บริสุทธิ์ยังดีกว่า

อวิ๋นหลิงหยุดชะงัก พลางกล่าวเสียงอ่อนโยน “ถ้าชุนหยาคิดอยู่กับเจ้า ก็ให้นางอยู่ต่อเถอะ ชั่วดีอย่างไรนางก็ปรนนิบัติเจ้ามาแต่น้อยคุ้มใหญ่ เจ้าคืนสัญญาขายตัวให้ก่อน นางจะได้มีอิสระ แล้ววันหน้าถ้าคิดออกเรือนค่อยให้ไปก็ยังไม่สาย”

คนตระกูลเสิ่นถูกเนรเทศ นั่วเอ๋อร์ก็ต้องไปอยู่ในวัง นางไม่ต้องการจะเห็นเสิ่นชิ่นอยู่เดียวเปลี่ยวกายเพียงลำพัง

“ไว้ข้ากับหวยหยูจะหาเรือนเล็ก ๆ ซักหลังให้เจ้าย้ายไปอยู่ มีชุนหยาเป็นเพื่อนจะได้ไม่ต้องเงียบเหงามากนัก”

เสิ่นชินได้ยินดังนี้ก็ถอนหายใจ “แสดงว่าเสด็จพ่อคงมีข้อสรุปแล้ว ที่จะจัดการกับตระกูลเสิ่นและจวนเสียนอ๋องอย่างไร”

มิฉะนั้นอวิ๋นหลิงคงไม่มาพูดกับนางเช่นนี้

อวิ๋นหลิงพยักหน้าเบา ๆ และบอกเล่าถึงการตัดสินพระทัยของฮ่องเต้จาวเหรินที่มีต่อตระกูลเสิ่นให้นางฟัง

เสิ่นชิ่นรู้ผลที่ตระกูลเสิ่นจะได้รับ ก็ให้ถอนหายใจยาว สีหน้าตื้นตัน

“ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่ทรงเมตตา”

นับแต่โบราณมา ผู้คิดคดทรยศต่อบ้านเมืองมีหรือจะไม่ต้องโทษประหาร?

ฮ่องเต้จาวเหรินทรงผ่อนผันเช่นนี้ เสิ่นชิ่นรู้สึกซาบซึ้งจนเหลือจะกล่าว

อวิ๋นหลิงจึงได้พูดว่า “เรื่องยึดทรัพย์ตระกูลเสิ่น เสด็จพ่อทรงมอบหมายให้ปี้เฉินไปดำเนินการ เจ้าเป็นลูกสาวที่แต่งออกมาแล้ว เรื่องนี้คงไม่มีผลกระทบตาม รวมถึงในตำหนักเสียนอ๋อง ก็จะไม่แตะสินเจ้าสาวของเจ้า”

เพราะตามกฎเกณฑ์และประเพณี เสิ่นชิ่นออกเรือนไปแล้ว จึงไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลเสิ่นอีก ยึดทรัพย์ก็ไม่เกี่ยวกับนาง ทรัพย์สินเงินทองในจวนเสียนอ๋องต้องตกเป็นของหลวงทั้งสิ้น แต่สินเจ้าสาวถือเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของฝ่ายหญิง ไม่เกี่ยวข้องกับจวนเสียนอ๋อง

เนื่องจากเรื่องนี้ไม่มีกฎเกณฑ์กำหนดแน่ชัด เซียวปี้เฉิงจึงถือเอาช่องโหว่ตรงนี้ แสร้งทำเป็นหลับหูหลับตา เหลือเงินบางส่วนไว้ให้เสิ่นชิ่นได้ใช้จ่ายบ้าง

เสิ่นชิ่นเข้าใจถึงความหวังดีของอวิ๋นหลิงกับสามี ขอบตาร้อนผ่าวขึ้น กล่าวอย่างซาบซึ้งใจ “อวิ๋นหลิง...เจ้ากับปี้เฉิงช่วยเหลือข้าครั้งแล้วครั้งเล่า ข้าไม่รู้จะตอบแทนพวกเจ้าอย่างไรดี โชคดีที่มีพวกเจ้า ข้ากับลูกจึงไม่ต้องไประหกระเหินอยู่ข้างนอก”

อวิ๋นหลิงนิ่งลงครู่หนึ่ง แววตาสับสนยิ้มให้นางเล็กน้อย พลางชั่งใจในสิ่งที่จะกล่าวต่อไปนี้

“นั่วเอ๋อร์เป็นหลานแท้ ๆ ของเสด็จพ่อ จะทรงยอมให้ไประหกระเหินได้อย่างไร เมื่อวานจึงมีรับสั่งว่า ให้นำตัวนั่วเอ๋อร์ไปอยู่ในวัง อบรมโดยแม่นมที่ดีที่สุด พร้อมกับยังคงตำแหน่งท่านหญิงของนางไว้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ