พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 369

อวิ๋นหลิงรีบนำกล่องยา พร้อมขึ้นรถม้าไปยังหอต้าหลี่ทันที ระหว่างทางก็ได้ทำความเข้าใจต่อเรื่องที่เกิดโดยคร่าว ๆ

ว่ากันว่านับแต่วันที่ก่อกบฏ รุ่ยอ๋องก็ถูกเสียนอ๋องกักบริเวณอยู่แต่ในตำหนัก เขาแทบไม่รู้ว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น ภายในคืนเดียวคล้ายกับตัดขาดโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง

หรนฉานก็ถูกรับตัวไปพักผ่อนบำรุงครรภ์ที่จวนเจิ้นกั๋วกง ส่วนพระชายารองฉู่อวิ๋นหานก็หายสาบสูญไป

หลายวันถัดมามีแต่ถูกขังอยู่ในห้องมืด นอกจากคนส่งอาหารแล้ว แทบไม่มีใครพูดคุยกับเขาอีก

รุ่ยอ๋องแทบไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแน่ ในใจก็ร้อนรุ่มดั่งไฟเผา จนแอบได้ยินคนที่คุมตัวเขาแอบกระซิบกระซาบกับผู้อื่น ถึงรู้ว่าที่แท้น้องรองคิดก่อกบฏ!

ขณะที่ตกตะลึงพรึงเพริด เขายังแทบเหงื่อซึมและบ่นพึมพำกับตัวเอง

“คุณพระช่วย สวรรค์! น้องรองคิดคดหรือนี่! แล้วฉานเอ๋อร์กลับไปบ้านแม่ของนาง ทางจวนเจิ้นกั๋วกงจะเป็นอย่างไรบ้าง...”

รุ่ยอ๋องเป็นห่วงหรงฉานนัก ร้อนรนจนแทบกินนอนไม่ได้ ขณะเดียวกันยังจิตประหวัดไปถึงฉู่อวิ๋นหานด้วย

เขาไม่ได้พบเจอนางมาพักใหญ่ แต่คิดว่านางคงเหมือนกับเขา ถูกกักอยู่ในจวนเช่นกัน

จนกระทั่งในวันที่เซียวปี้เฉิงพาคนถือปืนไฟพังประตูเข้ามา ช่วยรุ่ยอ๋องเอาไว้ เขาถึงรู้ว่าที่แท้ภายนอกได้เกิดเหตุการณ์ที่น่าสะเทือนขวัญเป็นอย่างมาก

และด้วยเหตุนี้ ยังมีความจริงอีกสองอย่างที่ทำให้เขาแทบไม่อยากเชื่อ

จวนเจิ้นกั๋วกงรู้ว่าจะมีความเคลื่อนไหวแต่แรก จึงให้รับตัวหรงฉานไปหลบภัยล่วงหน้า

และในส่วนของผู้ก่อเหตุ หนึ่งในนั้นก็คือชายารองของเขาฉู่อวิ๋นหาน ผู้ซึ่งเขาพยายามจะสู่ขอแต่งงานกับนางให้จงได้

ความรู้สึกหวาดกลัวและสิ้นหวังขณะอยู่ในห้องมืดนั้น ไม่มีใครเข้าใจเขาได้

และหลังจากรู้ความจริงเข้า อารมณ์ของรุ่ยอ๋องก็เริ่มเครียดและขาดสติ จนถึงขนาดคลุ้มคลั่งก็ว่าได้

เฉียวเย่ควบม้าคุ้มกันอยู่ด้านข้าง พูดคุยกับอวิ๋นหลิงโดยมีม่านกั้นอยู่

“รุ่ยอ๋องพอรู้ความจริงเข้าก็สะเทือนใจนัก หลายวันนี้แทบจะล้มป่วยหนัก...”

อวิ๋นหลิงขมวดคิ้ว “เขาก็ช่างอ่อนแอนัก แต่บอกไว้ก่อน ข้าจะไปดูเสี่ยวฉาน ยังไม่อยากดูอาการให้เขา”

รุ่ยอ๋องเป็นคนชอบมักง่าย นางไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวด้วย

สีหน้าเฉียวเย่ส่อแววจนปัญญา แต่ก็ได้กล่าวต่อ “ไม่เพียงเท่านี้ รุ่ยอ๋องยังอาละวาดอยู่หลายวัน บอกว่าพระชายารุ่ยอ๋องรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังทิ้งเขาให้อยู่ในจวนคนเดียว มิน่าใคร ๆ ถึงว่าสามีภรรยาเดิมเป็นนกร่วมป่า แต่เมื่อภัยมาต่างบินหนี...”

“ใครไปทิ้งเขา เสี่ยวฉานไม่รู้เรื่องอะไรซักหน่อย” อวิ๋นหลิงขมวดคิ้ว กล่าวอย่างขุ่นเคืองเล็กน้อย “อีกอย่าง ต้นเหตุคือเกิดจากฉู่อวิ๋นหาน ซึ่งเขาพยายามจะแต่งงานด้วยให้ได้ แล้วจะโทษเสี่ยวฉานได้อย่างไร”

“ทำไมไม่ไปอาละวาดใส่ฉู่อวิ๋นหาน ทำไมไม่ตบหน้าตนเองบ้าง ช่างเห็นแก่ตัวสิ้นดี”

เขาเป็นคนหาเรื่องใส่ตัว จวนเจิ้นกั๋วกงยังจะโทษที่เขาไม่มีหัวคิด จนจะพาให้หรงฉานเดือดร้อนด้วยซ้ำ

เฉียวเย่ถอนหายใจ “แม้จะเป็นเช่นนั้นก็เถอะ แต่พอรุ่ยอ๋องไม่ได้เห็นหน้าฉู่อวิ๋นหาน ความหงุดหงิดเลยไปลงที่พระชายารุ่ยอ๋องแทน”

รุ่ยอ๋องถูกกักบริเวณอยู่ในห้องเล็กที่ไม่เห็นแสงสว่าง ในใจเป็นห่วงหรงฉานทุกวันทุกคืน กินก็ไม่ได้นอนก็ไม่หลับ

แต่กลับมีคนบอกเขาว่า จวนเจิ้นกั๋วกงรับตัวหรงฉานไปหลบภัยเสียนานแล้ว โดยไม่ได้ส่งข่าวให้เขารู้

เมื่อได้รับรู้เช่นนี้ รุ่ยอ๋องก็ย่อมจะรับไม่ได้ เขาเสียใจหนักหน่วง โกรธจนทรุดลงกับพื้นและซับน้ำตา

“เสียทีที่หลายวันนี้ข้าเป็นห่วงพวกเจ้า แต่พวกเจ้าคนหนึ่งทิ้งข้าไป อีกคนก็ให้ร้ายข้า...ข้าช่างเหมือนตัวตลกจริง ๆ”

ชั่วชีวิตเขาไม่เคยถูกกักบริเวณอย่างลำบากเช่นนี้มาก่อน ความมืดมิดและเงียบเหงาที่ต่อเนื่องหลายวัน กลายเป็นปมฝังใจที่ยากจะลบทิ้งได้

หรงฉานรีบไปปลอบโยนเขา “ใช่ว่าข้าจงใจทิ้งท่านไป แต่ท่านพ่อกับพี่ใหญ่ไม่ได้บอกความจริงให้รู้ ข้าก็ไม่รู้ว่าในเมืองเกิดอะไรขึ้นบ้าง หากรู้แต่แรก ข้าจะไม่มีวันทิ้งท่านเลย ตลอดเวลาที่อยู่บ้านพักนอกเมือง ข้าก็ห่วงความปลอดภัยของท่านเช่นกัน!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ