พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 394

ด้านนอกตำหนักฉางหนิง

สีหน้าเหลียงเฟยย่ำแย่ถึงขีดสุด ระหว่างคิ้วเผยความโกรธแค้นอย่างปิดไม่มิด

“ข้าไม่คิดเลยว่านางจะไปฟ้องฝ่าบาท นางไม่เห็นหัวข้ากับหยวนโม่เลยใช่ไหม? พวกเราสองคนสู้สาวใช้ของนางไม่ได้เลยหรือ?”

เหลียงเฟยรู้ว่าอวิ๋นหลิงชอบปกป้องคนของตัวเองและยังเป็นคนจริงจังอีกด้วย ไม่ว่าผู้ใดล่วงเกินนาง นางก็จะเอาคืนทุกราย

ก่อนหน้านี้เหลียงเฟยทุบตีจื่อเถาด้วยความโกรธ ตอนนั้นก็เสียใจที่พลาดพลั้งไปทำเยี่ยงนี้

นางคาดการณ์ว่าหลังจากทำร้ายคนของอวิ๋นหลิงแล้ว อวิ๋นหลิงต้องไม่พอใจ ถึงเวลานั้นนางก็จะยอมลดตัวไปขอโทษอีกฝ่าย

ทว่าสิ่งที่เหลียงเฟยคาดไม่ถึงก็คือ อวิ๋นหลิงเอาคืนหนักเยี่ยงนี้ เพื่อสาวใช้คนหนึ่ง ถึงกลับไปฟ้องร้องนางในห้องตำรา

แม่นมเจินปลอบใจด้วยความเห็นใจ “พระสนมเหลียงเฟย ครั้งนี้พวกเราต้องทนเพื่อองค์ชายห้าเพคะ”

ความอ่อนโยนบนใบหน้าเหลียงเฟยแทนที่ด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน พูดขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “นางจะให้ข้ามาขอโทษสาวใช้คนหนึ่ง ทั้งยังให้ประกาศแจ้งให้คนทั้งวังรับรู้ ไม่ไว้หน้าข้าเลยสักนิด เสียแรงที่โม่เอ๋อร์เห็นนางเป็นคนดี”

แม่นมเจินก็ถอนหายใจ “พระสนมโปรดระงับโทสะเพคะ ตอนเจอหน้าพระชายาจิ้งอ๋อง พระสนมต้องควบคุมอารมณ์ของตัวเองไว้นะเพคะ”

ต่อให้เหลียงเฟยไม่พอใจเช่นไร ทว่าฝูงกงกงได้ส่งคนมาถ่ายทอดคำบัญชาแล้ว นางจะทำอะไรได้

หากไม่มาขอโทษ นางก็ต้องโดนเฆี่ยนก้นตามกฎหมาย

เมื่อนึกถึงอวิ๋นหลิงเอากฎหมายมาอ้าง เหลียงเฟยก็รู้สึกเดือดดาลจนอยากหัวเราะ นางเป็นถึงหนึ่งในสี่ของพระสนมขั้นเฟย ต้องรับโทษเพราะตบหน้าสาวใช้คนหนึ่ง คาดว่าคงไม่มีเรื่องเยี่ยงนี้ในโบราณกาลและอนาคตแน่

ระหว่างที่นางรู้สึกโกรธขึ้งก็เห็นนางกำนัลเดินออกมายอบกายคำนับ

“พระสนมเหลียงเฟย พระชายาจิ้งอ๋องเชิญเพคะ”

เหลียงเฟยสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พยายามให้ตัวเองใจเย็นเข้าไว้

ยามนี้เป็นช่วงขาขึ้นของท่านอ๋องจิ้งกับภรรยา ยิ่งท่านอ๋องจิ้งแล้วยิ่งเป็นที่เคารพรักของผู้คน ตำแหน่งรัชทายาทก็น่าจะตกเป็นของเขา

ฉะนั้นองค์ชายห้าสนิทกับพวกเขาจะมีผลดีมากกว่าผลเสีย แม้จะรู้สึกขุ่นเคืองใจด้วยเรื่องของจื่อเถา ทว่าเหลียงเฟยก็ยังคงเลือกที่จะอ่อนข้อ

อย่างไรเสียก็เป็นคนที่ใช้ชีวิตในวังหลังยี่สิบกว่าปี นางจึงสามารถปรับอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว

เหลียงเฟยก้าวเท้าเข้ามาถึงด้านในตำหนักก็เห็นอวิ๋นหลิงเตรียมน้ำชาไว้รอแล้ว

นางพยักหน้าให้เหลียงเฟย “เสด็จแม่เหลียงมาแล้วหรือ?”

ใบหน้าหมดจด งามพิสุทธิ์ของเหลียงเฟยเปี่ยมไปด้วยความสำนึกผิด ทันทีที่เข้าไปถึงก็รีบกุมมืออวิ๋นหลิงไว้

“เด็กดี วันนั้นข้าบุ่มบ่ามไปตบหน้าคนของเจ้า หลังจากนั้นข้าก็นึกเสียใจอยู่แล้ว ข้าไม่รู้ว่าจื่อเถาเป็นสหายคนสนิทของเจ้า ข้าผิดเองที่บุ่มบ่ามเกินไป ตอนนี้มาขอโทษเจ้า เจ้าอย่าได้ใส่ใจเลยนะ”

อวิ๋นหลิงเลิกคิ้วอย่างไม่มีใครสังเกตเห็น

บอกตามตรง อวิ๋นหลิงเห็นคนประเภทวางอำนาจบาตรใหญ่อย่างหวงกุ้ยเฟยมาเยอะ แต่ท่าทีของเหลียงเฟยนี้ชวนให้นางไม่คุ้นชินเสียเลย

ทว่ามีสุภาษิตหนึ่งกล่าวไว้ว่า ไม่เอื้อมมือตบหน้าผู้ที่ยิ้มแย้ม ในเมื่อเหลียงเฟยยอมลดตัวขนาดนี้ นางก็จะต้องทำหน้ารับแขกเข้าไว้

อวิ๋นหลิงยิ้มกลับ จากนั้นก็พยุงเหลียงเฟยไปนั่งบนเก้าอี้ ก่อนจะรินน้ำชาให้อีกฝ่าย

“จื่อเถาไม่ใช่แค่เป็นเพื่อนข้า แต่ยังเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตหยวนโม่ไว้ หากตอนนั้นไม่ใช่ความฉลาดและมีไหวพริบของนาง คาดว่าหยวนโม่คงเสียชื่อเสียงด้วยแผนร้ายของเฟิงจิ่งเหวยแล้ว”

“เสด็จแม่ก็คงจะรู้ว่า ไม่ง่ายเลยกว่าหยวนโม่จะเดินออกจากมลทินนั้นได้ ทุกคนเข้าใจว่าเขากลับตัวกลับใจแล้ว ด้วยประวัติอันด่างพร้อยของเขา หากตกอยู่ลงในหลุมลักษณะเดียวกันอีกครั้ง พวกขุนนางจะมองเขาเช่นไร? พวกเขาต้องหาว่าเปลี่ยนสันดานหยวนโม่ยาก ยังคงเป็นคนเจ้าสำราญ การเปลี่ยนแปลงที่ว่าเป็นเพียงการเสแสร้งเท่านั้น”

“ผู้ที่ช่วยหยวนโม่ในตอนนั้นคือจื่อเถา ไม่ใช่ข้ากับปี้เฉิง เสด็จแม่เหลียง ไม่ว่าจะด้านความรู้สึกหรือด้านคุณธรรม ท่านก็ไม่ควรลงไม้ลงมือกับจื่อเถา”

เหลียงเฟยได้ยินดังนั้นก็หน้าซีดขาวเล็กน้อย และยังเจือความอับอายและโมโหไว้เล็กน้อย

นางยอมลดตัวขนาดนี้แล้ว คิดว่าอวิ๋นหลิงจะไว้หน้า ไหนเลยจะคิดว่าอีกฝ่ายจะตำหนินางโดยละเอียดอีก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ