ต้องใช้เวลาอยู่นานกว่าอวิ๋นหลิงจะตามสถานการณ์ทัน รูปแกะสลักที่ถูกเซ่นไหว้คือนาง
เฉียวเย่พูดต่อไปว่า “ชาวบ้านได้ยินว่าพระองค์รับบริจาคหนังสือในราชสำนักก็นำหนังสือของตัวเองมามอบให้ด้วย”
อวิ๋นหลิงมองหนังสือที่จัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยก็รู้สึกซึ้งใจยิ่ง
เมื่อก่อนเวลาประชาชนบริจาคหนังสือนางก็ไม่รู้สึกพิเศษหรอก แต่หลังจากที่รู้ว่าหนังสือล้ำค่าเพียงใดก็มีความรู้สึกที่เปลี่ยนไป
นางไม่คิดว่าการตัดสินใจของตัวเอง ประชาชนจะตอบสนองเช่นนี้
“เก็บหนังสือพวกนี้ไว้ดีๆ”
อวิ๋นหลิงเห็นของเต็มหน้าประตูก็ยกเลิกความคิดไปโรงหมอ หันมาสั่งการให้ข้ารับใช้ในจวนจัดเก็บของพวกนี้อย่างเป็นระบบแทน
“ใต้เท้าเฉียว ท่านจัดทหารมาเฝ้าหน้าประตูเพิ่มอีก หากมีประชาชนมามอบสิ่งของ ต้องรับเฉพาะหนังสือ นอกนั้นก็ไม่ต้องรับ”
“ข้าน้อยน้อมรับคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ” เฉียวเย่พยักหน้า สื่อให้รู้ว่าจำได้แล้ว
ระหว่างที่กุลีกุจอกับงานในมือ ก็เห็นรถม้าคันอันคุ้นเคยจอดหน้าประตูจวนจิ้งอ๋อง
เฉียวเย่เห็นว่าเป็นรถม้าของเซียวปี้เฉิง จึงรีบเข้าไปต้อนรับ “ท่านอ๋องกลับมาแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
เพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องเตรียมก่อสร้างห้องสมุด เมื่อคืนเซียวปี้เฉิงจึงไม่ได้กลับจวนทั้งคืน อวิ๋นหลิงก็รีบเข้าไปหา แต่กลับเห็นเงาอันคุ้นเคยอีกร่างหนึ่งแทน
นางเลิกคิ้วพูดด้วยความแปลกใจ “เหตุใดท่านถึงมีเวลาว่างมาเป็นแขกในจวน?”
ผู้มาเยือนคือรุ่ยอ๋อง อวิ๋นหลิงไม่เจอเขาหนึ่งเดือนแล้ว
รุ่ยอ๋องยังเหมือนในความทรงจำทุกระเบียบนิ้ว ชอบสวมอาภรณ์สีขาว นัยน์ตาของเขาแต่งแต้มไปด้วยสิ่งที่เมื่อก่อนไม่เคยมี ซึ่งดวงตายังคงสุกใส ทว่าไม่ได้ไร้เดียงสาและอ่อนต่อโลกเมื่อวันวานแล้ว
เมื่อเขาเห็นอวิ๋นหลิงก็ร่างแข็งทื่ออย่างไม่เป็นธรรมชาติ จากนั้นก็ค่อยผ่อนคลาย
“วันนี้เป็นวันหยุด ข้าได้ยินว่าเจ้ากำลังรวบรวมตำราเรียน จึงอยากเป็นส่วนหนึ่งของธารน้ำใจนี้”
เสียงของรุ่ยอ๋องยังคงแผ่วเบา ทว่าไม่มีความระมัดระวังและตื่นเต้นเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
อวิ๋นหลิงเห็นเขามีหนวดเคราขึ้น ก็รู้ว่าหลังจากที่เขาถูกย้ายไปทำงานในกรมขุนนางแล้วลำบากไม่น้อย
เซียวปี้เฉิงเดินเข้ามาหาอวิ๋นหลิง เสกเส้นผมที่โดนลมพัดจนยุ่งเหยิงไว้หลังหู เอ่ยปากพูดด้วยรอยยิ้ม
“พี่ใหญ่ไม่ได้ใช้หนังสือทั่วไปนะ ล้วนเป็นการอธิบายเพิ่มเติมเนื้อหาในหนังสือขึ้นชื่อต่าง ๆ พวกบัณฑิตใหญ่ในสำนักศึกษาฮั่นหลินเห็นแล้วยังต้องยอมแพ้ ปกติพวกบัณฑิตจะแย่งกันซื้อคำอธิบายเพิ่มเติม ซึ่งราคาสูงหลายร้อยตำลึงเงินต่อหนึ่งบทความ พี่ใหญ่ได้ยินว่าพวกเราจะสร้างห้องสมุด จึงบริจาคของพวกนี้ให้ทั้งหมด บัณฑิตอื่นจะได้ยืมไปอ่านฟรีๆ”
หากไม่พูดถึงความเลอะเลือนในอดีต ภายใต้ความเข้มงวดของฮองเฮาเฟิง ความรู้ของรุ่ยอ๋องนั้นอัดแน่นเต็มสมอง สมกับเป็นโอรสคนโตของราชวงศ์
เซียวปี้เฉิงชี้ไปยังรถม้าคันหลัง ในนั้นมีหีบตั้งวางไว้หลายอัน
“ที่เมื่อคืนข้าไม่กลับจวน เพราะช่วยพี่ใหญ่จัดการของพวกนี้ทั้งคืน รีบสั่งให้ข้ารับใช้ไปเก็บสิ อย่าให้เสียหายละ”
อวิ๋นหลิงได้ยินแล้วก็รู้สึกนับถือรุ่ยอ๋องมากขึ้น “พัฒนาขึ้นเยอะเลย เปิดโลกกว้างแล้วนี่”
รุ่ยอ๋องเบือนหน้าไปอีกทางอย่างเก้อเขิน “ยังเก่งสูงน้องสะใภ้สามไม่ได้หรอก น้องสะใภ้ทำเพื่อประชาชนตลอด”
เขาก็เป็นหนึ่งในผู้ที่รักการศึกษา ย่อมรู้ว่าการกระทำของอวิ๋นหลิงสื่อถึงสิ่งใด หลังเขาทราบข่าวนี้ก็เกิดความตกตะลึงและมีอารมณ์ร้อยแปดหลั่งไหลเข้ามา จนเขานอนไม่ค่อยสนิทไปหลายคืน
รุ่ยอ๋องนึกถึงเรื่องราวในอดีตต่าง ๆ แล้วก็รู้สึกละอายแก่ใจ แทบจะมุดแผ่นดินหนี
เสียแรงที่เขาเป็นนักอ่านที่อ่านตำราหลายแขนงจนแตกฉาน แต่กลับใจแคบและมองการณ์ไกลได้ไม่เท่าอวิ๋นหลิง ซึ่งนางเป็นเพียงสตรีผู้หนึ่งเท่านั้น
หลังจากที่เขาวางอคติและข้อขัดแย้งลง เขาก็รับรู้ได้ว่าเหตุใดน้องสะใภ้สามถึงเป็นที่โปรดปรานเอ็นดูของพระเจ้าหลวง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...