พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 448

รุ่ยอ๋องได้ยินว่าเทวดาชี้แนะแนวทาง สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นตื่นเต้นขึ้นมา “ท่านอาจารย์เทพถ่ายทอดวิชาเซียนอะไรให้เจ้า?”

“ที่จริงก็ไม่ใช่วิชาเซียนหรอก เป็นวิธีการปรับการพิมพ์เฉยๆ ท่านอาจารย์บอกว่าชื่อเต็มคือการเรียงพิมพ์ด้วยดินเหนียว”

ในศตวรรษที่ยี่สิบสามข้อมูลนี้เรียกได้ว่าเป็นเนื้อหาที่เจอในข้อสอบที่ทุกคนจำขึ้นใจ

อวิ๋นหลิงเล่าตามความทรงจำ พูดถึงหลักการใช้แท่นเรียงพิมพ์ดินเหนียวและข้อดีข้อเสียอย่างละเอียด

โลกใบนี้ยังอยู่ในขั้นการพิมพ์แกะไม้ ถ้าต้องการตีพิมพ์หนังสือสักเล่มหนึ่ง ก็ต้องแกะสลักบนกระดาษไม้หน้าละหนึ่งแผ่นก่อน ทั้งเสียเวลาและสิ้นเปลืองทรัพยากร ถ้าเกิดแกะสลักผิดหนึ่งตัวก็ต้องทิ้งแผ่นแกะสลักอันเดิม แล้วทำใหม่อีกครั้ง

ส่วนการพิมพ์เชิงเรียงพิมพ์นั้นแค่ทำเป็นตัวอักษรโดดๆ เวลาต้องการตีพิมพ์ก็แค่นำตัวอักษรมาประกอบกันตามเนื้อหาในหนังสือ จากนั้นก็เริ่มทำการตีพิมพ์ได้

เซียวปี้เฉิงกับรุ่ยอ๋องฟังสิ่งที่อวิ๋นหลิงอธิบายเงียบๆ สีหน้าพวกเขาล้วนตื้นตันและเข้มขรึม แววตาเป็นประกายแวววาว ดูเหมือนจะเข้าใจเอกลักษณ์การพิมพ์เชิงเรียงพิมพ์แล้ว

เซียวปี้เฉิงกล่าว “วิธีนี้ดีเยี่ยมไปเลย สามารถเอาแม่พิมพ์มาจัดเรียงกันเป็นข้อความได้ หากแม่พิมพ์ใดเสียก็แค่ทำแม่พิมพ์ตัวนั้นๆ ใหม่อีกครั้ง ไม่จำเป็นต้องแกะสลักใหม่ทั้งแผ่น”

แผ่นแกะสลักต้นแบบตัวอักษรก็มีอายุการใช้งาน หากโดนแมลงแทะหรือขาดขึ้นมาก็ต้องโยนทิ้งแล้วทำใหม่

“ดีเยี่ยม ยอดเยี่ยมไปเลย”

รุ่ยอ๋องก็แสดงความดีใจทางสีหน้าอย่างเด่นชัด นัยน์ตาเป็นประกายระยิบระยับ

“ไม่ใช่แค่ประหยัดเวลาและกำลัง ถ้าคิดจะตีพิมพ์หนังสือทั่วไปด้วยก็ย่อมทำได้”

นอกจากตำราที่ได้รับความนิยมแล้ว ยังสามารถตีพิมพ์หนังสือที่มีคนไม่กี่ประเภทสนใจด้วย เพราะมีความยุ่งยากด้านการแกะสลักไม้ ดังนั้นจึงมีการตีพิมพ์หนังสือในปริมาณน้อย แต่ความคิดที่อวิ๋นหลิงเสนอขึ้นมา การเรียงพิมพ์โดยการใช้ดินเหนียวจึงตอบโจรย์พวกเขามาก

อวิ๋นหลิงเห็นท่าทีดีใจของพวกเขาก็แย้มยิ้ม “ต่อไปถ้าต้องการตีพิมพ์หนังสือก็ใช้วิธีแท่นเรียงพิมพ์นี้เถอะ แต่ถ้าต้องการพิมพ์ลวดลายภาพวาด ยังคงจำเป็นต้องใช้แผ่นไม้แกะสลักเหมือนเดิม”

อย่างหนังสือทางการแพทย์กับงานฝีมือต่างๆ ส่วนมากจะมีภาพประกอบด้วย การเรียงพิมพ์ยังไม่สามารถใช้แทนการแกะสลักไม้ในจุดนี้ได้

เซียวปี้เฉิงมองนางด้วยแววตาอ่อนโยน “ความคิดนี้ดีมาก ต่อไปก็จะลดต้นทุนการตีพิมพ์ได้เยอะเลย สำนักขันทีฝ่ายพิธีการก็ไม่ต้องจ้างช่างแกะสลักมากมายเช่นนั้นแล้ว”

เซียวปี้เฉิงแค่นึกได้ว่าประหยัดเงินได้เยอะก็รู้สึกว่าตอนนี้ดีใจเหมือนฉลองวันตรุษจีนเลย

“หลิงเอ๋อร์ เจ้าช่วยราชสำนักประหยัดเงินก้อนโตอีกแล้ว แล้วข้าคิดว่าทั่วทั้งแคว้นต้าโจว...ไม่ใช่สิ คนทั้งใต้หล้าจะขอบคุณเจ้าเป็นอย่างสูงแน่”

เทคนิคการตีพิมพ์นี้ไม่เพียงแต่เปลี่ยนแปลงแคว้นต้าโจวเท่านั้น ยังส่งผลต่อทั่วใต้หล้าอีกด้วย

รุ่ยอ๋องมองอวิ๋นหลิงด้วยแววตาชื่นชม ผ่านไปเนิ่นนานกว่าเขาจะปรับอารมณ์ของตัวเองให้ปกติอีกครั้ง จากนั้นก็ลุกขึ้นประสานมือคำนับอวิ๋นหลิงสามครั้ง

“น้องสะใภ้สาม ต้าโจวโชคดีเหลือเกินที่มีเจ้า”

ก่อนหน้านี้อวิ๋นหลิงกับรุ่ยอ๋องไม่เคยอยู่อย่างปรองดองเช่นนี้มาก่อน เจอกันทีไรก็ต้องทะเลาะกันเพราะเหม็นขี้หน้าอีกฝ่ายตลอด

จะว่าไปก็ตลกดี ท่าทีเป็นมิตรของรุ่ยอ๋องยามนี้ ชวนให้นางรู้สึกวางตัวไม่ถูก

แววตาของอวิ๋นหลิงก็อ่อนโยนขึ้นกว่าเดิม ยิ้มประสานมือให้เขา “พี่ใหญ่ชมเกินไปแล้ว ข้าไม่ได้ประดิษฐ์วิธีนี้ขึ้นมาเอง ไม่กล้ารับคำชื่นชมจริงๆ”

“ถ้าไม่ใช่วิชาเซียนแล้วผู้ใดเป็นคนคิดขึ้นมารึ?”

แววตาอวิ๋นหลิงอ่อนโยนมากขึ้น มีประกายแสงรำลึกถึงแวบผ่าน น้ำเสียงมีความภาคภูมิใจเล็กน้อย “วิธีการตีพิมพ์นี้ ท่านอาจารย์รู้ตอนไปท่องโลก ท่านอาจารย์บอกว่าผู้ประดิษฐ์ชื่อปี้เซิง เป็นช่างไม้แกะสลักในร้านหนังสือแห่งหนึ่ง”

ต่อให้นางหน้าด้านเพียงใด ก็ไม่อาจเอาความดีความงามครั้งใหญ่นี้ไปครอบครองได้ จึงแนะนำผู้คิดค้นตามเนื้อหาในประวัติศาสตร์ให้ฟังโดยทางอ้อม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ