พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 449

หลังจากได้ชื่ออย่างเป็นทางการและชื่อเล่นของห้องสมุดแล้ว รุ่ยอ๋องก็จดบันทึกหลักการและขั้นตอนการเรียงพิมพ์ด้วยดินเหนียวอย่างละเอียด

“เดี๋ยวข้าจะเข้าวังไปบอกข่าวดีกับเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องชอบแน่ๆ”

รุ่ยอ๋องเก็บสมุดจดบันทึกไว้อย่างอดรนทนไม่ไหว ใบหน้าผอมแห้ง ดวงตาดำคล้ำ แต่กลับมีชีวิตชีวายิ่ง

เซียวปี้เฉิงแนะนำให้เขากลับไปพักผ่อนที่จวนก่อน “ไม่รีบหรอก พี่ใหญ่ไม่ได้นอนมาทั้งคืน กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยบอกเสด็จพ่อตอนประชุมก็ยังไม่สาย”

วันนี้เป็นวันหยุด ต่อให้รายงานไปแล้ว แต่สำนักขันทีฝ่ายพิธีการก็ไม่อาจปฏิบัติได้ทันที

รุ่ยอ๋องยิ้มหน้าเก้อเขิน “...ข้าดีใจไปหน่อย อยากแบ่งปันข่าวดีๆให้ทุกคนรู้กันทั่วหน้า อย่างไรเสียข้าก็นอนไม่หลับอยู่แล้ว ไม่สู้เข้าวังไปพบเสด็จพ่อ จะว่าไปข้าก็ไม่ไปคารวะเสด็จพ่อนานพอสมควรแล้ว”

ยามนี้รุ่ยอ๋องถูกส่งตัวไปทำงานระดับล่างในกรมขุนนาง ด้วยคุณสมบัติของตำแหน่งงานยังไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมการประชุมราชการ

เซียวปี้เฉิงเห็นเขายืนกรานจะเข้าวังก็ไม่ได้ห้าม ลุกขึ้นส่งรุ่ยอ๋องออกจากจวน

รุ่ยอ๋องรีบเอ่ยขวาง “ไม่ต้องส่งข้าหรอก ปี้เฉิงเจ้าเองก็ยุ่งมาหลายวันแล้ว แล้วยังต้องช่วยข้าจัดหนังสือทั้งคืนอีก วันหยุดทั้งทีควรพักผ่อนอยู่จวนดีๆ อยู่เป็นเพื่อนอวิ๋นหลิงกับลูกๆเถอะ”

เซียวปี้เฉิวพยักหน้า “พี่ใหญ่เดินทางปลอดภัย ข้าไม่ไปส่งแล้ว”

รุ่ยอ๋องพยักหน้าอำลาพวกเขาสองสามีภรรยา แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็หยุดชะงัก หมุนกายมามองอวิ๋นหลิงอย่างมีความพูดในใจ

อวิ๋นหลิงเห็นเขาหยุดเดินก็พอจะเดาได้ว่าเขาอยากถามอะไร

“พี่ใหญ่ไม่ต้องกังวล ตอนนี้เสี่ยวฉานใช้ชีวิตนอกเมืองอย่างมีความสุขดี แล้วท่านหมอก็บอกว่าลูกในท้องนางแข็งแรงมาก”

รุ่ยอ๋องได้ยินแล้วก็โล่งอก ก้นบึ้งนัยน์ตาซ่อนความอ้างว้างและคิดถึงไว้ ได้แต่ยิ้มขอบคุณอวิ๋นหลิง

เขาไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น ทว่าทุกอย่างล้วนเป็นที่เข้าใจกันดี

รุ่ยอ๋องถือสมุดจดบันทึกแล้วค่อย ๆ เดินออกจากเรือนหลันชิง

อวิ๋นหลิงมองแผ่นหลังเขาแล้วอดอุทานไม่ได้ “ช่วงนี้เขาเปลี่ยนไปเยอะ ใบหน้ายังคงเหมือนเดิม แต่ความรู้สึกกลับเปลี่ยนไป”

รัศมีบนกายของรุ่ยอ๋องที่แผ่ซ่านออกมาเปลี่ยนไปแล้ว

เมื่อก่อนเขาก็เป็นคนอ่อนโยน มีจิตใจเมตตา ทว่ามีความไร้เดียงสาและโง่เขลาร่วมด้วย โดนคนอื่นจูงจมูกง่าย ยิ่งเวลาทะเลาะกันจะยิ่งเข้าทางผู้อื่น

แต่ยามนี้กลับสุขุมขึ้น มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

เซียวปี้เฉิงก็เอ่ยปากพูดว่า “พี่ใหญ่โตแล้ว”

คำนี้ฟังดูอาจกระดากปาก แต่ก็เป็นความรู้สึกอันแท้จริงของเขา

รุ่ยอ๋องในวันวานเหมือนเติบโตในเรือนกระจก ท่าทีแสนดีเหมือนเด็กเล็กในร่างผู้ใหญ่

อวิ๋นหลิงเห็นว่าเซียวปี้เฉิงเองก็เหนื่อยเอาการ จึงพูดด้วยความสงสาร “เมื่อครู่ข้าให้ห้องครัวต้มน้ำอุ่นไว้ ท่านไปอาบน้ำแล้วเข้านอนเถอะ เดี๋ยวร่างกายจะพังไปเสียก่อน”

หลายวันก่อนเริ่มก่อสร้างห้องสมุดแล้ว เซียวปี้เฉิงจึงออกไปแต่เช้าแล้วกลับดึกทุกวัน ใช้ชีวิตสลับกลางวันกับกลางคืนติดต่อกันระยะหนึ่งแล้ว

ต่อให้มีพลังจิตเหนือคนทั่วไป แต่ร่างกายก็มีวันเหนื่อยล้า

เซียวปี้เฉิงพยักหน้ากุมมือนางแล้วยิ้มแย้ม “ข้าก็แค่อยากให้บ้านทองคำสร้างเสร็จโดยเร็ว? ข้ายิ่งคุมงาน งานก็ยิ่งเดินเร็ว หากเจ้าสงสารข้า คืนนี้เจ้าก็ให้ข้านอนในอ้อมกอดเจ้าดีๆสิ”

อวิ๋นหลิงรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่จึงกลอกตามองบนใส่เขา “ข้าขอเก็บคำพูดเมื่อครู่กลับมา ดูเหมือนท่านยังมีกำลังเหลือเฟือ ยังมีเวลาว่างคิดเรื่องพวกนี้อีก”

เซียวปี้เฉิงหยอกล้อนางเสร็จก็ไม่ได้แหย่นางแล้ว ช่วงนี้เขาเหนื่อยล้าเต็มที ร่างกายต้องการการพักผ่อนจริงๆ

จะว่าไปความยุ่งระดับนี้ส่งผลให้มีเวลานัวเนียบนเตียงน้อยลงไปเยอะ

ขืนเป็นเยี่ยงนี้ต่อไป เขาจะได้อุ้มลูกสาวที่อยากได้ตอนไหน?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ