หลังจากได้ชื่ออย่างเป็นทางการและชื่อเล่นของห้องสมุดแล้ว รุ่ยอ๋องก็จดบันทึกหลักการและขั้นตอนการเรียงพิมพ์ด้วยดินเหนียวอย่างละเอียด
“เดี๋ยวข้าจะเข้าวังไปบอกข่าวดีกับเสด็จพ่อ เสด็จพ่อต้องชอบแน่ๆ”
รุ่ยอ๋องเก็บสมุดจดบันทึกไว้อย่างอดรนทนไม่ไหว ใบหน้าผอมแห้ง ดวงตาดำคล้ำ แต่กลับมีชีวิตชีวายิ่ง
เซียวปี้เฉิงแนะนำให้เขากลับไปพักผ่อนที่จวนก่อน “ไม่รีบหรอก พี่ใหญ่ไม่ได้นอนมาทั้งคืน กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยบอกเสด็จพ่อตอนประชุมก็ยังไม่สาย”
วันนี้เป็นวันหยุด ต่อให้รายงานไปแล้ว แต่สำนักขันทีฝ่ายพิธีการก็ไม่อาจปฏิบัติได้ทันที
รุ่ยอ๋องยิ้มหน้าเก้อเขิน “...ข้าดีใจไปหน่อย อยากแบ่งปันข่าวดีๆให้ทุกคนรู้กันทั่วหน้า อย่างไรเสียข้าก็นอนไม่หลับอยู่แล้ว ไม่สู้เข้าวังไปพบเสด็จพ่อ จะว่าไปข้าก็ไม่ไปคารวะเสด็จพ่อนานพอสมควรแล้ว”
ยามนี้รุ่ยอ๋องถูกส่งตัวไปทำงานระดับล่างในกรมขุนนาง ด้วยคุณสมบัติของตำแหน่งงานยังไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมการประชุมราชการ
เซียวปี้เฉิงเห็นเขายืนกรานจะเข้าวังก็ไม่ได้ห้าม ลุกขึ้นส่งรุ่ยอ๋องออกจากจวน
รุ่ยอ๋องรีบเอ่ยขวาง “ไม่ต้องส่งข้าหรอก ปี้เฉิงเจ้าเองก็ยุ่งมาหลายวันแล้ว แล้วยังต้องช่วยข้าจัดหนังสือทั้งคืนอีก วันหยุดทั้งทีควรพักผ่อนอยู่จวนดีๆ อยู่เป็นเพื่อนอวิ๋นหลิงกับลูกๆเถอะ”
เซียวปี้เฉิวพยักหน้า “พี่ใหญ่เดินทางปลอดภัย ข้าไม่ไปส่งแล้ว”
รุ่ยอ๋องพยักหน้าอำลาพวกเขาสองสามีภรรยา แต่เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็หยุดชะงัก หมุนกายมามองอวิ๋นหลิงอย่างมีความพูดในใจ
อวิ๋นหลิงเห็นเขาหยุดเดินก็พอจะเดาได้ว่าเขาอยากถามอะไร
“พี่ใหญ่ไม่ต้องกังวล ตอนนี้เสี่ยวฉานใช้ชีวิตนอกเมืองอย่างมีความสุขดี แล้วท่านหมอก็บอกว่าลูกในท้องนางแข็งแรงมาก”
รุ่ยอ๋องได้ยินแล้วก็โล่งอก ก้นบึ้งนัยน์ตาซ่อนความอ้างว้างและคิดถึงไว้ ได้แต่ยิ้มขอบคุณอวิ๋นหลิง
เขาไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น ทว่าทุกอย่างล้วนเป็นที่เข้าใจกันดี
รุ่ยอ๋องถือสมุดจดบันทึกแล้วค่อย ๆ เดินออกจากเรือนหลันชิง
อวิ๋นหลิงมองแผ่นหลังเขาแล้วอดอุทานไม่ได้ “ช่วงนี้เขาเปลี่ยนไปเยอะ ใบหน้ายังคงเหมือนเดิม แต่ความรู้สึกกลับเปลี่ยนไป”
รัศมีบนกายของรุ่ยอ๋องที่แผ่ซ่านออกมาเปลี่ยนไปแล้ว
เมื่อก่อนเขาก็เป็นคนอ่อนโยน มีจิตใจเมตตา ทว่ามีความไร้เดียงสาและโง่เขลาร่วมด้วย โดนคนอื่นจูงจมูกง่าย ยิ่งเวลาทะเลาะกันจะยิ่งเข้าทางผู้อื่น
แต่ยามนี้กลับสุขุมขึ้น มีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น
เซียวปี้เฉิงก็เอ่ยปากพูดว่า “พี่ใหญ่โตแล้ว”
คำนี้ฟังดูอาจกระดากปาก แต่ก็เป็นความรู้สึกอันแท้จริงของเขา
รุ่ยอ๋องในวันวานเหมือนเติบโตในเรือนกระจก ท่าทีแสนดีเหมือนเด็กเล็กในร่างผู้ใหญ่
อวิ๋นหลิงเห็นว่าเซียวปี้เฉิงเองก็เหนื่อยเอาการ จึงพูดด้วยความสงสาร “เมื่อครู่ข้าให้ห้องครัวต้มน้ำอุ่นไว้ ท่านไปอาบน้ำแล้วเข้านอนเถอะ เดี๋ยวร่างกายจะพังไปเสียก่อน”
หลายวันก่อนเริ่มก่อสร้างห้องสมุดแล้ว เซียวปี้เฉิงจึงออกไปแต่เช้าแล้วกลับดึกทุกวัน ใช้ชีวิตสลับกลางวันกับกลางคืนติดต่อกันระยะหนึ่งแล้ว
ต่อให้มีพลังจิตเหนือคนทั่วไป แต่ร่างกายก็มีวันเหนื่อยล้า
เซียวปี้เฉิงพยักหน้ากุมมือนางแล้วยิ้มแย้ม “ข้าก็แค่อยากให้บ้านทองคำสร้างเสร็จโดยเร็ว? ข้ายิ่งคุมงาน งานก็ยิ่งเดินเร็ว หากเจ้าสงสารข้า คืนนี้เจ้าก็ให้ข้านอนในอ้อมกอดเจ้าดีๆสิ”
อวิ๋นหลิงรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่จึงกลอกตามองบนใส่เขา “ข้าขอเก็บคำพูดเมื่อครู่กลับมา ดูเหมือนท่านยังมีกำลังเหลือเฟือ ยังมีเวลาว่างคิดเรื่องพวกนี้อีก”
เซียวปี้เฉิงหยอกล้อนางเสร็จก็ไม่ได้แหย่นางแล้ว ช่วงนี้เขาเหนื่อยล้าเต็มที ร่างกายต้องการการพักผ่อนจริงๆ
จะว่าไปความยุ่งระดับนี้ส่งผลให้มีเวลานัวเนียบนเตียงน้อยลงไปเยอะ
ขืนเป็นเยี่ยงนี้ต่อไป เขาจะได้อุ้มลูกสาวที่อยากได้ตอนไหน?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...