เฉียงเวยยิ้มอย่างเอาแต่ใจ “มีพระชายาคอยช่วยเหลือข้าอย่างเต็มที่เช่นนี้ ถ้าหากยังจับเขาไม่ได้ ข้าก็ไม่มีหน้าพบท่านแล้ว”
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นนอกเรือน ต่างคนต่างก็ปรับสีหน้าให้เรียบร้อยทันที
“เจ๋อเฟิง เจ้ากลับมาแล้วหรือ”
เจ๋อเฟิงเข้ามาเห็นอวิ๋นหลิง ทำการคำนับ สายตาเหลือบไปมองหนังสือที่ถูกพลิกดูและวางระเกะระกะอยู่บนโต๊ะ
ไม่ง่ายกว่าเขาจะสงบสติอารมณ์ลงมาได้ใบหน้าเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมาอีกแล้ว เอ่ยอย่างกระดากอาย “พระชายา คือว่า......หนังสือพวกนั้น......ประเดี๋ยวข้าจะรีบเอาไปทำลายด้วยตนเองทันที”
“หนังสือต้องห้ามเหล่านี้มอบให้ข้าจัดการดีกว่า คนบริจาคหนังสือมีเยอะมาก พวกเราก็ซื้อหากันตามอำเภอใจ เลี่ยงไม่ได้ที่จะมีหนังสือต้องห้ามเหล่านี้ปะปนเข้ามาด้วย”
อวิ๋นหลิงหยุดไปชั่วครู่ กำชับพวกเขาอย่างจริงจัง
“เจ๋อเฟิง เจ้ากับเฉียงเวยต้องเปิดอ่านทุกหน้าให้ละเอียดเชียว อย่าได้ตกหล่นอย่างเด็ดขาด มิเช่นนั้นหากหนังสือเหล่านี้หลุดเข้าไปในห้องสมุด กระทบต่อสุขภาพและจิตใจของประชาชนอย่างรุนแรงจะไม่ดี”
เยี่ยเจ๋อเฟิงอดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองเฉียงเวยแวบหนึ่ง รู้สึกแค่หวาดกลัวและกังวลมาก และรู้สึกหมดอาลัยตายอยากอยู่บ้าง
แต่เขาไม่เคยขัดคำสั่งของอวิ๋นหลิงเลย ดังนั้นจึงได้แต่พยักหน้า
“ข้าน้อยน้อมรับคำสั่ง”
หลังจากนั้นเยี่ยเจ๋อเฟิงก็ก้มหน้าไม่พูดจา นำเอาหนังสือต้องห้ามที่ตรวจพบออกมาวางไว้ในกล่องแยกต่างหากด้วยใบหูที่ร้อนผ่าว
อวิ๋นหลิงเรียกลู่ฉีมา นำเอาหนังสือต้องห้ามเหล่านี้ออกไป ในห้องจึงเหลือแค่เยี่ยเจ๋อเฟิงกับเฉียงเวย
เยี่ยเจ๋อเฟิงไม่เคยรู้สึกไม่เป็นตนเองเช่นนี้มาก่อน ไม่รู้จะทำตัวอย่างไร สายตาก็ไม่รู้ว่าควรจะมองไปทางไหนดี
จึงทำตามคำสั่งของอวิ๋นหลิง ก้มหน้าก้มตาตรวจดูเนื้อหาในหนังสือ หลังจากนั้นยิ่งอ่านหูก็ยิ่งแดง
อีกทั้งเฉียงเวยยังคอยาคุยกับเขาอยู่เป็นระยะ เหมือนตั้งใจจะเข้าใกล้เข้า สมองของเยี่ยเจ๋อเฟิงเชื่องช้าลงอย่างกะทันหัน
ได้แต่ใช้หางตาเหลือบมอง เขาก็สามารถมองเห็นใบหน้าที่สวยงามของเฉียงเวยได้ พอเก็บสายตากลับมา ในดวงตาก็เต็มไปด้วยตัวอักษรที่ไม่อาจจะพรรณนาได้
ดังนั้นจึงใช้เวลาช่วงบ่ายด้วยความทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ เกลียดที่ตนเองทำไมไม่เป็นคนไม่รู้หนังสือ
......
หลังจากที่อวิ๋นหลิงนำเอาหนังสือต้องห้ามที่คัดเลือกออกไปแล้ว ก็เดินไปยังทิศทางของเรือนหลันชิง
หนังสือเหล่านี้เป็นของล้ำค่า โยนทิ้งไปก็น่าเสียดายมาก ของดีย่อมต้องแบ่งปันกับทุกคน
อวิ๋นหลิงนำกล่องหนังสือต้องห้ามซ่อนเอาไว้ที่ใต้เตียงของตนเอง จากนั้นก็เลือกออกมาสองสามเล่ม พุ่งตรงไปยังห้องคนป่วยด้วยความตื่นเต้น
“พี่ฉิงพี่ฉิง ฉันมีของล้ำค่าให้พี่ดู”
ขาของหลิวฉิงเคลื่อนไหวได้ไม่สะดวก ไม่รู้ว่านอนอยู่บนเตียงนานแค่ไหนแล้ว ตอนนี้ใบหน้าสงบนิ่งเฉยชาราวกับมองโลกได้อย่างถ่องแท้และรู้เท่าทันโลกิยะแล้ว
“มีหนังสือเล่มใหม่หรือ”
ในยุคสมัยนี้ไม่มีมือถือและโทรทัศน์ ขาดแคลนความบันเทิงจนน่าสงสาร
บวกกับหลายวันมานี้กู้ฉางเซินก็เอาแต่ช่วยอวิ๋นหลิงจัดการหนังสือ ไม่มีเวลามาอยู่กับนางทั้งวัน ไม่สามารถมาอ่านหนังสือฆ่าเวลาให้นางฟัง
แม้ว่าอวิ๋นหลิงจะให้คนส่งหนังสือบทละครพื้นบ้านมาให้ แต่หลิวฉิงรู้สึกว่าการที่ตนเองอ่านไม่สนุก ไม่สู้กู้ฉางเซินมาอ่านให้นางฟังเอง
อวิ๋นหลิงกดเสียงลงต่ำ เขยิบเข้าไปใกล้นางและพูดข้างหู “เป็นผลงานที่น่าภาคภูมิใจของเฉียงเวย พวกนี้เป็นหนังสือต้องห้ามทั้งหมด พี่แอบดูอย่าให้คนอื่นเห็นเด็ดขาด”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...