ฮูหยินเฟิงแทบจะกระอักโลหิตออกมา นางไม่มีความหวังในตัวอวิ๋นหลิงอีกต่อไป จึงหันไปขอความช่วยเหลือจากรุ่ยอ๋อง
“ท่านอ๋อง! รีบไปช่วยญาติผู้น้องของท่านเถิด ท่านจะทนเห็นเหยียนเอ๋อร์ตายไปต่อหน้าต่อตาไม่ได้นะ!”
รุ่ยอ๋องได้รับการปกป้องจากฮองเฮาอย่างดีมาตลอด ไม่เคยเห็นเหตุการณ์เลวร้ายเช่นนี้กับตา จึงมองเซียวปี้เฉิงและอวิ๋นหลิงอย่างทำตัวไม่ถูกอยู่บ้างไปครู่หนึ่ง
“ฉู่อวิ๋นหลิง นี่เป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ที่สำคัญน้าสะใภ้ออกปากในยามนี้ออกจะประหลาดอยู่บ้าง ไยเจ้าไม่...ใจอ่อนสักครั้ง ช่วยเหลือสักหน่อยเป็นอย่างไร”
อวิ๋นหลิงแค่นหัวเราะหยัน “คิดว่าข้าโดนลาเตะมาเลยสมองโง่เหมือนท่าน ไปช่วยคนที่คิดปองร้ายข้าอย่างนั้นหรือ”
“แต่ว่าการอยู่เฉยๆ เช่นนี้ก็ไม่ใคร่ดีนัก ประเดี๋ยวหลังจากที่คุณชายเฟิงตัวเย็นชืดแล้ว ข้าจะขันอาสาช่วยฮูหยินเฟิงเก็บศพให้แล้วกัน”
มุมปากของเซียวปี้เฉิงสั่นกระตุก ปีศาจสาวผู้นี้ปากร้ายนัก ชวนให้เขานึกสงสัยว่าเฟิงเหยียนยังไม่ทันจะตัวเย็น ฮูหยินเฟิงจะถูกนางยั่วโทสะจนตายไปเสียก่อน
จริงดังคาด ครั้นฮูหยินเฟิงได้ยินประโยคนี้ก็โกรธจนเจียนจะหน้ามืดทันที
“นางคนต่ำช้า! นางหญิงสารเลวใจร้ายใจดำอย่างเจ้านี่! ไม่ได้ตายดีแน่!”
ฮูหยินเฟิงเลิกเพ้อฝันกับอวิ๋นหลิงโดยสิ้นเชิง แล้วเริ่มสาปแช่งเสียงดัง ประเดี๋ยวร่ำไห้ประเดี๋ยวสบถด่าอยู่พักหนึ่ง
อวิ๋นหลิงยักไหล่โดยไม่เก็บคำพูดของฮูหยินเฟิงมาใส่ใจเลย
เมื่อได้ยินเสียง หลินซินรีบรุนรถเข็นไม้ของเยียนอ๋องไปที่ห้องโถงหลัก
พอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หลินซินมองไปทางอวิ๋นหลิงด้วยแววตาโกรธขึ้งที่ไม่อาจปกปิดได้
“หมอเป็นผู้มีเมตตา หนึ่งชีวิตอยู่ต่อหน้า เจ้าไม่สะทกสะท้านเลยหรือ ต้องโหดเหี้ยมเพียงใด!”
เซียวปี้เฉิงสีหน้าบึ้งตึง กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เป็นข้าเองที่ไม่อนุญาตให้อวิ๋นหลิงรักษาเขา ข้ามาที่นี่เพื่อแจ้งให้ทราบว่า ใครหน้าไหนก็ตามที่ช่วยเฟิงเหยียนในวันนี้ ก็คือผู้สมรู้ร่วมคิดกับนักโทษ!”
ในใจเยียนอ๋องตื่นตระหนก พี่สามทำเช่นนี้ก็เจตนาให้เห็นว่าหมายจะเอาชีวิตเฟิงเหยียน!
หลินซินทอดสายตาไปทางเซียวปี้เฉิงอย่างไม่อยากจะเชื่อ ราวกับนึกไม่ถึงว่าศิษย์ที่เคารพอาจารย์เสมอมาผู้นี้จะไม่เชื่อฟังนาง
“ปี้เฉิง...”
“ไม่ว่าเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร ความจริงก็คือเฟิงเหยียนนำงูพิษเข้ามาในจวนจิ้งอ๋อง เคราะห์ดีที่วันนี้อวิ๋นหลิงพบเข้าโดยบังเอิญ หากวันดีคืนดีงูพิษตัวนี้โผล่ออกมาโดยไม่มีใครสังเกตเห็น แล้วกัดอวิ๋นหลิง กัดอวี้จือ ถึงขั้นกัดเสด็จปู่ ใครจะรับผิดชอบไหว!”
วาจาของเซียวปี้เฉิงราวกับอสนีบาตฟาดพสุธาดังเปรี้ยง ได้ปลุกผู้คนที่หวั่นไหวจนเกิดใจสงสารเฟิงเหยียนเพราะอาการสาหัสในบัดดล
ถูกต้อง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ผู้ที่นำงูพิษมาที่จวนจิ้งอ๋องก็คือเฟิงเหยียน
สีหน้าเซียวปี้เฉิงเยียบเย็นราวกับอสุรกาย “เฟิงเหยียนกำลังสังหารเชื้อพระวงค์ ถ้าพระเจ้าหลวงมีอันเป็นไป ไม่เพียงเฟิงเหยียนจะตาย ต่อให้เป็นเสนาบดีฝ่ายซ้ายก็อย่าหมายจะรอดพ้น”
“ฮูหยินเฟิง เจ้าควรจะดีใจว่าคนที่ถูกกัดคือเฟิงเหยียน หากเป็นคนอื่น ตระกูลเฟิงของพวกเจ้าคงหายนะมาเยือน!”
ฮูหยินเฟิงทรุดลงกับพื้นอย่างสิ้นเรี่ยวแรงด้วยสีหน้าอิดโรย เห็นชัดว่านางเข้าใจถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้
นางพึมพำทั้งน้ำตา “หรือว่า...เหยียนเอ๋อร์จะต้องตาย?”
อวิ๋นหลิงถอนหายใจแผ่วเบา “งูตัวนี้พิษร้ายแรง คิดจะขับพิษนั้นไม่ง่าย แต่ก็ยังมีวิธีที่จะช่วยชีวิตคุณชายของท่านได้”
ดวงตาของฮูหยินเฟิงทอประกายด้วยความหวังอีกครั้ง “วิธีอะไร”
อวิ๋นหลิงเอ่ยเสียงหนัก “ฉวยโอกาสที่พิษงูในร่างกายยังไม่ลุกลาม ตัดแขนขวาของเขาทิ้งเสียเดี๋ยวนี้”
เฟิงเหยียนตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็หลั่งน้ำตาฟูมฟายอีกครั้ง
“ท่านแม่! ข้าไม่เอา ข้าไม่อยากเป็นคนพิการ!”
หลินซินมองนางด้วยสายตาที่ไม่เห็นพ้องด้วย “การช่วยชีวิตคนดีกว่าการสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น ทั้งที่เจ้าขับพิษให้เขาได้ชัดๆ ไยต้องตัดแขนเขาด้วยเล่า”
ตอนนี้สิ่งที่นางสนใจที่สุดคือเรื่องของหินอุกกาบาต
“เสด็จพ่อ จี้ดวงดาวตามที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ ท่านจะประทานให้ข้าเมื่อใด”
ได้ยินเช่นนี้ จักรพรรดิจาวเหรินดูออกจะไม่เป็นธรรมชาติ
“เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นเล็กน้อย เกรงว่าจะให้เจ้าไม่ได้สักระยะหนึ่ง คงต้องเลื่อนเวลาอีกสักพัก”
อวิ๋นหลิงรู้สึกผิดหวังอย่างยิ่ง จึงถามถึงสาเหตุ ทว่าจักรพรรดิจาวเหรินกลับทอดพระเนตรไปรอบๆ ไม่ยอมตอบ จากนั้นรีบประทานรางวัลและอาหารบำรุงให้นางเป็นการปลอบใจ แล้วให้เซียวปี้เฉิงพานางออกไปโดยเร็ว
ระหว่างทางกลับจวน อวิ๋นหลิงนั่งอยู่ในรถม้า ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติ
“เสด็จพ่อคงจะไม่คืนคำใช่หรือไม่ หรือว่าพระองค์หมายจะจับเสือมือเปล่า ให้ข้าคลอดลูกให้ท่านไปเปล่าๆ?”
เซียวปี้เฉิงได้ฟังก็สีหน้าฉายแววจนคำพูด “กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ เสด็จพ่อมีพระประสงค์จะให้เจ้านั่นแหละ แต่ติดที่เจอปัญหานิดหน่อย”
“ฟังดูเหมือนท่านจะรู้สาเหตุ?”
เซียวปี้เฉิงพยักหน้า “ตอนเข้าวัง ข้าบังเอิญได้ยินฝูกงกงเอ่ยสองสามคำ”
เดิมทีจักรพรรดิจาวเหรินทรงต้องการเคาะเศษดวงดาวออกมาสักชิ้น แล้วทำเป็นจี้ประทานให้อวิ๋นหลิง ไหนเลยจะรู้ว่าเศษดวงดาวนั้นแข็งเป็นพิเศษ หลังจากลองพยายามมาหลายวิธีนับไม่ถ้วนก็ยังทำให้มันแตกไม่ได้ จึงต้องล้มเลิกความตั้งใจ
อวิ๋นหลิงฟังจบก็แย้งทันที “นี่ไม่ใช่จับเสือมือเปล่าหรอกหรือ”
จักรพรรดิจาวเหรินจะไม่ยอมมอบหินอุกกาบาตทั้งก้อนให้นางเป็นแน่ เช่นนั้นต่อให้นางจะให้กำเนิดบุตรชายจนตั้งทีมฟุตบอลได้ นางก็จะไม่ได้รับเศษหินอุกกาบาตแม้แต่ชิ้นเดียว
อวิ๋นหลิงสูญเสียความรักที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้นไปอย่างกะทันหัน
“ข้าเหนื่อย ข้าอยากอยู่เงียบๆ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
วิธีเติมเหรียญตรงไหนอย่างไร...
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...