เซียวปี้เฉิงกระแอมเบาๆ คราหนึ่งด้วยน้ำเสียงเจือความอยากรู้อยากเห็นอยู่บ้าง “เหตุใดเจ้าจึงปักใจอยู่กับเศษดวงดาวชิ้นนั้น”
“มีประโยชน์ต่อการฝึกปรือของข้า”
“มิน่าตอนที่เจ้าเห็นหินก้อนนั้นเป็นครั้งแรกก็สองตาลุกวาว ที่แท้สามารถเสริมพลังปีศาจของเจ้าได้นี่เอง”
เซียวปี้เฉิงครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วเอ่ยถามว่า “ในเมื่อเจ้ามิใช่คนธรรมดา เช่นนั้นพอจะรู้วิธีตัดเศษดวงดาวชิ้นนั้นหรือไม่”
“วิธีน่ะมี แต่ต้องลองดูจึงจะรู้ว่าได้ผลหรือไม่”
อวิ๋นหลิงจำได้ว่าในห้องทดลองขององค์กรเมื่อชาติที่แล้ว พลังจิตก็ใช้ตัดหินอุกกาบาตและหยกพิเศษเหล่านั้นได้ แต่หินเหล่านั้นสามารถตัดได้ด้วยพลังจิต และยังสามารถตัดได้ด้วยวิธีการทั่วไปเช่นกัน
นี่เป็นครั้งแรกที่อวิ๋นหลิงได้เห็นหินอุกกาบาตอย่างของจักรพรรดิจาวเหรินที่ไม่สามารถตัดด้วยวิธีการทั่วไป ก็ไม่รู้ว่านางจะใช้พลังจิตที่อ่อนแอในยามนี้ตัดมันได้หรือไม่
เซียวปี้เฉิงได้ยินเสียงของอวิ๋นหลิงแฝงความเศร้าซึมอย่างชัดเจนอยู่หลายส่วนอย่างหาได้ยาก ก่อนที่เขาจะมีปฏิกิริยา ก็โพล่งคำพูดออกไปเสียแล้ว
“ในเมื่อหินก้อนนั้นสำคัญกับเจ้าถึงเพียงนี้ ข้าจะทูลขอเสด็จพ่อให้เจ้าสักครั้ง”
สายตาอวิ๋นหลิงเป็นประกายเล็กน้อย ก่อนเอนตัวไปหาอีกฝ่ายอย่างตื่นเต้นนิดๆ “เจ้าบอด ท่านพูดจริงหรือ”
รถม้าแล่นโขยกเขยก พื้นที่ไม่มากนัก เซียวปี้เฉิงรู้สึกได้ว่าอวิ๋นหลิงแทบจะนั่งซบอยู่บนร่างของตน มีเรือนผมสีดำขลับสองสามปอยสยายตกลงมาบนปลายนิ้วของเขา
กลิ่นหอมที่คุ้นเคยวนเวียนอ้อยอิ่งอยู่ที่ปลายจมูก เขาละเลยอาการคันยิบๆ ที่ปลายนิ้วโดยไม่รู้ตัว แล้วพยักหน้าด้วยสีหน้าปกติ
“เรื่องที่รับปากเจ้า ข้าจะทำตามที่สัญญาไว้อย่างแน่นอน แต่อย่างมากสุดก็คงยืมมาได้สามถึงห้าวันเท่านั้น หากแม้กระทั่งเจ้าก็ไม่สามารถตัดหินก้อนนั้นได้ สุดท้ายเจ้าจะต้องคืนให้เสด็จพ่อนะ”
จากนั้นอวิ๋นหลิงก็คลี่ยิ้ม “เจ้าบอด บางครั้งท่านก็พึ่งพาได้มากทีเดียว เมื่อเทียบกับแรกพบ ท่านดูน่ารักมากขึ้นเรื่อยๆ เลย”
เซียวปี้เฉิงระบายยิ้มจางๆ “ในเมื่อข้าช่วยเจ้าแล้ว จะได้อะไรเป็นรางวัล”
“อยากได้อะไรก็ว่ามา”
หายากที่นางจะอารมณ์ดี ขอเพียงคำขอไม่มากเกินไป นางก็จะตกปากรับคำ
“หาเวลาเข้าครัวมากหน่อยก็ดี ข้าชอบรสมือของเจ้ายิ่งนัก”
“ไม่มีปัญหา จากนี้ไปท่านจะได้กินของอร่อยและซดของเผ็ดๆ ตามข้าแน่!”
ได้ฟังดังนั้น เซียวปี้เฉิงก็อดหัวเราะเบาๆ ไม่ได้
นอกรถ ลู่ฉีซึ่งกำลังขับม้าอยู่ก็ลอบพึมพำ
เป็นเวลานานแล้วที่ท่านอ๋องของเขาไม่ได้หัวเราะอย่างผ่อนคลายเช่นนี้ พระชายาช่างเป็นผู้ที่น่าอัศจรรย์จริงๆ
เรื่องของเฟิงเหยียนคลี่คลายไปเปลาะหนึ่ง ต่อมาอวิ๋นหลิงได้ยินว่า เจ้าขยะนั่นร้องไห้จะเป็นจะตายก็ไม่ยอมตัดแขน ตระกูลเฟิงจึงต้องหาหมอชื่อดังมาถอนพิษให้โดยเร็วที่สุด
ภายหลังแม้เฟิงเหยียนจะโชคดีรอดชีวิตมาได้ แต่เขาก็เป็นอัมพาตอยู่บนเตียงเนื่องจากพิษแพร่กระจายไปทั่วร่าง บัดนี้แทบจะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
ตงชิงถอนใจไม่หาย “ถ้าพิษในร่างกายของเฟิงเหยียนไม่สามารถกำจัดออกได้ เกรงว่าจะต้องนอนติดเตียงไปตลอดชีวิต เช่นนี้มิสู้ตัดแขนทิ้งจะดีกว่านะเพคะ”
อวิ๋นหลิงกำลังเตรียมยาใหม่รักษาโรคให้เยียนอ๋องและเซียวปี้เฉิง พอได้ยินคำพูดของตงชิง นางก็ยิ้ม
“นี่นับเป็นกรรมตามสนองของเขา กงเกวียนกำเกวียน ที่ผ่านมาเขาทำร้ายคนมามากมาย ตอนนี้ก็ถือว่าสาสมแล้ว”
ตงชิงผงกศีรษะเห็นด้วย “พระชายากล่าวถูกต้อง เมื่อก่อนตอนท่านเป็นบุตรสาวสายตรงคนโตของจวนเหวินกั๋วกงนั้น ท่านมักถูกเฟิงเหยียนรังแก บัดนี้ล้วนเป็นผลกรรมที่เขาก่อขึ้นเอง!”
“เอาละ เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถิด ข้ายังต้องไปฝังเข็มให้เจ้าบอดที่เรือนซู่สืออีก”
ตงชิงพูดอย่างปวดใจ “ช่วงนี้ต้องลำบากพระชายาแล้ว ต้องไปที่เรือนของท่านอ๋องยามกลางดึกทุกวัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...
ชอบมากเลยค่ะ นางเอกเก่ง❤...