พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 48

จู่ๆ เซียวปี้เฉิงก็รู้สึกอยากรู้เรื่องของอวิ๋นหลิงอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน

ถ้าเป็นเช่นนั้น อวิ๋นหลิงจ่ายไปเท่าใดเพื่ออิสรภาพของนาง

ไม่ได้รับคำตอบใดๆ เซียวปี้เฉิงยังคงถามต่อ “บอกข้าได้หรือไม่ ว่าร่างจริงแท้ของเจ้าเป็นภูตแบบใด”

บางครั้งเขารู้สึกว่าอวิ๋นหลิงเจ้าเล่ห์เหมือนสุนัขจิ้งจอกและเจ้าคิดเจ้าแค้นเหมือนอีกา

บางทีอาจจะเป็นภูตแมงป่อง อย่างไรเสียปากของนางก็มีพิษร้ายแรงออกปานนั้น

อวิ๋นหลิงยังคงไม่ตอบคำ นางแช่น้ำร้อน พิงขอบถังไม้และผล็อยหลับไป

ผ่านไปสักพักหนึ่ง เซียวปี้เฉิงรู้สึกคันตาเล็กน้อย เขาทำตามที่อวิ๋นหลิงกำชับ ใช้ผ้าเช็ดหน้าเปียกหมาดๆ เช็ดยาขี้ผึ้งออก แล้วค่อยๆ ลืมตาขึ้น

เขาสามารถมองเห็นภาพซ้อนที่พร่ามัวได้ก่อนแล้ว ดังนั้นจึงค่อนข้างปรับตัวได้กับแสงทุกประเภท

เดิมคิดว่าสายตาจะสว่างและชัดเจนกว่าเดิมเท่านั้น แต่ไม่คาดว่าหลังจากส่ายไหวไปมาหลายครั้ง สายตาที่พร่ามัวก็ค่อยๆ ปรากฏเป็นภาพที่มั่นคงและชัดเจนขึ้นใหม่!

เซียวปี้เฉิงชะงักอยู่กับที่ ร่างกายพลันแข็งทื่อ แล้วค่อยๆ ยกมือขึ้นด้วยความไม่เชื่อ

ไม่มีภาพมายาแต่อย่างใด

อวิ๋นหลิงเคยบอกไว้ว่า จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสองเดือนในการรักษาดวงตาของเขา ทว่าตอนนี้เพิ่งผ่านไปเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น ดวงตาของเขาก็ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์แล้ว?

เซียวปี้เฉิงได้สติกลับคืนมา สีหน้าท่าทางตื่นเต้นอย่างควบคุมไม่ได้

กว่าสองปีมาแล้ว! ในที่สุดเขาก็ได้เห็นแสงสว่างอีกครั้ง ได้เห็นภาพเหตุการณ์มากมายในโลกนี้ด้วยตาของเขาเอง!

เซียวปี้เฉิงรีบหมุนกาย สาวเท้าเดินไปหาอวิ๋นหลิงอย่างรวดเร็ว ใจร้อนอยากจะบอกข่าวดีที่ไม่คาดคิดนี้กับนาง

ไม่คาดคิดว่าทันทีที่เดินมาถึงด้านในฉากกั้น เขาก็เห็นภาพตรงหน้าอย่างกระจ่างชัด อึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วรีบถอยออกมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ

ชนเข้ากับโต๊ะโดยไม่ทันตั้งตัว ชุดน้ำชากระเบื้องเคลือบขาวลายครามเกิดเสียงกระทบกันดังกังวาน ปลุกอวิ๋นหลิงให้ตื่นขึ้นจากห้วงนิทรา

“ท่านตื่นแล้วหรือ จะดื่มน้ำหรือไม่ ขอโทษนะ เมื่อครู่ข้าเผลอหลับไปในถังน้ำ”

อวิ๋นหลิงคิดว่าเซียวปี้เฉิงอยากดื่มน้ำแต่มองเห็นไม่ชัด ดังนั้นจึงไม่ทันระวังชนเข้ากับโต๊ะจนเกิดเสียงดัง

นางอ้าปากหาวหวอดๆ ลุกขึ้นจากถังน้ำอย่างงัวเงีย ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดตัวลวกๆ จากนั้นเริ่มสวมเสื้อผ้า

“ไม่...ไม่เป็นไร...”

เซียวปี้เฉิงตอบกลับโดยไม่รู้ตัว รีบหมุนกายหลบเลี่ยงสายตา แต่หางตากลับเหลือบมองภาพเคลื่อนไหวที่อยู่เหนือฉากกั้นอย่างควบคุมไม่ได้

ฉากกั้นค่อนข้างโปร่งแสง แสงเทียนสลัวทะลุผ่าน เงาภาพรูปทรงเพรียวบางอ้อนแอ้นที่ประทับบนฉากกั้นดูงดงามเฉิดฉันยิ่งนัก

ใบหูของเซียวปี้เฉิงร้อนผะผ่าว เขารู้สึกว่ายามนี้อย่าเพิ่งบอกอวิ๋นหลิง ถึงความจริงที่ว่าดวงตาของตนได้ฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์แล้วจะเป็นการดีกว่า

ไม่อย่างนั้นคงกระดากอายเหลือเกิน

กระทั่งอวิ๋นหลิงสวมอาภรณ์เรียบร้อย เดินออกจากฉากกั้น เซียวปี้เฉิงก็นั่งอย่างสำรวมอยู่ข้างเตียงแล้ว ดูไม่ต่างจากปกติ

“ข้ารินน้ำให้ท่านหนึ่งแก้ววางไว้ที่หัวเตียง ถ้าต้องการอะไรในยามดึก ก็เรียกลู่ฉีได้เลย”

เซียวปี้เฉิงทอดสายตาไปทางดวงหน้าของอวิ๋นหลิงโดยไม่รู้ตัว นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นใบหน้าที่แท้จริงของอวิ๋นหลิงที่ซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าคลุม

ดวงหน้าครึ่งหนึ่งงามล่มเมือง ส่วนอีกครึ่งอย่างกับผี

ไม่รู้ว่าทำไม ถึงแม้จะได้ยินผู้คนในเมืองหลวงเรียกขานฉู่อวิ๋นหลิงว่าหญิงอัปลักษณ์หาใดเปรียบมานานกว่าสิบปี แม้ความอัปลักษณ์ของนางจะฝังรากลึกอยู่ในใจผู้คน แต่เซียวปี้เฉิงกลับรู้สึกแปลกออกไป ว่าฉู่อวิ๋นหลิงไม่ได้ขี้เหร่อย่างที่จินตนาการไว้

ถึงจะเป็นเช่นนี้ก็ไม่เห็นยากจะยอมรับ...

เขาเอ่ยปากพูดโดยไม่รู้ตัวว่า “ร่าง...ร่างแท้จริงของเจ้าเป็นอย่างไร”

“ทำไมจู่ๆ ถึงถามแบบนี้ล่ะ”

“จู่ๆ ก็อยากรู้น่ะ”

อวิ๋นหลิงยักไหล่ “ไม่ได้สวยงามอะไรหรอก ก็เหมือนฉู่อวิ๋นหลิงทุกประการนั่นแหละ”

“เจ้าเป็นปีศาจ ส่วนนางเป็นมนุษย์ เหตุใดพวกเจ้าถึงเหมือนกันได้”

อวิ๋นหลิงเม้มริมฝีปากพลางยิ้ม ใช้น้ำในอ่างล้างขี้ผึ้งขับพิษออก จากนั้นฝังเข็มให้ตัวเองอย่างชำนาญ

ผ่านไปสักพัก เมื่อแก้มขวาที่บวมปูดของอวิ๋นหลิงกลับมาเป็นปกติ ตงชิงที่จ้องมองนางมาตลอดก็อดมองตาค้างไม่ได้

“พระชายา หน้า...หน้าของท่าน! ปานจางลงเยอะมากเลยเพคะ!”

ผ่านการขับพิษไปสองครั้ง ปานสีแดงเข้มบนใบหน้าของอวิ๋นหลิงบัดนี้เหลือเพียงสีแดงจางๆ อย่างสีชมพูดอกท้อเท่านั้น

รอยแดงจางๆ ดวงนั้นตราตรึงบนใบหน้าของนาง ไม่เพียงไม่น่าเกลียดน่ากลัว ซ้ำยังขับเน้นให้นางดูราวกับนางสวรรค์เทพเซียนผู้เมามาย มีเสน่ห์เย้ายวนชวนให้หลงใหล

มองใบหน้าในคันฉ่องที่เหมือนกับตนในชาติก่อน ดวงตาของอวิ๋นหลิงสงบนิ่ง มองไม่เห็นความตื่นเต้นที่ได้รูปโฉมกลับคืนมาแม้แต่น้อย

รูปโฉมของนางโดดเด่นอย่างน่าอัศจรรย์เสมอ เป็นความงามเลิศล้ำที่ดุดันอย่างยิ่ง

เมื่อชาติที่แล้วตอนยังอยู่ในองค์กร หลายคนมักจะเรียกนางแบบติดตลกว่า “บุปผาองค์กร”

“ใกล้จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว และปานนี้ก็จะปลาสนาการหายไปสิ้น”

อวิ๋นหลิงชินกับสายตากระตือรือร้นของผู้คนรอบข้างมาตั้งแต่เด็ก พอเห็นตงชิงดูตื่นเต้นกว่าตัวนางเองเสียอีก นางก็ฉีกยิ้มให้

สวรรค์!

ตงชิงแทบจะตื่นตาตื่นใจกับรอยยิ้มนี้ แม้จะเป็นผู้หญิงเช่นกันก็ตาม ยามนี้หัวใจของนางเต้นแรงอย่างไม่อาจห้าม สองแก้มแดงระเรื่อ

จะมีใครในโลกที่สามารถต้านทานความงามเช่นนี้ได้

หากมีละก็ ต้องไม่ใช่มนุษย์แน่นอน!

ตงชิงกลืนน้ำลาย ลูกตาแทบจะติดกับใบหน้าของอวิ๋นหลิง “ตอนนี้บ่าวสงสารท่านอ๋องที่ดวงตามองไม่เห็นจริงๆ ถ้าท่านมองเห็น ก็จะรู้สิ่งใดเรียกว่างามล่มบ้านล่มเมืองอย่างแท้จริงนะเพคะ!”

สำหรับคุณหนูรอง ฉู่อวิ๋นหานน่ะหรือ เทียบกับพระชายาไม่ได้เลย

เพียงแค่เห็นหน้า

หญิงงามราวกับเซียนมาจุติที่ผู้คนในใต้หล้ายกย่องชื่นชมผู้นั้น จะถูกกลบรัศมีว่าไร้รสชาติจืดชืดราวกับน้ำเปล่าน้ำแกงใส เมื่ออยู่ภายใต้ความงามของพระชายาที่สามารถฆ่าคนปล้นวิญญาณได้!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ