พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 49

อวิ๋นหลิงชำเลืองมองตงชิงด้วยรอยยิ้มแวบหนึ่ง “ตงชิง ปากเจ้าหวานขึ้นเรื่อยๆ เห็นทีหมู่นี้เจ้าคงกินมันเชื่อมมาไม่น้อย”

“บ่าวพูดความสัตย์จริงนะเพคะ!”

ตงชิงเกาศีรษะด้วยสีหน้าแดงปลั่ง สีหน้าท่าทางเจือความจริงจังอยู่หลายส่วน

“ทุกคนในโลกหล้าล้วนรู้ว่ารัฐทายาทหรงนั้นงามเลิศล้ำยิ่งนัก ได้รับการขนานนามว่าเป็นคนงามอันดับหนึ่งในเมืองหลวง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าพระชายา เกรงว่าเขาจะด้อยกว่าเล็กน้อยเพคะ”

อวิ๋นหลิงเลิกคิ้วน้อยๆ “รัฐทายาทหรงอะไรกัน คนงามอันดับหนึ่งที่ชาวเมืองยอมรับมิใช่น้องสาวคนรองผู้แสนดีของข้าหรอกหรือ”

“หรงจั้น รัฐทายาทของจวนเจิ้นกั๋วกง ปีนั้นหวิดจะชิงตำแหน่งคนงามอันดับหนึ่งจากคุณหนูรองได้อยู่แล้วเชียว คุณหนูท่านจำไม่ได้หรือเจ้าคะ”

อวิ๋นหลิงเค้นสมองขบคิดครู่หนึ่ง ก่อนนึกข้อมูลเกี่ยวกับคนผู้นี้ได้อย่างคลุมเครือ

หรงจั้น รัฐทายาทของจวนเจิ้นกั๋วกง บุรุษหน้างามปานสตรี แยกไม่ออกว่าเป็นชายหรือหญิง รูปโฉมโนมพรรณราวกับเซียน

ผู้คนในเมืองหลวงเคยทุ่มเถียงกันว่าผู้ใดสมควรจะได้ครองตำแหน่งคนงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวง ชื่อที่ถูกกล่าวขวัญถึงมากที่สุด นอกจากฉู่อวิ๋นหานแล้วก็คือหรงจั้น

ตงชิงถอนใจพลางเอ่ย “หากมิใช่เพราะรัฐทายาทหรงเป็นผู้ชาย คุณหนูรองอาจไม่ได้มีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือ”

ในฐานะบุรุษกลับถูกเอาไปเปรียบความงามกับสตรีกลุ่มหนึ่ง นี่ทำให้หรงจั้นรู้สึกรังเกียจอย่างยิ่ง เมื่อคนอื่นๆ เห็นเช่นนี้ ก็ไม่ได้ละลาบละล้วงเอาเขามาเทียบกับฉู่อวิ๋นหานอีก

“ตงชิง เจ้าเคยเจอหรงจั้นหรือไม่ เขากับเซียวปี้เฉิง ใครหล่อกว่ากัน”

อวิ๋นหลิงไม่เคยพบหรงจั้น บุรุษผู้หล่อเหลาที่สุดเท่าที่นางเคยเห็นมาในทั้งสองชาติ ก็คือเซียวปี้เฉิง

เจ้าหัวทึบนั่นแม้จะตาบอด ชอบวางมาดเสียโหญ่โต แต่สะดุดตาน่ามองทีเดียว

“บ่าวเคยเห็นผาดๆ จากระยะไกล แต่ไม่อาจตัดสินได้ว่ารัฐทายาทหรงหล่อกว่าท่านอ๋องหรือไม่ ก็เหมือนเต้าฮวยหวานกับเต้าฮวยเค็ม แต่ละคนมีความน่ารักเป็นของตัวเอง จึงเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้เพคะ”

หากรัฐทายาทหรงเป็นจันทราอันหนาวเหน็บ เช่นนั้นจิ้งอ๋องก็คือตะวันอันร้อนแรง

ทันทีที่ตงชิงอธิบายเสร็จ ก็เห็นอวิ๋นหลิงใช้พู่กันจุ่มลงในชามน้ำสีแดง แล้วแต้มที่ปานบนแก้มขวา

“พระชายา ท่านทำเช่นนี้ทำไมเพคะ”

ปานที่จางหายไปแล้ว หลังจากถูกแต้มทาก็กลับมาเป็นสีแดงเข้มอย่างรวดเร็ว ดูน่ากลัว

อวิ๋นหลิงไม่ตอบ เพียงแต่สั่งว่า “เรื่องรอยจางบนใบหน้าของข้า เจ้าอย่าบอกใครเชียว รวมทั้งท่านอ๋องด้วย”

ถึงแม้จะงุนงง แต่ตงชิงก็ตอบรับคำอย่างรู้ความด้วยสีหน้าห่อเหี่ยวอยู่หลายส่วน

พระชายาทำเช่นนี้ต้องมีเหตุผลแน่ แต่เวลานี้นางอยากจะวิ่งไปที่ถนนแล้วตะโกนลั่นสักคราว่า พระชายาคือหญิงงามอันดับหนึ่งอย่างแท้จริงต่างหาก!

ข่าวใหญ่เช่นนี้เพียงพอจะทำให้ทั้งเมืองหลวงต้องตกตะลึง ทว่านางกลับต้องเก็บงำความลับนี้ไว้เพียงลำพัง ช่างน่าอึดอัดจะตายอยู่แล้ว

อวิ๋นหลิงลอบนึกขำอยู่ในใจ “เอาละ อย่าทำหน้าบึ้งอมทุกข์ ประเดี๋ยวข้าจะออกไปซื้อของด้วยตัวเองสักหน่อย ในสองวันนี้ เจ้าก็รวบรวมและจัดการกับสถานการณ์ของโรงหมอและร้านขายยาทั้งหมดในเมืองหลวงไปพลางๆ ก่อนแล้วกัน”

ยามนี้น้ำสีแดงชนิดนี้กันน้ำได้ไม่ดี ล้างออกได้ง่ายนัก นางจำเป็นต้องหาวัตถุดิบอื่นมาปรับปรุงสักนิด

จะว่าไป การปรุงโสมหิมะน้ำค้างหยกเวอร์ชันปรับปรุงเพื่อหาเงินก็ควรอยู่ในกำหนดการด้วย

พอคิดถึงตรงนี้แล้ว อวิ๋นหลิงจึงตัดสินใจไปหาเซียวปี้เฉิง

ผ่านลานบ้าน ใต้ต้นแปะก๊วยขนาดใหญ่ต้นหนึ่งใจกลางสวนดอกไม้ด้านหลัง มีสาวใช้รุ่นเล็กสองสามคนกำลังรวมตัวกันรับลมเย็นใต้ต้นไม้ ส่งเสียงเจื้อยแจ้วพูดคุยอะไรกันอยู่

“พี่ชิวซวง เมื่อใดท่านอ๋องจะประทานฐานะให้ท่านกันแน่”

อวิ๋นหลิงชะงักฝีเท้าอยู่หลังต้นแปะก๊วย หยุดฟัง ตงชิงที่ตามมาข้างหลังก็ลดเสียงลมหายใจและฝีเท้าลงอย่างมีไหวพริบ

พวกนางอยู่ห่างจากสาวใช้รุ่นเล็กกลุ่มนี้เพียงสองสามเมตร แต่ลำต้นที่ใหญ่โตแข็งแกร่งของต้นแปะก๊วยเก่าแก่บังร่างทั้งสองไว้เสียมิดชิดจนไม่มีใครสังเกตเห็น

ชิวซวง สาวใช้ผู้มีรูปโฉมสะดุดตากว่าถูกห้อมล้อมอยู่ตรงกลาง ครั้นได้ยินเช่นนั้นก็สีหน้าดูไม่ใคร่เป็นธรรมชาติ

“พวกเจ้าตั้งใจทำงานของตัวเองให้ดี อย่าเที่ยวถามซอกแซกไปเรื่อยเปื่อย”

สาวใช้ที่มีอายุมากกว่ายืนขึ้นแล้วพูดแทรกพวกนาง เยินยอชิวซวงโดยไม่ปิดบัง “ใช่แล้ว จะถามซอกแซกไปไย”

“พี่ชิวซวงได้ปรนนิบัติท่านอ๋องแล้ว ด้วยอุปนิสัยของท่านอ๋องย่อมไม่มีทางปฏิบัติต่อพี่ชิวซวงอย่างไม่เป็นธรรมแน่ การเลื่อนขั้นนางเป็นอนุภรรยานั้นเป็นเรื่องที่ต้องเกิดไม่ช้าก็เร็ว”

หากท่านอ๋องฟื้นฟูดวงตาได้ ไยไม่สู้เพื่อตัวเองเล่า

อย่างไรเสีย...แม้กระทั่งผู้ที่ดวงพักตร์อัปลักษณ์อย่างพระชายาก็สามารถสั่งยารักษาผู้คนได้สำเร็จ

“ชิวซวงคนนี้ แวบแรกที่ข้าเห็นนาง ก็รู้ว่านางไม่ใช่คนเจียมตัว บัดนี้นางแอบปีนขึ้นเตียงของท่านอ๋องจริงๆ เสียด้วย!”

ระหว่างทางไปเรือนซู่สือ ตงชิงเอาแต่ก่นด่าสาปแช่ง

อวิ๋นหลิงไม่ได้สนใจ นางไม่รู้สึกอะไรกับเซียวปี้เฉิง แค่แปลกใจเล็กน้อย

ไม่นึกว่าชายสวะพรรค์นี้ นอนกับสาวใช้แล้วไม่รับผิดเลยหรือ

ครั้นเซียวปี้เฉิงเห็นอวิ๋นหลิงเป็นครั้งแรก ก็ได้แต่รู้สึกว่านางมองตนด้วยสายตาแปลกประหลาดชอบกล

ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากบอกอวิ๋นหลิงว่าตาของตนกลับเป็นปกติแล้ว อีกฝ่ายก็กล่าววาจาจนทำให้เขาแทบสำลักน้ำออกมา

“ท่านแอบวูบวาบกับชิวซวงตั้งแต่เมื่อใด ท่านวูบวาบเสร็จก็ช่างเถิด แต่เหตุใดจึงทิ้งคนไปโดยไม่เหลียวแล”

เซียวปี้เฉิงงงงวยจับต้นชนปลายไม่ถูก สีหน้าตกใจ “ชิวซวง? ข้าไปวูบวาบนางตั้งแต่เมื่อใด”

เห็นชัดว่าแววตาของอวิ๋นหลิงดูเหยียดหยามยิ่งนัก “ข้ารู้เรื่องที่ท่านเรียกชิวซวงมาปรนนิบัติตอนอาบน้ำแล้ว ก่อนหน้านี้ข้าถาม ชิวซวงว่าเป็นอนุภรรยาของท่านหรือไม่ ปากท่านไม่ยอมรับ แต่ร่างกายกลับซื่อสัตย์นัก”

เซียวปี้เฉิงกระตุกมุมปาก ไม่รู้เหตุใดเมื่อเห็นแววตาที่ดูเหยียดหยามและเข้าใจผิดของอวิ๋นหลิงนั้น ในใจเขาก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อย

“ข้าไม่ได้เรียกชิวซวงมาปรนนิบัติ เป็นความเข้าใจผิด ถ้าไม่เชื่อ เจ้าไปถามลู่ฉีได้”

ลู่ฉีรีบร้อนตอบ “พ่ะย่ะค่ะ พระชายา ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิด! คืนนั้นน้องชิวซวงเข้ามายังไม่ถึงเวลาหนึ่งถ้วยชาก็ออกไปแล้ว!”

ได้ฟังดังนั้น อวิ๋นหลิงก็มองเซียวปี้เฉิงปราดหนึ่งด้วยสีหน้าท่าทางตื่นตะลึง

“ไม่นึกว่าท่านเป็นบุรุษที่ไวถึงเพียงนี้! ดูไม่เหมือนมีภาวะไตอ่อนแอเลยนี่?”

เซียวปี้เฉิงก็หน้าเขียวหน้าดำทันใด “...”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ