พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 50

บุรุษคนนี้หน้าตาเปล่งปลั่ง ผมหนาดกดำ มีพลังจิตที่เต็มเปี่ยม ไม่มีคำว่าไตบกพร่อง

หรือว่าทักษะการแพทย์ของนางจะถดถอยทำให้การวินิจฉัยของนางผิดพลาด?

เซียวปี้เฉิงขัดจังหวะนางด้วยความโกรธ “เจ้าไปฟังใครพูดเรื่องไร้สาระมา ข้าไม่เคยแตะต้องชิวซวง!”

“สาวใช้ทุกคนในลานพูดขนาดนี้ ถ้าท่านแตะต้องชิวซวงจริงๆ ท่านจะทิ้งนางไม่สนใจนางไม่ได้”

เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้โกหก อวิ๋นหลิงก็ลังเลอยู่พักหนึ่ง

“ถ้าอยากแต่งงานกับอนุภรรยาตามอำเภอใจ ข้าจะขวางอะไรท่านได้ ข้าไม่ห้าม และท่านก็ห้ามขัดขวางการหย่ากับข้า ข้าบอกแล้วว่าข้าจะไม่รับคนที่สวมเขาให้ข้า ต่อให้จะในนามก็ตาม”

ทั้งสองคนเคยทะเลาะกันในเรื่องนี้มาก่อน เซียวปี้เฉิงคิดเพียงว่าปีศาจสาวตนนี้อิจฉาและไร้เหตุผล แต่ตอนนี้เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของอวิ๋นหลิง ในใจก็เริ่มรู้สึกเจ็บปวด

ใบหน้าของเซียวปี้เฉิงมืดมน น้ำเสียงค่อนข้างเย็นชา “ข้าไม่เคยพูดเท็จ ถ้าบอกว่าไม่ได้แตะต้องนางก็คือไม่ได้แตะต้องนาง”

สุดท้าย เขาก็เพิ่มอีกหนึ่งประโยคโดยไม่รู้ตัว

“ต่อไปก็ไม่มีวันแตะต้อง”

เซียวปี้เฉิงมักจะรู้สึกว่ารูปลักษณ์ที่สงบและไม่แยแสของอวิ๋นหลิงนั้นดูบาดตาบาดใจเสมอ

“ไอ๊โย เจ้าอย่าโกรธไปดเลย ข้าไม่ได้ตั้งใจจะเข้าใจผิดคิดว่าเจ้าเป็นผู้ชายสารเลวที่แรกๆ ก็หวานหลังๆ ก็ทิ้ง”

เมื่อตระหนักได้ว่านางอาจเข้าใจเซียวปี้เฉิงผิด อวิ๋นหลิงจึงขอโทษออกไป

เซียวปี้เฉิงหน้าบูดบึ้งไม่พูดจา เขายังคงโมโห ปีศาจสาวคนนี้ไม่เชื่อเขา

ถึงเวลาที่ควรจะแก้ไข้บ่าวในเรือนให้ดีๆ แล้ว พวกเขาลือกันลับหลังทั้งวัน!

ตอนนี้ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสดใส ไม่มืดมนและไร้ชีวิตชีวาเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว ภายใต้ดวงตาคมดั่งดาบและคิ้วเหมือนดวงดาว ท่วงท่าเหมือนมังกรและหงส์ เป็นอารมณ์ที่เหมือนติดตัวมาแต่เกิด เปี่ยมไปด้วยความสง่างาม

“เจ้าบอด ดูเหมือนว่าดวงตาของท่านจะฟื้นตัวได้ดีกว่าที่คิดไว้”

อวิ๋นหลิงจ้องตรงไปที่ใบหน้าของเขาชั่วขณะ หัวใจสั่นไหวเบาๆ ยกมือขึ้นโบกตรงหน้าเขา

หรือว่าท่านจะมองเห็นทุกอย่างในระยะไม่กี่คืบแล้ว? ถ้าใช่ ข้าจะได้ไม่ต้องเอาเข็มไปฝังให้ท่านทุกคืน ทำสามวันห้าวันครั้งก็พอแล้ว”

ทุกวันนี้นางนอนดึก และต้องตื่นเช้าเหมือนพระเจ้าหลวงที่เรือนหลันชิง ทันทีที่นางตื่นขึ้น นางต้องออกกำลังกายที่ลานตอนเช้า และรอยคล้ำรอบดวงตาของนางก็เกือบจะชัดเจนแล้ว

“ตาข้า...”

เซียวปี้เฉิงกำลังจะบอกว่าดวงตาของเขาหายดีแล้ว แต่เมื่อได้ยินคำพูดสุดท้ายของอวิ๋นหลิง เขาก็เปลี่ยนคำตอบทันที

“...ยังเห็นไม่ชัด ตอนนี้เห็นแสงสว่างแล้ว แต่ห่างไปครึ่งคืบก็แยกคนกับสัตว์ไม่ออกแล้ว”

หลังจากพูดจบ เขาก็ดูตื่นตระหนกเล็กน้อย

เมื่อเขาได้ยินอวิ๋นหลิงบอกว่าต่อไปจะไม่มาหาเขาทุกคืนแล้ว เขาก็ต้องปิดบังความจริงที่ว่าเขาหายดีแล้วกลับไป

อวิ๋นหลิงขมวดคิ้ว “ดูเหมือนจะยังพักไม่ได้สินะ”

อาจเป็นเพราะความแข็งแกร่งทางจิตใจตอนนี้ของนางยังไม่ฟื้นฟูกลับไปที่จุดสูงสุด ดังนั้นผลการรักษาจึงลดลงอย่างมากเช่นกัน

เซียวปี้เฉิงรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่ใบหน้าของเขาก็ไม่ได้เผยอะไรออกมา เขาเปลี่ยนหัวข้อกล่าวว่า “ยังไงก็เถอะ ทำไมจู่ๆ เจ้าถึงตามหาข้า แค่มาถามเรื่องชิวซวงเท่านั้นหรือ?”

หลังจากเขาเอ่ยขึ้นมา อวิ๋นหลิงก็รู้ว่าตนเกือบลืมเรื่องหลักไปแล้ว

นางบอกเซียวปี้เฉิงถึงแผนการปรับปรุงโสมหิมะน้ำค้างหยก ลดต้นทุน แล้วขายสินค้าใหม่เพื่อสร้างรายได้

“ข้าได้คิดค้นสูตรเมื่อไม่กี่วันก่อน และศึกษาวิธีการปรับปรุงหลายอย่าง ตอนนี้พอจะลดค่าใช้จ่ายลงได้ประมาณห้าสิบตำลึงต่อขวดแล้ว แต่ฤทธิ์ยาที่คงไว้ได้แค่เจ็ดส่วนเท่านั้น”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของเซียวปี้เฉิงก็ดูประหลาดใจมากยิ่งขึ้น เกือบจะคิดว่าคนหูฝาด

“ราคาห้าสิบตำลึง คงฤทธิ์ยาไว้ได้เจ็ดส่วน เจ้าพูดจริงหรือ?”

อวิ๋นหลิงพยักหน้าพลางถอนหายใจเล็กน้อย “สถานการณ์ตอนนี้ของข้า ข้าทำได้ถึงจุดสูงสุดแล้ว”

แม้ว่านางจะมีพลังจิต แต่นี่เป็นยุคโบราณที่มีการผลิตที่ล้าหลัง หากมีเครื่องมือที่ประณีตเหล่านั้นอยู่ในมือ ก็จะสามารถปรับปรุงโสมหิมะน้ำค้างหยกให้อยู่ในราคาถูกลงกว่านี้และผลของยาดีกว่านี้ได้

เซียวปี้เฉิงใช้เวลานานกว่าจะได้สติกลับมา ก่อนจะมองไปที่อวิ๋นหลิงด้วยความประหลาดใจ

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้หากอยากทำโสมหิมะน้ำค้างหยกขวดเล็กๆ เจ้าต้องใช้เงินอย่างน้อยๆ หนึ่งพันตำลึง”

อู๋อันกงและหลินซินค้นคว้าอยู่นานมาก แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถค้นคว้ายาแก้พิษออกมาได้ เมื่อเวลาผ่านไปนานวันเข้าเซียวปี้เฉิงจึงได้ยอมแพ้

จนกระทั่งวันนี้ที่เขาได้รู้แล้วว่าทักษะทางการแพทย์ของอวิ๋นหลิงนั้นท้าทายสวรรค์มาก เขาจึงมีความหวังอีกครั้ง

“เจ้าเชี่ยวชาญทางด้านยา ถ้าเจ้าสามารถหาวิธีแก้ควันพิษได้ ข้าก็จะซาบซึ้งเจ้ามาก”

อวิ๋นหลิงเงียบไปครู่หนึ่งหลังจากฟังจบ

ทั้งที่ยากจนเสียยิ่งกว่าอะไร ตาบอดมองไม่เห็นอะไรเลย แต่เขากลับไม่เอากำไร แต่กลับคิดถึงนักรบเหล่านั้นในกองทัพ

อวิ๋นหลิงเงยหน้าขึ้น แล้วมองชายคนนี้ด้วยความจริงจัง

จอนผมเป็นระเบียบ ใบหน้าหล่อเหลาและเด็ดเดี่ยว แม้ว่าเขาจะลดระดับจากเทพสงครามแห่งต้าโจวเป็นคนพิการตาบอด แต่เขาก็ไม่ได้ดูโทรมหรือหมองคล้ำไปเลยสักนิด

หัวใจของเซียวปี้เฉิงเกร็งแน่น “อะไร มีอะไรไม่เหมาะงั้นหรือ?”

“ไม่ คำขอของท่านอ๋อง ข้าจะรับปากทำ ส่วนเรื่องกำไรหนึ่งส่วน ในเมื่อข้าพูดแล้วก็จะไม่คืนคำ”

นางคิดว่าเงินที่ไปถึงมือของเซียวปี้เฉิง อาจจะเข้าไปอยู่ในกองทัพก็ได้

อวิ๋นหลิงมองดูเขา แววตาคู่นั้นใสราวกับน้ำในฤดูใบไม้ร่วง เผยรอยยิ้มที่นิ่งสงบที่ยากจะได้เห็นออกมา

“ท่านอ๋องทรงเป็นห่วงแคว้นเช่นนี้ นับว่าเป็นโชคดีของชาวต้าโจวจริงๆ”

รู้จักกันมาก็เอาแต่ทะเลาะเบาะแว้งมานานมาก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคำยกย่องตนอย่างจริงใจจากปากของอวิ๋นหลิง

เซียวปี้เฉิงสูดลมหายใจเข้า เคลื่อนสายตาออกไปโดยไม่รู้ตัว กดมุมปากที่อยากจะยกยิ้มลง

แปลกจริง ใช่ว่าเขาจะไม่เคยถูกคนอื่นยกย่อง แต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่เหมือนกับครั้งนี้

ทำให้เขารู้สึก...มีความสุขมากจริงๆ

เขาคงไม่ได้ตกหลุมรักปีศาจสาวที่โหดเหี้ยมและอัปลักษณ์คนนี้แล้วกระมัง?

เซียวปี้เฉิงตกใจหลังจากความคิดนี้โผล่ขึ้นมาในหัว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ