พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 51

เขาปกปิดความรู้สึกที่แปลกประหลาดนี้ของเขาโดยไม่รู้ตัว “ถ้าอย่างนั้นข้าก็ขอขอบใจกับเรื่องนี้เจ้าก่อนแล้วกัน และข้าจะสั่งให้เฉียวเย่ส่งผงพิษและยาแก้พิษให้เจ้าในภายหลัง”

ในใจของอวิ๋นหลิงตอนนี้เต็มไปด้วยโสมหิมะน้ำค้างหยก จึงไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของเซียวปี้เฉิง ดังนั้นหลังจากนางตกลงเรื่องนี้กับเขาแล้วก็กลับไปที่เรือนหลันชิง

หลังจากที่อวิ๋นหลิงจากไป สีหน้าของเซียวปี้เฉิงก็มืดมนลง ก่อนจะเรียกเฉียวเย่ผู้ดูแลของเขา

“เหตุใดถึงได้มีข่าวลือเกี่ยวกับชิวซวงในจวนมากเพียงนี้ เจ้าไปตรวจสอบดู”

น้ำเสียงของลู่ฉีมีความน้อยใจ “ท่านอ๋องเหตุใดไม่เรียกให้ข้ามาช่วย เมื่อก่อนท่านมีเรื่องอะไรก็สั่งให้ข้าไปทำ”

เซียวปี้เฉิงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้ายังมีหน้ามาพูดอีกหรือ เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นจากเจ้า! อยู่กับข้ามาหลายปีแล้วแต่เลี้ยงเสียข้าวสุกสมองไม่โตสักที!”

เดิมทีลู่ฉีเคยเป็นทหารชั้นผู้น้อยในกองทัพ เมื่อก่อนเนื่องจากเขาเห็นไส้ศึกจากเผ่าทูเจวียปลอมตัวอยู่ในกองทัพ จึงกลายเป็นความดีความชอบ

เซียวปี้เฉิงเห็นว่าอีกฝ่ายค่อนข้างฉลาด ดังนั้นจึงให้เขาอยู่ข้างๆ แล้วพากลับไปที่จวนจิ้งอ๋อง

แต่ไม่คิดเลยว่าลู่ฉีดูฉลาดแค่เบื้องหน้า แต่จริงๆ แล้วโง่

“ครั้งต่อไปหากเกิดเรื่องนี้ขึ้นอีก ข้าจะส่งเจ้าไปที่สำนักศึกษาไป๋ลู่ให้เจ้าได้เรียนรู้และพัฒนา!”

ตอนนี้เขาสงสัยมากว่าตอนที่ลู่ฉีเห็นไส้ศึกตอนนั้นเป็นแค่ความเข้าใจผิดและจับพลัดจับผลูตีถูกหรือเปล่า

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของลู่ฉีก็เปลี่ยนไปทันที และเขาพึมพำเบาๆ ว่า “ไม่สู้ลงโทษข้าให้ไปทำความสะอาดห้องน้ำจะดีกว่า”

เฉียวเย่เป็นคนสุขุมและระมัดระวัง ตรวจสอบความจริงของเรื่องนี้ได้อย่างรวดเร็วและชัดเจน

“ท่านอ๋อง เรื่องที่ท่านต้องการรับอนุไม่ใช่เรื่องที่ชิวซวงสร้างเรื่องขึ้นมาเอง แต่เพราะสาวใช้คนอื่นๆ ได้เอาเรื่องนี้ไปพูดกันตอนเห็นชิวซวงถูกเรียกให้ไปปรนนิบัติท่านอาบน้ำ”

“ชิวซวงบอกว่านางไม่เคยคิดเรื่องนี้ แต่เห็นว่าคนอื่นพากันยกยอนาง นางจึงเวียนหัวไปชั่วขณะ และไม่ได้อธิบาย แต่นางก็ไม่อยากให้พระชายาเข้าใจผิด”

เนื่องจากไม่เคยได้อธิบาย จึงยังมีความคิดเช่นนั้นอยู่

เมื่อเห็นใบหน้ามืดมนของเซียวปี้เฉิงแล้ว เฉียวเย่ก็พูดว่า “ท่านอ๋องคิดจะจัดการกับชิวซวงอย่างไร”

เซียวปี้เฉิงขมวดคิ้ว “ข้าเก็บนางไว้ในจวนไม่ได้ ข้ามีแผนจะส่งนางไปอยู่ที่บ้านสวนทางตอนใต้ของเมืองสักสองปี”

เขาตาบอดมาตลอดสองปีที่ผ่านมา และยังค่อนข้างไร้อำนาจในการจัดการเรื่องในจวน เดิมทีเขาคิดที่จะใช้กฎทำความสะอาดให้ดี

ชิวซวงมาชนกับคมมีดของเซียวปี้เฉิง ดังนั้นเขาจึงต้องเชือดไก่ให้ลิงดู

เฉียวเย่ลังเลที่จะพูด แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่มุ่งมั่นของเซียวปี้เฉิง ก็กลืนคำพูดกลับไป

เฉียวเย่ได้รับคำสั่งไปไม่นาน แม่นมเฉินก็เข้ามาเยี่ยม “ท่านอ๋อง ท่านจะลงโทษชิวซวงหรือเพคะ?”

เซียวปี้เฉิงตะลึงงันก่อนจะพยักหน้า “แม่นมมาที่นี่ได้อย่างไร?”

แม่นมเฉินตอบว่า “เมื่อครู่นี้ ใต้เท้าเฉียวทำบางอย่างในจวน พระชายารู้ว่าท่านกำลังสืบเรื่องชิวซวง ดังนั้นนางจึงขอให้บ่าวนำเรื่องมาแจ้งท่านเล็กน้อย”

“แม่นมเชิญพูดมาเถอะ”

แม่นมเฉินพูดอย่างจริงจัง “พระชายาบอกว่า ชิวซวงเป็นครอบครัวบ่าวรับใช้ของจวนอ๋อง พ่อแม่ของนางทำงานตั้งแต่จวนเริ่มก่อตั้งขึ้น ท่านก่อตั้งจวนเมื่ออายุสิบห้าปี ตั้งแต่นั้นมา ท่านก็ใช้เวลาอยู่ที่ด่านหน้าตลอด ตอนท่านไม่อยู่ในเมืองหลวง พวกเขาก็ช่วยท่านดูแลเรื่องหยุมหยิมและกิจการร้านค้าทั้งหมด หากท่านจะลงโทษชิวซวงอย่างรุนแรง คนรับใช้ในจวนอาจจะพากันหวาดกลัว”

เฉียวเย่อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “ท่านอ๋อง แม่นมพูดถูก ในหัวใจของพวกเขา จวนจิ้งอ๋องคือบ้านของพวกเขา และพวกเขาก็เป็นคนของจวนจิ้งอ๋อง”

“แม่ของชิวซวงทำงานอยู่ในครัว ส่วนพ่อของนางเป็นนายบัญชี กำลังดูแลร้านค้าอยู่สองร้าน และกำลังพยายามเปลี่ยนการขาดทุนให้เป็นกำไรอย่างสุดกำลัง พวกเขาล้วนแต่เป็นคนซื่อสัตย์และมีความรับผิดชอบ”

ร้านสองร้านนั้นถูกหวงกุ้ยเฟยโยนมาให้เขาตามอำเภอใจเหมือนถังขยะ ที่ต้องก็ห่างไกลผู้คน ไม่เพียงแต่ทำเงินได้ไม่มากนักเท่านั้น แต่ยังขาดทุนอยู่บ่อยครั้งด้วย

ในอดีต เซียวปี้เฉิงยุ่งกับสงครามและไม่มีเวลาดูแลสิ่งเหล่านี้ พ่อของชิวซวงพยายามดูแลร้านค้าอย่างสุดกำลัง แม้ว่าเขาจะยังทำกำไรได้ไม่มาก แต่ก็ไม่ขาดทุนอีกเลย

ปีนี้ชิวซวงกำลังจะอายุสิบเจ็ดปี หญิงสาวทั่วไปในวัยนี้แต่งงานแล้ว ถ้านางไปอยู่ที่บ้านสวนสองปีแล้วกลับมา นั่นคงเป็น “สาวเทื้อคาเรือนแล้ว”

ในฐานะพ่อแม่จะไม่ให้กังวลได้อย่างไร

“ท่านอ๋อง บ่าวว่าข้าผิด! บ่าวไม่ควรหลงในความฟุ้งเฟ้อ ดังนั้นโปรดยกโทษให้บ่าวได้!”

ชิวซวงคุกเข่าลงบนพื้นด้วยน้ำตาคลอเบ้า บนใบหน้ามีรอยตบอย่างชัดเจน เห็นได้ชัดว่าพ่อแม่ของนางได้สั่งสอนแล้ว

เซียวปี้เฉิงมองพิจารณานาง ถึงได้พบว่าใบหน้าของสาวใช้คนนี้สวยจริงๆ

จำได้ว่านางรับใช้ตนตั้งแต่อายุสิบขวบ ชีวิตประจำวันถูกจัดอย่างพิถีพิถัน หลังจากเขามองไม่เห็นและพักฟื้นอยู่ในจวนมาสองปี จึงให้ชิวซวงมารับใช้

เขาชินกับความหยาบกระด้างในกองทัพ จึงไม่ชินกับการที่มีคนมากมายคอยรับใช้เขา นอกจากชิวซวงแล้ว ในเรือนซู่สือจึงไม่มีสาวใช้คนอื่น

การแต่งงานของลูกบ่าวในเรือนจะถูกตัดสินใจจากเจ้านาย ชิวซวงที่ปรนนิบัติเขามานานขนาดนี้ เขาก็ไม่เคยเอ่ยเรื่องนี้เลย

จึงยากที่จะให้คนไม่คิดมาก ไม่แปลกใจที่บ่าวรับใช้ในจวนจะคิดว่าเขารับชิวซวงเป็นอนุ

“ข้าไม่ได้บอกว่าข้าจะส่งชิวซวงไปบ้านสวน พวกเจ้าลุกขึ้นก่อนเถอะ”

พวกเขาสามคนต่างตะลึงงัน มองไปที่เซียวปี้เฉิงอย่างประหม่าและหวาดกลัว ไม่มีใครกล้าลุกขึ้น

เซียวปี้เฉิงถอนหายใจในใจ นึกถึงคำพูดของอวิ๋นหลิง จึงพยายามทำให้สีหน้าของตนดูอ่อนโยน

“ถ้าข้าจำไม่ผิด ชิวซวงจะอายุสิบเจ็ดแล้ว น่าจะเป็นวัยที่ควรเจรจางานแต่งงานแล้ว”

ชิวซวงตะลึงไปครู่หนึ่ง เบ้าตาเอ่อล้นด้วยน้ำตา หัวใจของนางเต้นรัว และรู้สึกดีใจนิดๆ

เวลาปกติท่านอ๋องก็ปฏิบัติต่อนางอย่างอ่อนโยน หากเขาไม่ส่งนางไปบ้านสวน หรือว่าเขาจะรับนางเป็นอนุจริงๆ?

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ