พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 460

วันรุ่งขึ้น ท้องฟ้าแจ่มใส หมู่เมฆเบาบาง

ถึงแม้หน้ากากเงินจะค่อนข้างไร้เดียงสา แต่ไม่เคยทำงานสะเพร่าเลยแม้แต่น้อย ใช้เวลาเพียงคืนเดียวก็รวบรวมข้อมูลของหลี่เมิ่งเอ๋อร์ได้เกือบทั้งหมด

“ห่านหัวโตตัวนี้ดุร้ายนัก มีนิสัยถือทิฐิชอบเอาชนะคน เป็นอันธพาลน้อยในสำนักศึกษาเป่ยลู่! คุณหนูทั้งหลายในสำนักศึกษาต่างถูกรังแก บางคนถูกบังคับให้ออกจากสำนักศึกษาด้วยซ้ำ แต่ก็ได้ตระกูลหลี่ช่วยสะสางความผิดทั้งหมดให้”

หลิงซูยังกล่าวอีกว่า “นางเป็นลูกสาวของห้องใหญ่ตระกูลหลี่ จึงถูกตามใจจนเหลิง สร้างปัญหาทั้งวันในสำนักศึกษาโดยไม่เกรงกลัวฟ้าดิน ได้ยินว่าในวันที่นางออกมา อาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษาก็ลอบจุดประทัดเฉลิมฉลองอย่างอดใจไว้ไม่อยู่ แต่ห่านหัวโตมารู้เข้ากลางทางก็บุกกลับไปเผาเคราของอาจารย์ใหญ่ไหม้ไปเสียครึ่งหนึ่ง”

หน้ากากเงินกล่าวเสริม “แต่ห่านหัวโตตัวนี้ก็มีแววเหมือนกัน เรื่องเล่าเรียนที่สำนักศึกษาเป่ยลู่นั้นโดดเด่นยิ่งนัก ไม่ได้พูดเกินจริงแม้แต่น้อย ร่ำเรียนวิชาขี่ม้า ยิงธนู และหวดแส้ได้ดีทีเดียว”

สมัยราชวงศ์ต้าโจว หญิงสาวธรรมดาสามัญไม่มีสิทธิ์เข้าเรียน มีเพียงเหล่าบุตรีสายตรงของตระกูลขุนนางใหญ่เท่านั้นที่เข้าสำนักศึกษาได้ นอกเหนือจากวิชาพื้นฐานอย่างดีดพิณ เล่นหมากล้อม เขียนอักษร วาดภาพ และงานเย็บปักถักร้อยแล้ว หลักๆ ก็คือเรียนรู้ความเป็นกุลสตรี ข้อห้ามสตรี และมารยาทชนชั้นสูง

กระทั่งบรรดาคุณหนูผู้สูงศักดิ์อายุได้สิบห้าสิบหกปี เรียนสำเร็จก็กลับบ้านได้ เป็นวัยที่สตรีธรรมดาออกเรือนได้เช่นกัน

บัดนี้หลี่เมิ่งเอ๋อร์อายุสิบหกปีเต็ม เป็นเวลาที่เหมาะจะหาคู่หมั้นคู่หมายพอดี

ผลการเรียนกับกิริยามารยาทของคุณหนูทั้งหลายในสำนักศึกษาจะเอามาประกอบการพิจารณาด้วย ไม่ว่าจะแต่งงานกับตระกูลขุนนางใหญ่หรือเกี่ยวดองกับราชวงศ์

หรงฉานเป็นศิษย์ดีเด่นที่มาจากสำนักศึกษาหนานไหว เมื่อเข้าสู่วัยออกเรือน ก็ได้รับความโปรดปรานจากราชวงศ์ต้าโจว ได้สมรสพระราชทานกับรุ่ยอ๋องในฐานะพระชายา

มิน่าเล่าที่ตระกูลหลี่จะมั่นใจเหลือแสน คิดว่าจะทำให้หลี่เมิ่งเอ๋อร์เป็นชายารองขององค์รัชทายาทได้อย่างแน่นอน ก่อนอื่นไม่ต้องพูดถึงนิสัยว่าเป็นอย่างไร ลำพังแค่กิริยามารยาทตอนอยู่ในสำนักศึกษาเป่ยลู่นั้นก็หยิบยกเอามาเล่นงานได้สบาย

กงจื่อโยวขมวดคิ้วมุ่น จมจ่อมอยู่ในห้วงภวังค์ความคิด

บรรดาหญิงสาวของแคว้นถังใต้นั้นล้วนสุดแสนนุ่มนวลและอ่อนโยน ปฏิบัติตามหลักสามคล้อยสี่คุณธรรมต่อผู้ชายด้วยดีเสมอมา หากแต่ชอบแอบอ่านบทละครที่ชวนฝันหวานซึ้งอยู่สักหน่อย อาจเรียกได้ว่าผิดแปลกไปบ้าง ทว่าไม่ได้ร่ำเรียนวิชาขี่ม้า ยิงธนู และหวดแส้แต่อย่างใด

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องรับมือกับคนที่แก่นแก้วแสนซุกซนเช่นนี้ ก็ไม่รู้ว่าประสบการณ์ในอดีตของสำนักทิงเสวี่ยจะใช้ได้ผลหรือไม่

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องลองดูก่อนสักตั้งถึงจะรู้

นึกถึงตรงนี้แล้ว กงจื่อโยวก็บอกกับหลิงซูว่า “กฎเก่าคือตรวจสอบแผนการเดินทางช่วงนี้ของนางก่อน จากนั้นค่อยจัดเตรียมแผนการเฉพาะเจาะจง”

วีรกรรมที่เกี่ยวกับหลี่เมิ่งเอ๋อร์บางอย่างนั้น อวิ๋นหลิงก็ได้รู้จากปากของเซียวปี้เฉิงมาอย่างสองอย่างตอนเข้านอนเมื่อคืนนี้

หลี่เมิ่งเอ๋อร์อายุรุ่นราวคราวเดียวกับองค์หญิงหก ตอนเยาว์วัยมักถูกพาไปเล่นที่พระราชวังเป็นประจำ นางมีนิสัยหยิ่งทะนงและเอาแต่ใจ

สองคนนี้หนึ่งในนั้นคือธิดาของฮองเฮาเฟิง อีกคนหนึ่งเป็นหลานสาวแท้ๆ ของหลี่กุ้ยเฟย ไม่ถูกกันมาตั้งแต่เล็ก มักจะทะเลาะแย่งของเล่นกันออกบ่อย

เซียวปี้เฉิงเคยเล่าให้ฟังว่า “ระดับความเย่อหยิ่งของหลี่เมิ่งเอ๋อร์นั้นสูงกว่าขององค์หญิงหกก่อนหน้านี้ถึงสามส่วน สมัยนางยังเด็กเคยหัวเราะเยาะเสียนอ๋องต่อหน้าทุกคนว่าเป็นคนหัวทึบ ซ้ำยังรังแกคนเก็บตัวอย่างน้องหกอีกด้วย”

อวิ๋นหลิงเอ่ยถามอย่างอยากรู้ “แล้วท่านเล่า เคยถูกรังแกบ้างหรือไม่”

เซียวปี้เฉิงมุ่นคิ้วครู่หนึ่งแล้วคลายออก “นางไม่ได้ทำอะไรสุดโต่งเกินไป ก็แค่เกาะติดแจ”

เวลานั้นพระเจ้าหลวงจัดให้บิดาของเยี่ยเจ๋อเฟิงสอนวรยุทธ์กับการเคลื่อนไหวร่างกายแก่เขา ดังนั้นจึงมักจะไปที่จวนอู่อันกง หลี่เมิ่งเอ๋อร์ก็จะชอบเดินตามไปต้อยๆ

ปกติแล้วนางจะอารมณ์เสียใส่เขา แต่มักจะรังแกฉู่อวิ๋นหานอยู่บ่อยครั้ง ในฐานะศิษย์ของหลินซิน ตอนวัยเยาว์ฉู่อวิ๋นหาน มักจะไปเรียนวิชาแพทย์ที่จวนอู่อันกง

เวลานั้นหลี่เมิ่งเอ๋อร์เป็นเพียงเด็กน้อยวัยหกเจ็ดขวบ พวกเขาจึงพยายามข่มกลั้นไว้ให้มากที่สุด

แต่เซียวปี้เฉิงรังเกียจอีกฝ่ายจากก้นบึ้งของหัวใจ

โชคดีที่ตอนหลี่เมิ่งเอ๋อร์อายุแปดขวบ ตระกูลหลี่ได้ส่งนางไปเรียนที่สำนักศึกษาเป่ยลู่

สำนักศึกษาเป่ยลู่ตั้งอยู่ในย่านชานเมืองทางเหนือของเมืองหลวง จะกลับเข้าเมืองต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งวันครึ่ง

สมัยก่อนสำนักศึกษาไม่มีวันหยุดฤดูหนาวฤดูร้อน วันหยุดปกติตามเทศกาลจะมีเพียงสามถึงห้าวันเท่านั้น นอกจากช่วงฉลองตรุษ บรรดาศิษย์ไม่ค่อยกลับบ้านกันนักหลังจากเข้าสำนักศึกษาแล้ว

ส่วนตอนนั้นเซียวปี้เฉิงอายุสิบห้าปี ก็ติดตามอาจารย์เข้าสมรภูมิรบ ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ไม่ได้ติดต่อกับหลี่เมิ่งเอ๋อร์แต่อย่างใด

หากครั้งนี้หลี่หยวนเส้าไม่เอ่ยถึงชายารององค์รัชทายาทกะทันหัน เซียวปี้เฉิงคงแทบจำไม่ได้ว่ามีคนเช่นนี้อยู่ด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ