พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 464

อวิ๋นหลิงยกมือเป็นเชิงบอก ตงชิงจึงไขปริศนาให้หลี่เมิ่งเอ๋อร์ฟัง

“คุณหนูหลี่ปรักปรำพระชายาข้าจริงๆ เลย คำถามนี้มีวิธีแก้ชัดเจน จะจงใจทำให้อึดอัดไจไปทำไมกันเล่า แค่เอาแอปเปิลแปดลูกมาใส่ถุงละสองลูกทั้งสี่ใบ แล้วใส่สี่ถุงนี้ลงในถุงสุดท้าย ก็มั่นใจได้เลยว่าทุกๆ ถุงจะเป็นเลขคู่!”

คำถามนี้มีกับดักนิดหน่อย โดยต้องแน่ใจว่าของที่ใส่ในแต่ละถุงเป็นเลขคู่ แต่ไม่ได้บอกว่าจะต้องมีแอปเปิลเป็นเลขคู่

ถุงทั้งสี่ใบก็เป็นเลขคู่ด้วย แล้วเอาไปใส่ไว้ในถุงใบสุดท้าย จึงสอดคล้องกับคำถามตรงเป๊ะ

จู่ๆ เหล่าบ่าวไพร่และองครักษ์ข้างๆ ก็เข้าใจในบัดดล ใบหน้าของหลี่เมิ่งเอ๋อร์พลันดำเป็นก้นหม้อ

อวิ๋นหลิงมองหลี่เมิ่งเอ๋อร์แล้วยิ้มตาหยี นางสาบานต่อฟ้าว่าจะไม่ทำให้สหายน้อยที่อยู่เบื้องหน้าต้องอับอาย

ถึงอย่างไรที่นางเพิ่งถามไปนั้น เป็นเพียงคำถามคณิตศาสตร์ปริศนาสำหรับเด็กชั้นประถมศึกษา แต่ศิษย์ชั้นหัวกะทิอย่างสำนักศึกษาเป่ยลู่ผู้นี้ดูเหมือนจะไม่มีปฏิภาณไหวพริบเอาเสียเลย

เทียบกับเด็กชั้นประถมในบ้านเกิดของนางเมื่อชาติก่อนที่เข้าแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกรุ่นสิบขวบกันอย่างสนุกสนาน ก็ไม่ได้ต่างกันเลยแม้แต่น้อย

ใบหน้าของหลี่เมิ่งเอ๋อร์เดี๋ยวแดงเดี๋ยวขาว นางเรียนที่สำนักศึกษาเป่ยลู่ได้ดีเลิศ มักจะไม่มีข้อผิดพลาดในการสอบ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘เลขคณิตเก้าบท’ ที่ยากนักหนา ก็ร่ำเรียนได้ดีกว่าผู้ชายส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ ไม่คาดคิดว่าอยู่ต่อหน้าอวิ๋นหลิงคราวนี้ วิชาคณิตศาสตร์ที่ถนัดที่สุดกลับแพ้ไม่เป็นท่า จึงรู้สึกโกรธยากจะรับได้ไปพักหนึ่ง

“ในเมื่อไม่ได้ตั้งใจกลั่นแกล้ง เช่นนั้นก็จงใจเอาคำถามแปลกๆ พรรค์นี้มาล้อเล่นข้าหรือเปล่า”

ไม่เคยเห็นอวิ๋นหลิงออกมาเล่นแหวกแนวขนาดนี้มาก่อน

เห็นชัดว่าหลี่เมิ่งเอ๋อร์ครองสติไม่อยู่แล้ว น้ำเสียงและวาจาก็เฉียบคมขึ้น อวิ๋นหลิงหัวเราะเบาๆ คร้านจะหยิบกฎระเบียบมาสาธยายจัดการกับเด็กน้อยคนหนึ่ง

“นี่ไม่ใช่คำถามแปลกพิสดารอะไร เรียกว่าคำถามปริศนา ใช้สมองขบคิดทบทวนบ่อยๆ จะมีประโยชน์ดี จะได้ไม่ต้องเคร่งเครียดอ่านหนังสือนานเกินไปจนกลายเป็นท่อนไม้ที่ไม่รู้จักพลิกแพลงยืดหยุ่น”

สีหน้าของหลี่เมิ่งเอ๋อร์ดูไม่ดีเอาเสียเลย รู้สึกแต่ว่าอวิ๋นหลิงกำลังตำหนินาง

นางดูถูกเหยียดหยามอยู่ในใจ ยิ่งมั่นใจเป็นเท่าทวีคุณว่าอวิ๋นหลิงไม่เคยเรียนหนังสือเลย จึงอาศัยความฉลาดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้มาเอาชนะคะคาน แล้วยังพยายามสั่งสอนนางด้วยการคุยโวอย่างไม่กระดากอีกด้วย

ช่างหน้าใหญ่ใจโตนัก!

อวิ๋นหลิงมองออกถึงความขุ่นเคืองและหยามเกียรติในดวงตาของนาง รอยยิ้มบนใบหน้าก็ยิ่งอ่อนโยนราวกับสายลมยามวสันตฤดูเหลือแสน

“ในช่วงหลายปีที่คุณหนูหลี่ร่ำเรียนที่สำนักศึกษาเป่ยลู่คงขยันพากเพียรมากกระมัง”

“ข้าเห็นว่าเจ้าอายุยังน้อย ช่วงรอยต่อระหว่างหน้าผากกับเส้นผมค่อนข้างกว้าง ต้องระวังมากหน่อย ผมเจ้าจะแห้งกรอบเป็นสีเหลือง แตกปลายหลายจุด จากที่ข้าสังเกตรากผม ประมาณอายุสักสามสิบ อาจจะมีปัญหาผมร่วงรุนแรงกว่านี้ก็ได้”

ดูสิ นางช่างเป็นพระชายาจิ้งอ๋องที่แสนอ่อนโยนและเป็นมิตรโดยแท้

ตาเฒ่าอย่างพระเจ้าหลวงควรได้มาเห็นกับตาเอง ว่านางเชื่อฟังและควบคุมอารมณ์ได้จริงๆ หากเป็นเมื่อก่อน ถ้าเผชิญหน้ากับคนอย่างหลี่เมิ่งเอ๋อร์ นางจะไม่มองด้วยสีหน้าดีๆ เลยแม้แต่น้อย

อวิ๋นหลิงคิดเช่นนี้ ยิ้มให้หลี่เมิ่งเอ๋อร์แล้วพยักหน้า “วิชาแพทย์ของข้าถือว่าดีพอตัว ถ้าคุณหนูหลี่เชื่อใจ ก็ควรหมั่นรักษาสุขภาพให้มากขึ้น”

สีหน้าของหลี่เมิ่งเอ๋อร์โกรธจัด ในหัวดังวิ้งๆ อยู่ชั่วขณะ แทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้อีกต่อไป

สวรรค์รู้ดีว่าขีดจำกัดของนางคือช่วงรอยต่อหน้าผากกับเส้นผม!

แม่นางคนอื่นๆ ในวัยเดียวกันล้วนมีเรือนผมหนาดกดำขลับ แต่เส้นผมของนางจะออกสีเหลืองๆ และบางกว่าคนอื่น

หน้าผากที่ค่อนข้างเด่นชัดก็เป็นปมในใจของหลี่เมิ่งเอ๋อร์อย่างหนึ่งด้วย นางพอใจกับรูปร่างหน้าตาของนางทุกสัดส่วน ยกเว้นหน้าผากเพียงอย่างเดียวที่กว้างใหญ่เกินไปจนดูไม่งาม

ในสำนักศึกษา ผู้ที่เยาะเย้ยนางลับหลังว่า ‘ห่านหัวโต’ และ ‘เฉลียวฉลาด’ นั้นล้วนถูกนางกำจัดทิ้งหมด หลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าพูดถึงอีก

วันนี้อวิ๋นหลิงพูดคำเหล่านี้ต่อหน้าผู้คนมากมาย เส้นประสาทที่เรียกว่า ‘สติ’ ในสมองของหลี่เมิ่งเอ๋อร์พลันขาดผึงลงทันทีทันใด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ