พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 498

ไม่เพียงแต่ยื่นฏีกาไม่ไว้วางใจเท่านั้น กระทั่งว่าขณะออกราชการก็ล้วนแต่ถกเถียงกันเรื่องนี้ จนทำให้ไม่อาจดำเนินการเรื่องอื่นต่อไปได้

บางคนคิดว่ากฎการซื้อตำแหน่งขุนนางถูกยกเลิกแล้วและไม่ควรนำกลับมาใช้ใหม่ ไม่เช่นนั้นจะส่งผลเสียเอาได้

บางคนเอ่ยวาจาปลิ้นปล้อน บ่งบอกเป็นนัยว่าเซียวปี้เฉิงใช้วิธีการที่ไม่สุจริตในการบ่มเพาะและหนุนหลังอำนาจของตนเอง

บางคนเอ่ยวาจาตรงไปตรงมา โดยการบอกไปโดยตรงว่าเซียวปี้เฉิงขายตำแหน่งขุนนางและสงสัยว่าเขาใช้วิธีติดสินบนเพื่อหาเงิน

เมื่อมองไปยังตำหนักทองหลวงที่ราวกับตลาดขายผักขายปลา ฝูกงกงก็มองจักรพรรดิจาวเหรินด้วยแววตาสงสัย "ฝ่าบาท นี่..."

“ไม่เป็นไร ให้พวกเขาค่อยๆทะเลาะกันไปเถิด”

จักรพรรดิจาวเหรินมองดูผู้คนด้านล่างอย่างไร้ความรู้สึก ถึงขั้นว่าหาโอกาสหาวยามที่ผู้คนไม่ได้สังเกต

บางทีอาจเป็นเพราะเขาไม่ใช่คนที่ถูกคัดค้าน ยามนี้จักรพรรดิจาวเหรินจึงรู้สึกพอพระทัยไม่น้อย ไม่ได้เกิดโทสะเต็มท้องดังเช่นในอดีต ทว่าบนใบหน้ากลับยังต้องแสร้งทำเป็นสงบนิ่งต่อไป

เขาเหลือบมองไปยังเซียวปี้เฉิง ต้องการดูว่าเจ้าสามจะรับมือกับฉากเบื้องหน้านี้อย่างไร

จักรพรรดิจาวเหรินลดเสียงตรัสว่า "ดูสิ เขายืนกรานที่จะทำเช่นนั้น ข้าเตือนเขาแล้ว แต่เขาไม่เชื่อฟังคนแก่เช่นข้า คราวนี้หนักใจขึ้นมาบ้างแล้วสิ?"

ฝูกงกงใช้สายตาพิลึกพิลั่นลอบมองจักรพรรดิจาวเหริน รู้สึกเหมือนได้ยินน้ำเสียงของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น

คงเป็นภาพลวงตาแน่ๆ เห็นชัดว่าฝ่าบาทแสดงออกว่าเป็นห่วงเป็นใยองค์รัชทายาทมากถึงเพียงนั้น

ในบรรดาผู้ที่คัดค้านในตำหนักทองหลวง ผู้ที่ส่งเสียงดังที่สูงแน่นอนว่าคือเสนาบดีขวาหลี่ เขาเอ่ยวาจาได้อย่างน่าเชื่อถือ

“วิธีการพระราชทานยกย่องคุณธรรมมีอีกหลายวิธี เหตุใดองค์รัชทายาทจึงลำเอียงเสนอให้แต่งตั้งจินฟู่กุ้ยเป็นท่านอ๋องเล่า?”

เป็นเพราะหวาดกลัวสำนักศึกษาชิงอี้ เขาจึงคิดจะทำบางอย่างมานานแล้ว ยามนี้ก็พอดีเลย เซียวปี้เฉิงถึงกับยื่นหอกส่งมาให้เขาถึงที่ ดังนั้นก็อย่าโทษที่เขาไม่เกรงใจแล้วกัน

เขาอยู่ในราชสำนักมานานหลายปี ในใจทราบดีถึงนิสัยและจุดอ่อนของเซียวปี้เฉิง แม้ว่าเขาจะเก่งในการต่อสู้ แต่ฝีปากเขากลับไม่ค่อยดีนัก

เงียบขรึม พูดน้อย เย็นชา ซื่อตรงเกินไป จัดการเรื่องราวอย่างตรงไปตรงมาและไม่รู้จักอ้อมค้อม เขาคิดอยากจะบีบเจ้าเด็กคนนี้ก็มิใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่าย

เสนาบดีขวาหลี่ยิ้มหยันในใจ กล่าวอย่างลำบากใจว่า "ต้องรู้ว่าตั้งแต่สมัยโบราณการซื้อตำแหน่งขุนนางนั้นเทียบได้ว่าเป็นการทุจริตรับสินบน องค์รัชทายาทไม่รู้จักทะนุถนอมตนเองเช่นนี้ ยากที่จะไม่ทำให้ผู้คนสงสัยว่าจริงๆแล้ว จินฟู่กุ้ยผู้นั้นมิใช่ว่าให้ผลประโยชน์มากมายกับท่านหรอกหรือ?”

“ขอองค์รัชทายาทอธิบายมาสักครา เหตุใดต้องนำกฎการซื้อตำแหน่งขุนนางกลับมาด้วย”

วาจานี้อาจหาญยิ่งนัก เท่ากับเป็นการตั้งคำถามอย่างชัดเจนถึงการรับสินบนของเซียวปี้เฉิง

เซียวปี้เฉิงเหลือบมองเขา ตอบกลับด้วยใบหน้าที่สงบ "ใช่ แล้วอย่างไรเล่า"

คำพูดกะทันหันของเขาทำให้เสนาบดีขวาหลี่ชะงักไป ส่วนขุนนางคนอื่นๆก็ตกใจไปตามๆกัน

เซียวปี้เฉิงเอ่ยต่ออย่างไม่เร่งรีบ "มีอีกหลายวิธีในการให้รางวัลยกย่องผู้มีคุณธรรม ข้ารู้ว่าการซื้อตำแหน่งขุนนางง่ายต่อการถูกสงสัยว่าทุจริตติดสินบน เพราะเหตุใดข้าจึงยืนกรานที่จะเสนอแต่งตั้งจินฟู่กุ้ยเป็นท่านอ๋อง หรือข้าอาจจะเป็นคนโง่? เสนาบดีขวาหลี่ท่านโปรดบอกข้าที เหตุใดเป็นเช่นนี้กันเล่า?”

เขาเดินไปรอบๆ จากนั้นก็โยนคำถามเดิมกลับไปให้เสนาบดีขวาหลี่

เสนาบดีขวาหลี่มุมปากกระตุก หากเป็นคนอื่น ขณะนี้คงยากที่จะเอ่ยถึงการติดสินบนของเซียวปี้เฉิง แต่เขาแตกต่างจากผู้อื่น

“หม่อมฉันขอบังอาจทูลว่า เกรงว่าองค์รัชทายาทคงจะได้รับผลประโยชน์อื่นจากทางด้านจินฟู่กุ้ย ดังนั้นจึงทูลเสนอให้สร้างจวนอ๋องให้เขา!”

สีหน้าของเซียวปี้เฉิงไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย "หากข้าต้องการแสวงหาผลประโยชน์ เหตุใดไม่ทำอย่างลับๆ และมายืนกรานตีกลองร้องป่าวให้ทุกคนสงสัยข้ากัน หรือข้าคิดว่าทุกท่านล้วนแต่โง่งมกันหรือ? เสนาบดีขวาหลี่โปรดบอกข้าที นี่เพราะเหตุใดกัน”

"..."

คราวนี้ใบหน้าของเสนาบดีขวาหลี่พลันมืดมนลง กระทั่งมีความคิดอยากทุบตีคนอีกด้วย

เขาคิดไม่ถึงว่าเซียวปี้เฉิงเอาเวลาไหนไปเรียนรู้การก่อกวนอย่างไร้เหตุไร้ผลเช่นนี้มา?

ไม่รอเสนาบดีขวาหลี่ได้กล่าว เซียวปี้เฉิงก็ทอดถอนใจอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า

“เห้อ ข้าเพียงเห็นว่าประชาชนต่างก็ยกย่องคุณชายจิน บัณฑิตที่ยากจนเองก็รู้สึกซาบซึ้งน้ำใจเขามาก เห็นผู้คนต่างก็เรียกเขาว่าเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งจินอ๋อง ข้าจึงคล้อยตามความคิดเห็นจากประชาชน”

“นอกจากนี้จินฟู่กุ้ยยังมีเงิน ก่อนหน้าเขาบริจาคเงินเพื่อสร้างห้องสมุด แต่กลับไม่ได้ร้องขอรางวัลใดๆ กระทั่งไม่ยอมเปิดเผยชื่อเสียงเรียงนามให้ใต้หล้าได้รับรู้ด้วยซ้ำ คิดเพียงอยากปิดทองหลังพระเท่านั้น”

“ยามนี้เขาต้องการบริจาคเงินเพื่อสร้างสำนักศึกษา นี่มิใช่ว่าเป็นคุณูปการครั้งใหญ่หรอกหรือ ข้าเองก็รู้สึกแย่ที่ต้องแบกรับชื่อเสียงอันดีของประชาชนไว้ผู้เดียว ทั้งได้ยินว่าผู้คนเรียกเขาเช่นนี้ จึงได้ฉุกนึกขึ้นได้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ