หลังจากเสวียนจีรับหน้าที่โน้มน้าวเฟิ่งเหมียนแล้ว นางก็ตรงไปยังหอซื่อฟาง
หอซื่อฟางเป็นที่พำนักตั้งอยู่ทางมุมตะวันตกเฉียงใต้ของพระราชวัง ใช้ต้อนรับขุนนางและราชทูตต่างแคว้นโดยเฉพาะ เฟิ่งเหมียนพำนักอยู่ที่เรือนชิงซินในนั้นเป็นการชั่วคราว
ช่วงกลางฤดูร้อนเดือนเจ็ดอากาศร้อนอบอ้าว เฟิ่งเหมียนชอบความสงบเงียบ ละแวกเรือนชิงซินก็ไม่มีผู้คน
เขากำลังชงชาอยู่ในห้อง ทันใดนั้นก็เห็นเจ้าถ่านหินพุ่งพรวดเข้ามาอย่างกะทันหัน
เจ้าถ่านหินเดินอาดๆ เข้ามาหา ตบโต๊ะด้วยอุ้งเท้าสีดำเล็กๆ พูดด้วยน้ำเสียงที่อัดแน่นด้วยความกรุ่นโกรธเจือแววข่มขู่นิดๆ ตามประสาเด็ก
“นกโง่! ข้ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับท่าน จะไม่พูดมากความนะ เรื่องที่พี่สามให้เจ้าทำก่อนหน้านี้ อย่ามัวชักช้า รีบไปตกปากรับคำเร็วเข้า!”
เฟิ่งเหมียนเงยหน้าขึ้นมองนางพลางเลิกคิ้วเล็กน้อย “ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนและเมื่อไหร่ เจ้ามักจะทำให้ตัวเองอยู่ในสภาพน่าอดสู ไม่มีความสงบเสงี่ยมเรียบร้อยอย่างที่สตรีชาววังพึงมีเลยสักนิด”
นับตั้งแต่รู้จักกันมา ใบหน้าของหญิงสาวผู้นี้ก็มักจะกระดำกระด่าง ไม่มีภาพลักษณ์ที่พอจะเอ่ยถึงได้เลยแม้แต่น้อย
เสวียนจีทำหน้ามุ่ย “อย่าเอาเรื่องนี้มาพูดกับข้า ปกติข้าก็เป็นแบบนี้ ถ้าไม่ชอบก็โบยข้าสิ ถ้าเจ้าโบยข้าได้หรอกนะ”
ในฐานะศิลปินทดลองระเบิด หากเผอเรอจนถูกระเบิดเป็นถ่านหินก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ
พูดถึงความรักความชิงชังระหว่างเสวียนจีกับเฟิ่งเหมียนแล้ว เริ่มแรกก็เกิดจากภาพลักษณ์ภายนอกนี่แหละ
มีครั้งหนึ่งองค์รัชทายาทเชื้อเชิญแขกเหรื่อมาร่วมงานเลี้ยง เสวียนจีดันแอบปรับแต่งสูตรดินระเบิดที่ใช้ทำประทัดเล็กๆ ในห้อง แต่ไม่ทันระวังจนทำให้เกิดอุบัติเหตุ
ทุกคนได้ยินเสียงจึงรีบมาดูเหตุุการณ์ เห็นใบหน้าของเสวียนจีกลายเป็นสีดำคล้ำราวกับถ่านหิน เส้นผมยุ่งเหยิงปลิวสยาย เสื้อผ้าขาดแหว่งเป็นรูหลายรูซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นไหม้
ต่อหน้าแขกเหรื่อทุกคน ใบหน้าขององค์รัชทายาทพลันเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ แม้แต่เฟิ่งเหมียนที่สีหน้าเหยเกมาแต่ไหนแต่ไรก็ยังดูไม่ดีนัก
จากนั้นเป็นต้นมา รัชทายาทที่ราชกิจยุ่งรัดตัวได้มอบเสวียนจีให้เฟิ่งเหมียน ให้อีกฝ่ายสอนกฎมารยาทในวังให้นาง
เฟิ่งเหมียนเข้มงวดทุกอย่าง ห้ามทำเรื่องนั้นเรื่องนี้ เมื่อทั้งสองอยู่ด้วยกัน ตำหนักบูรพาก็ตกอยู่ในสภาพโกลาหล ทั้งคู่ไม่ลงรอยกันเลย
เฟิ่งเหมียนเหลือบมองใบหน้าเสวียนจี แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “จะไม่ตีท่าน เพราะไม่อยากมือสกปรก”
คำว่ามือสกปรกนี้หมายถึงมือสกปรกที่ความหมายตรงตัว
เฟิ่งเหมียนเป็นโรครักความสะอาดเกินเหตุ เพื่อแก้แค้นเขา เสวียนจีจงใจแกล้งติดกาวเหนียวๆ บนเสื้อผ้าเฟิ่งเหมียน แล้วหลอกอีกฝ่ายว่าเป็นน้ำมูก
เสวียนจีก็ไม่โกรธเช่นกัน เอามือเท้าเอวพลางส่ายเท้าดิกๆ แล้วพูดอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง “ทางที่ดีท่านควรทำตัวว่าง่ายเชื่อฟังข้า ท่านพี่ให้ท่านไปทำอะไรก็ไปทำเถอะ ถ้าเรื่องนี้เสร็จสิ้น ข้าตอบแทนบุญคุณท่านก็ได้ แต่หากท่านปฏิเสธ...หึๆ…ข้าจะไปโพนทะนาให้ทั่วว่าท่านเป็นโรคริดสีดวงทวาร!”
ใบหน้าเฟิ่งเหมียนพลันหม่นทะมึน เขาแน่ใจว่าดรุณีผู้นี้สามารถทำเรื่องพรรค์นั้นได้
จำได้ว่าดรุณผู้นี้เคยเป็นปฏิปักษ์กับเขามาก่อน เจตนาไม่ตั้งใจเรียนรู้กฎมารยาทในวัง เขาถูกอีกฝ่ายยั่วยุจนอดกลั้นไว้ไม่อยู่แม้แต่ครู่เดียว คว้าไม้บรรทัดมาตีมือนาง ทำให้นางแค้นฝังใจ
ต่อมาตอนบวงสรวงสวรรค์ขอพร เสวียนจีสบโอกาสแอบใช้หนังสติ๊กยิงบั้นท้ายของเขาต่อหน้าธารกำนัล ความบาดหมางระหว่างทั้งสองก็ขมวดเป็นปมยากจะแก้ไขโดยสิ้นเชิง
“ท่านจะตอบแทนอะไรได้”
เฟิ่งเหมียนถามจบ เสวียนจีก็ตอบทันควัน “เอาเป็นว่าจะไม่กลับไปแคว้นตงฉู่กับท่านก่อนกำหนดแล้วกัน! แต่...ถ้าท่านยินดีช่วยข้า ข้าจะทำตะเกียงมันฝรั่งให้ท่านได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...