พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 505

หลังจากเสวียนจีรับหน้าที่โน้มน้าวเฟิ่งเหมียนแล้ว นางก็ตรงไปยังหอซื่อฟาง

หอซื่อฟางเป็นที่พำนักตั้งอยู่ทางมุมตะวันตกเฉียงใต้ของพระราชวัง ใช้ต้อนรับขุนนางและราชทูตต่างแคว้นโดยเฉพาะ เฟิ่งเหมียนพำนักอยู่ที่เรือนชิงซินในนั้นเป็นการชั่วคราว

ช่วงกลางฤดูร้อนเดือนเจ็ดอากาศร้อนอบอ้าว เฟิ่งเหมียนชอบความสงบเงียบ ละแวกเรือนชิงซินก็ไม่มีผู้คน

เขากำลังชงชาอยู่ในห้อง ทันใดนั้นก็เห็นเจ้าถ่านหินพุ่งพรวดเข้ามาอย่างกะทันหัน

เจ้าถ่านหินเดินอาดๆ เข้ามาหา ตบโต๊ะด้วยอุ้งเท้าสีดำเล็กๆ พูดด้วยน้ำเสียงที่อัดแน่นด้วยความกรุ่นโกรธเจือแววข่มขู่นิดๆ ตามประสาเด็ก

“นกโง่! ข้ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับท่าน จะไม่พูดมากความนะ เรื่องที่พี่สามให้เจ้าทำก่อนหน้านี้ อย่ามัวชักช้า รีบไปตกปากรับคำเร็วเข้า!”

เฟิ่งเหมียนเงยหน้าขึ้นมองนางพลางเลิกคิ้วเล็กน้อย “ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนและเมื่อไหร่ เจ้ามักจะทำให้ตัวเองอยู่ในสภาพน่าอดสู ไม่มีความสงบเสงี่ยมเรียบร้อยอย่างที่สตรีชาววังพึงมีเลยสักนิด”

นับตั้งแต่รู้จักกันมา ใบหน้าของหญิงสาวผู้นี้ก็มักจะกระดำกระด่าง ไม่มีภาพลักษณ์ที่พอจะเอ่ยถึงได้เลยแม้แต่น้อย

เสวียนจีทำหน้ามุ่ย “อย่าเอาเรื่องนี้มาพูดกับข้า ปกติข้าก็เป็นแบบนี้ ถ้าไม่ชอบก็โบยข้าสิ ถ้าเจ้าโบยข้าได้หรอกนะ”

ในฐานะศิลปินทดลองระเบิด หากเผอเรอจนถูกระเบิดเป็นถ่านหินก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ

พูดถึงความรักความชิงชังระหว่างเสวียนจีกับเฟิ่งเหมียนแล้ว เริ่มแรกก็เกิดจากภาพลักษณ์ภายนอกนี่แหละ

มีครั้งหนึ่งองค์รัชทายาทเชื้อเชิญแขกเหรื่อมาร่วมงานเลี้ยง เสวียนจีดันแอบปรับแต่งสูตรดินระเบิดที่ใช้ทำประทัดเล็กๆ ในห้อง แต่ไม่ทันระวังจนทำให้เกิดอุบัติเหตุ

ทุกคนได้ยินเสียงจึงรีบมาดูเหตุุการณ์ เห็นใบหน้าของเสวียนจีกลายเป็นสีดำคล้ำราวกับถ่านหิน เส้นผมยุ่งเหยิงปลิวสยาย เสื้อผ้าขาดแหว่งเป็นรูหลายรูซ้ำยังส่งกลิ่นเหม็นไหม้

ต่อหน้าแขกเหรื่อทุกคน ใบหน้าขององค์รัชทายาทพลันเปลี่ยนเป็นเขียวคล้ำ แม้แต่เฟิ่งเหมียนที่สีหน้าเหยเกมาแต่ไหนแต่ไรก็ยังดูไม่ดีนัก

จากนั้นเป็นต้นมา รัชทายาทที่ราชกิจยุ่งรัดตัวได้มอบเสวียนจีให้เฟิ่งเหมียน ให้อีกฝ่ายสอนกฎมารยาทในวังให้นาง

เฟิ่งเหมียนเข้มงวดทุกอย่าง ห้ามทำเรื่องนั้นเรื่องนี้ เมื่อทั้งสองอยู่ด้วยกัน ตำหนักบูรพาก็ตกอยู่ในสภาพโกลาหล ทั้งคู่ไม่ลงรอยกันเลย

เฟิ่งเหมียนเหลือบมองใบหน้าเสวียนจี แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “จะไม่ตีท่าน เพราะไม่อยากมือสกปรก”

คำว่ามือสกปรกนี้หมายถึงมือสกปรกที่ความหมายตรงตัว

เฟิ่งเหมียนเป็นโรครักความสะอาดเกินเหตุ เพื่อแก้แค้นเขา เสวียนจีจงใจแกล้งติดกาวเหนียวๆ บนเสื้อผ้าเฟิ่งเหมียน แล้วหลอกอีกฝ่ายว่าเป็นน้ำมูก

เสวียนจีก็ไม่โกรธเช่นกัน เอามือเท้าเอวพลางส่ายเท้าดิกๆ แล้วพูดอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง “ทางที่ดีท่านควรทำตัวว่าง่ายเชื่อฟังข้า ท่านพี่ให้ท่านไปทำอะไรก็ไปทำเถอะ ถ้าเรื่องนี้เสร็จสิ้น ข้าตอบแทนบุญคุณท่านก็ได้ แต่หากท่านปฏิเสธ...หึๆ…ข้าจะไปโพนทะนาให้ทั่วว่าท่านเป็นโรคริดสีดวงทวาร!”

ใบหน้าเฟิ่งเหมียนพลันหม่นทะมึน เขาแน่ใจว่าดรุณีผู้นี้สามารถทำเรื่องพรรค์นั้นได้

จำได้ว่าดรุณผู้นี้เคยเป็นปฏิปักษ์กับเขามาก่อน เจตนาไม่ตั้งใจเรียนรู้กฎมารยาทในวัง เขาถูกอีกฝ่ายยั่วยุจนอดกลั้นไว้ไม่อยู่แม้แต่ครู่เดียว คว้าไม้บรรทัดมาตีมือนาง ทำให้นางแค้นฝังใจ

ต่อมาตอนบวงสรวงสวรรค์ขอพร เสวียนจีสบโอกาสแอบใช้หนังสติ๊กยิงบั้นท้ายของเขาต่อหน้าธารกำนัล ความบาดหมางระหว่างทั้งสองก็ขมวดเป็นปมยากจะแก้ไขโดยสิ้นเชิง

“ท่านจะตอบแทนอะไรได้”

เฟิ่งเหมียนถามจบ เสวียนจีก็ตอบทันควัน “เอาเป็นว่าจะไม่กลับไปแคว้นตงฉู่กับท่านก่อนกำหนดแล้วกัน! แต่...ถ้าท่านยินดีช่วยข้า ข้าจะทำตะเกียงมันฝรั่งให้ท่านได้”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ