ถ้าไม่มีการสัมผัสหน้าผากเขา เฟิงอู๋จีต้องคิดว่าสมองตัวเองฟั่นเฟือนจนเกิดภาพหลอนแน่
นิ้วอันปราดเปรียวของเขาเริ่มสั่นระริก รวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีเพื่อลืมตาดู ริมฝีปากอันซีดเผือดอ้าขึ้นแล้วเอ่ยกับบุคคลที่เปรียบเสมือนจุติมาจากสรวงสวรรค์
“พระ...พระชายารัชทายาท”
อวิ๋นหลิงหยิบผ้าออกจากเอวแล้วเช็ดน้ำอันเย็นยะเยือกบนใบหน้าเขา เสียงเข้มขรึมเจือพลังปลอบโยน
“ไม่ต้องกลัว ไม่เป็นไรแล้ว เจ้านอนอย่างสบายใจเถิด”
เฟิงอู๋จีได้ยินประโยคนี้ก็คลายความกังวล ความเหนื่อยล้าถาโถมเข้าใส่ แล้วดิ่งสู่ความมืดมิด
ฮูหยินเฟิงเบิกตากว้างมองภาพตรงหน้า ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความตะลึงพรึงเพริด นางไม่นึกเลยว่าอวิ๋นหลิงกับสามีจะมาช่วยเฟิงอู๋จีกลางดึก
รัชทายาทกับภรรยาเขาทราบข่าวได้อย่างไร?
เหตุใดพวกเขาจึงมาช่วยไอ้สารเลวนี้ หรือว่าพวกเขารู้จักกัน?
ชั่วพริบตาเดียว สมองฮูหยินเฟิงก็มีความคิดและการคาดเดาหลากหลายหลั่งไหลเข้ามา
ภายในลานเต็มไปด้วยทหารตำหนักบูรพาที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายพิฆาต ชวนให้ขวัญหนีดีฝ่อ นางไม่มีเวลาไตร่ตรอง รีบคุกเข่าคำนับด้วยความหวาดวิตก
“ถวายบังคมรัชทายาทกับพระชายารัชทายาทเพคะ โปรดตรวจสอบด้วยเพคะ หม่อมฉันไม่ได้ทำร้ายโดยพลการ เพราะเด็กคนนี้ทำผิด จึงใช้กฎจวนลงโทษเพคะ”
เซียวปี้เฉิงไม่ฟังคำพูดเสแสร้งของนาง ขมวดคิ้วพูดเสียงเย็นเฉียบ “พอแล้ว ไม่ต้องเสแสร้งแล้ว เจ้าคิดว่าข้าตาบอดเหมือนแต่ก่อนหรือไร ข้าแยกเรื่องทำร้ายร่างกายกับลงโทษตามกฎของจวนไม่ออกรึ?”
อวิ๋นหลิงก็ส่งเสียงฮึดฮัดอย่างไม่พอใจ จ้องเฟิงเหยียนด้วยแววตาไม่พอใจ
“ถ้าการให้หมากัดคนคือกฎของจวน เหตุใดลูกชายเจ้าถึงไม่โดนกัดตายเล่า?”
สีหน้าฮูหยินเฟิงย่ำแย่ สีหน้าของเฟิงเหยียนก็บูดเบี้ยวเช่นกัน
ต่อให้เกลียดแค้นรัชทายาทกับภรรยาแค่ไหน พวกเขาสองคนก็ไม่กล้าด่าทอ
เพราะยามนี้ไม่เหมือนอดีต คนตรงหน้าไม่ใช่ท่านอ๋องตาบอด และไม่ใช่พระชายาขี้เหร่อันเป็นที่รู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว
นี่ก็ดึกมาแล้ว อวิ๋นหลิงไม่อยากเสียเวลากับพวกเขา หมุนกายสั่งเยี่ยเจ๋อเฟิง “เจ๋อเฟิง รีบแบกเฟิงอู๋จีขึ้นรถม้า”
ฮูหยินเฟิงเห็นนางจะพาเฟิงอู๋จีไป สีหน้าพลันตื่นตระหนก รีบเอ่ยว่า “พระชายาท หม่อมฉัน...”
“มีอะไรก็เก็บไว้พูดที่ศาลต้าหลี่แล้วกัน”
เซียวปี้เฉิงยกมือสั่งการ ทหารคุ้มกันประจำตำหนักบูรพาที่ยืนเรียงรายทั้งสองด้านก็โอบล้อมเฟิงเหยียนกับมารดาไว้
เฟิงเหยียนไม่ทนอีกต่อไป ตะเบ็งเสียงเกรี้ยวกราดอย่างหัวเสีย “มีสิทธิ์อะไรไม่ทราบ มันเป็นเรื่องภายในตระกูลเฟิง รัชาทายาทยุ่งเกินไปแล้ว”
“ทำไมหน่ะรึ? ก็เพราะเขาเป็นคนของสำนักศึกษาอี้ชิงอย่างไรเล่า”
สิ้นเสียงเฟิงเหยียนกับมารดาก็โดนพันธนาการเรียบร้อย
ฮูหยินเฟิงเห็นบุตรชายโดนจับกุมด้วยจึงรีบกล่าวด้วยความกังวล “เหยียนเอ๋อร์ร่างกายอ่อนแอ รัชทายาทจะทำเยี่ยงนี้ไม่ได้นะเพคะ”
แต่ไม่มีผู้ใดอินังขังขอบนาง เฟิงเหยียนโดนจับตัวไปพร้อมกับเก้าอี้รถเข็น เซียวปี้เฉิงหมุนกาย ทิ้งไว้เพียงเสียงร้อนรุ่มกลุ้มใจระคนความเกรี้ยวกราดของฮูหยินเฟิงดังก้องในท้องฟ้าอันมืดสลัว
อวิ๋นหลิงไม่เสียเวลากับสองแม่ลูกคู่นี้ รีบพาเฟิงอู๋จีเข้าวังอย่างเร็วที่สุด
ร่างกายอีกฝ่ายอ่อนเพลียยิ่ง และต้องเร่งรักษารอยเฆี่ยนตามตัวโดยด่วนด้วย หาไม่แล้วจะส่งผลต่อการฝึกซ้อมทหารในอีกครึ่งเดือนข้างหน้า
หมอหลวงโดนเรียกตัวเข้าตำหนักรับรองในเขตตำหนักบูรพากลางดึก เพื่อมาทำแผลให้เฟิงอู๋จี อวิ๋นหลิงป้อนโอสถลดไข้ที่ปรุงขึ้นมาโดยเฉพาะ หลังจากเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิดอยู่นาน เขาก็พ้นขีดอันตราย
เฟิงอู๋จีไม่รู้ว่าตัวเองนอนนานเท่าไหร่ ฟื้นมาอีกทีก็เห็นเพดานอันแปลกตา รอบกายมีกลิ่นบรรเทาการหลับนอนตลบอบอวล
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...