หลังจากพูดจบ หลี่เมิ่งชูก็โค้งคำนับก่อนจากไปด้วยสีหน้านิ่งสุขุม
ในสวนดอกไม้เงียบงันไปครู่หนึ่ง หลี่หยวนเส้าก็เริ่มรู้สึกอะไรบางอย่างในใจ “จริงๆ แล้วที่เมิ่งชูพูดก็สมเหตุสมผล น้องสาวควรไปเรียนจึงจะถูกต้อง”
เสนาบดีขวาหลี่ก็มีสีหน้าซับซ้อนเช่นกัน ราวกับวันนี้เพิ่งได้รู้จักหลานสาวสายตรงอย่างแท้จริง
“ถ้านางเป็นผู้ชาย คุณสมบัติคงจะเหนือกว่าเจ้าเสียอีก น่าเสียดาย…”
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจที่หลี่เมิ่งชูพูด แค่ไม่อยากจะยอมรับต่างหาก
ควบคุมราชวงศ์มาตลอดทั้งชีวิต เกียรติยศกับอำนาจพิเศษนี้ ใช่ว่าจะปล่อยวางกันได้ง่ายๆ เสียเมื่อไหร่เล่า
หลี่เมิ่งเอ๋อร์ฟังแล้วไม่พอใจ นางเชิดจมูกขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยว กระทืบเท้าเร่าๆ ก่อนหมุนตัววิ่งจากไป รู้สึกน้อยใจยิ่งนัก
ทั้งที่คนผู้นั้นเป็นสวะเหลือเดนชัดๆ แต่เหตุใดจึงเปลี่ยนไปเป็นคนละคนกะทันหันแล้วยังขโมยจุดเด่นของนางไปอีก
เมื่อก่อนนางแกล้งทำได้สมจริงนัก ที่แท้มีอุบายลึกล้ำ!
หลังจากพี่น้องสองคนแยกย้ายกันไป สวนดอกไม้จวนหลี่ก็เงียบลง
รถม้าของตำหนักบูรพาแล่นโขยกเขยกไปสามสี่ร้อยเมตร กระทั่งแน่ใจว่าในสวนไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ อวิ๋นหลิงก็เก็บพลังจิต
เดิมทีนางกังวลใจเล็กน้อย กลัวว่าหลี่เมิ่งชูจะถูกตำหนิหลังนางจากไป จึงลอบฟังดูลาดเลาอยู่ในสวนต่อ แต่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินละครฉากเด็ดยอดเยี่ยมเช่นนี้
นางสุดแสนชมชอบดรุณีอย่างหลี่เมิ่งชู!
หลังจากเซียวปี้เฉิงกลับมายังตำหนักบูรพาช่วงบ่าย อวิ๋นหลิงก็เล่าเรื่องราวที่ได้เห็นและได้ยินในจวนตระกูลหลี่เมื่อยามเช้าตรู่ให้เขาฟัง
เซียวปี้เฉิงนั่งอยู่ในรถม้ามาพักใหญ่ภายใต้แสงแดดแผดเผา หน้าผากจึงมีเหงื่อบางๆ ผุดซึมออกมา
เขาเลิกคิ้ว ในดวงตาสีดำเข้มฉายแววชื่นชม “ดรุณีผู้นี้ละเอียดถี่ถ้วนนัก แม้จะไม่ใช่บุรุษก็ไม่เป็นไร สำนักศึกษาชิงอี้จะไม่ทอดทิ้งนาง”
“ปฏิกิริยาของพี่ชายนางก็ทำให้ข้าประหลาดใจอยู่บ้าง” อวิ๋นหลิงว่าพลางรินน้ำผลไม้เย็นๆ ให้เขาแก้วหนึ่ง
“เจ้าหมายถึงหลี่หยวนเส้าหรือ เจ้าเด็กหนุ่มนั่นคุณสมบัติไม่เลวจริงๆ ถือว่าโดดเด่นในหมู่ลูกหลานตระกูลหลี่ ตอนสอบเซียงซื่อระดับมณฑลเมื่อปีกลายยังได้อันดับย่าขุย ส่วนเจ้าหัวขี้เลื่อยอย่างจางอวี้ซูนั่นเทียบไม่ติดฝุ่นเลย”
เซียวปี้เฉิงรับมาจิบคำหนึ่ง ความร้อนในร่างกายก็พลันหายไปมาก
ที่เรียกว่าย่าขุยนั้นก็คือสอบเซียงซื่อได้อันดับหก
สำหรับคนในวัยอย่างหลี่หยวนเส้านั้น การประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยเป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การโอ้อวดจริงๆ
เซียวปี้เฉิงถอนใจอย่างเศร้าๆ “ต้นกล้าเป็นต้นกล้าที่ดีก็จริง แต่น่าเสียดายที่เติบโตในที่ดินของตระกูลหลี่ แม้จะไม่เติบโตมาเลวร้าย แต่ก็บิดเบี้ยวไปหน่อย เติบโตมาในสภาพแวดล้อมอย่างตระกูลหลี่ตั้งแต่เล็ก ย่อมติดนิสัยหยิ่งทะนงตนมาบ้างอย่างเลี่ยงไม่ได้ มักจะใช้กลอุบายเล็กๆ น้อยๆ เพื่อหาผลประโยชน์เข้าตัว”
หลี่หยวนเส้าไม่ใช่ลูกผู้ดีมีตระกูลที่ไร้วิชาความรู้เหมือนจางอวี้ซูหรือเดรัจฉานสวมเสื้อผ้าที่วางมาดภูมิฐานอย่างเฟิงจิ่นเฉิง
ตอนแรกแม้จะมีเหตุผลที่รังแกเฟิงอู๋จีในห้องสมุด แต่หากเป็นบุตรตระกูลขุนนางอย่างหรงจั้นหรือฉู่อวิ๋นเจ๋อก็จะไม่ทำเรื่องพรรค์นั้น
“ฟังจากที่ท่านพูดเขาก็ยังเป็นคนเก่งอยู่ แต่ดันเกิดในตระกูลหลี่ทำให้เขาไม่ก้าวหน้า จะไม่บิดเบี้ยวไปสักหน่อยก็ไม่ใช่ง่ายๆ เลย”
ในที่สุดอวิ๋นหลิงก็เข้าใจความหมายของเขา ถึงหลี่หยวนเส้าจะเลือกเกิดไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ทำตัวบิดเบี้ยวไปเสียทั้งหมด
‘ความมหัศจรรย์’ อย่างหลี่เมิ่งชูนั้นหาได้ยากนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...