เฟิงอู๋จีครุ่นคิดครู่หนึ่ง กระแอมเบาๆ คราหนึ่งตอบว่า “มีของดูต่างหน้าของแม่สองสามอย่างยังอยู่ในตระกูลเฟิง ศิษย์อยากจะไปเอามาด้วยตนเอง”
เขาไม่ได้โกหก เขาเก็บสิ่งของสำคัญที่มีคุณค่าทางใจเหล่านั้นไว้ในตู้จริงๆ
พออวิ๋นหลิงได้ยินว่าเป็นของที่ระลึกของมารดาบังเกิดเกล้า จึงไม่บังคับให้อีกฝ่ายรั้งอยู่ในวังอีก “ประเดี๋ยวข้าจะบอกปี้เฉิง พรุ่งนี้ให้เขาพาเจ้าไปตระกูลเฟิงด้วย”
เฟิงอู๋จีผงกศีรษะ ถอนใจด้วยความโล่งอกเบาๆ แล้วน้อมส่งนางด้วยความเคารพ
อวิ๋นหลิงค่อนข้างอยากรู้ชาติกำเนิดของเฟิงอู๋จี หลังจากกลับถึงหอนอน นางจึงซักถามเซียวปี้เฉิงสองสามข้อ
“พ่อของเฟิงอู๋จีเป็นคนแบบไหน” เซียวปี้เฉิงนิ่งคิดครู่หนึ่ง นึกใคร่ครวญแล้วตอบว่า “ถ้าจะอธิบายให้เห็นภาพชัดเจน เขาน่าจะประมาณรุ่ยอ๋องกับท่านพ่อของเจ้ารวมๆ กัน”
รุ่ยอ๋องผู้โง่เขลากับตาเฒ่าเลอะเลือนอย่างนั้นหรือ
อวิ๋นหลิงเริ่มชักสนใจ เอามือเท้าคางแล้วพูดว่า “ช่วยพูดให้ละเอียดอีกสักหน่อยได้หรือไม่”
“เขาเชื่อฟังและนอบน้อมเหมือนกับรุ่ยอ๋อง และเป็นคนเรียบง่ายพอๆ กับท่านพ่อของเจ้า เขาชอบเลอะเลือนเรื่องเรือนหลังเขาทำงานอย่างขยันขันแข็งมาเกือบชั่วชีวิตก็ยังอยู่ในตำแหน่งขุนนางขั้นสี่เท่านั้น”
บัดนี้เซียวปี้เฉิงรู้เรื่องราวของบรรดาขุนนางในราชสำนักเกือบทุกอย่างแล้ว พลังจิตในกายก็ทำให้เขารู้เรื่องซุบซิบและความลับแปลกๆ มากมาย
หลังผลการสอบเผยแพร่ออกไปเมื่อสองวันนี้ เฟิงอู๋จีได้อันดับที่สุดแสนโดดเด่นสะดุดตา กระตุ้นให้ผู้คนถกเถียงกันเซ็งแซ่
“ข้าได้ยินคนนอกพูดกันว่าแม่ของเฟิงอู๋จีเป็นยอดพธูชื่อดังของเมืองหลวงเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว นางไม่เพียงเต้นระบำรำฟ้อนจนชวนตะลึง แต่ยังแตกฉานทั้งพิณ หมากล้อม พู่กัน และวาดภาพอีกด้วย ไม่ด้อยไปกว่าลูกคุณหนูทั้งหลายเลย”
อวิ๋นหลิงเข้าใจแล้ว มิน่าที่เขาดูหล่อเหลาถึงเพียงนี้ ที่แท้มารดาเขาเคยเป็นยอดพธูอันลือลั่นของเมืองหลวงนี่เอง
จู่ๆ นางก็ฉุกนึกถึงกระดาษคำตอบที่ให้เขียนแสดงความคิดของเฟิงอู๋จี คำถามสุดท้ายถามว่า ‘ถ้าได้เป็นฮ่องเต้จะทำอะไรบ้าง’
เด็กหนุ่มผู้นั้นเขียนตอบร่ายยาวเหยียดว่าเขาจะประกาศยกเลิกหอคณิกาทั้งหมดในใต้หล้า ช่วยหญิงสาวที่น่าสงสารเหล่านั้นไม่ให้เสียอิสรภาพเนื่องจากถูกข่มเหง จนกลายเป็นนกในกรงทองให้ผู้คนยลชมดูเล่น
เวลานั้นอวิ๋นหลิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ถึงอย่างไรด้วยพื้นเพของคนยุคสมัยนี้ ยากนักที่ผู้ชายคนหนึ่งจะคิดได้เช่นนี้
ตอนนี้ดูท่าน่าจะเกี่ยวกับความทุกข์ทรมานที่มารดาบังเกิดเกล้าของเขาต้องพานพบมา
เซียวปี้เฉิงเล่าต่อ “พ่อของเขาบังเอิญพบกับนางที่งานเลี้ยงสุรา ทั้งสองตกหลุมรักกันตั้งแต่แรกเห็น ต่อมาไม่ว่าจะคัดค้านอย่างไร เขาก็รับนางกลับบ้านมาตั้งเป็นอนุ ด้วยเหตุนี้เสนาบดีซ้ายเฟิงจึงโมโหอาละวาดเรือนแตกมาแล้ว”
เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นในเมืองหลวงขณะนั้น หลายคนรู้สึกเหลือเชื่อว่าพ่อเฟิงที่เชื่อฟังอยู่ในโอวาทมาตลอดจะถึงขั้นดึงดันพายอดพธูกลับบ้าน
ควรรู้ไว้ว่าตระกูลเฟิงเป็นตระกูลเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงมานับศตวรรษ ให้ความสำคัญกับชาติกำเนิดของฝ่ายหญิงมาก หญิงนางโลมเอามาทำเป็นของเล่นได้ แต่จะพาเข้าเรือนหลังไม่ได้เป็นอันขาด
“ต่อมาพ่อของเฟิงอู๋จีได้ปฏิบัติตามที่ผู้ใหญ่เตรียมการไว้ให้ เขาจึงแต่งงานกับภรรยาเอกคนปัจจุบันนี้ นางเฟิงนั้นมากเล่ห์นัก แค่ไม่ถึงสองปี แม่ของเฟิงอู๋จีก็เสียชีวิตหลังจากคลอดลูกได้ไม่นาน”
“ถึงพ่อเขาจะเป็นคนเรียบง่าย แต่เป็นคนซื่อสัตย์ขยันหมั่นเพียร เสด็จพ่อมักจะส่งตัวไปตรวจราชการนอกเมืองหลวงอยู่บ่อยๆ ไปทีหนึ่งก็นานกว่าครึ่งปี เขาจึงไม่ได้ดูแลครอบครัวสักเท่าไร ส่วนใหญ่จะเชื่อฟังคำที่ภรรยาเอกพูด”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...