พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 557

เซียวปี้เฉิงอดลอบก่นด่าในใจไม่ได้ สายตาและสมองของจิ้งจอกเฒ่าผู้นี้แหลมคมกว่าเสนาบดีขวาหลี่มากนัก

เฟิงอู๋จีมีสีหน้าสับสน มองผู้เป็นบิดาที่น้ำหูน้ำตาไหล ชั่วขณะนั้นเขาก็รู้สึกแสบปลายจมูกเช่นกัน

เขาเอ่ยเสียงแหบพร่าว่า “ท่านพ่อเองก็มีความลำบากของตน ลูกไม่เคยโทษท่านเลย”

หลายปีที่ผ่านมา ถึงแม้บิดาจะถูกตบตาหลอกยั่วยุ ทำให้ผิดหวังในตัวเขามาก แต่เมื่อใดที่อยู่ห่างเมืองหลวง ก็จะเป็นห่วงเป็นใยเขาตลอด

ขณะนี้เฟิงอู๋จีทอดถอนใจ ทันใดนั้นก็รู้สึกปลาบปลื้มยินดีที่ตอนนั้นตัดสินใจสมัครเข้าสอบที่สำนักศึกษาชิงอี้อย่างเด็ดเดี่ยว

กู้ฮั่นม่อพูดถูก ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องสู้เพื่อตัวเอง ถ้าไม่ลองดูแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าจะมีอนาคตที่สดใสกว่านี้รออยู่

เขาหลุดพ้นจากคุกที่เคยพันธนาการออกมา เป็นอิสรเสรีไม่ถูกผูกมัดอย่างแท้จริงตามชื่อของเขา

พ่อเฟิงจูงมือลูกชายพลางร่ำไห้อย่างละอายใจ จากนั้นเขาก็เพิ่งสังเกตได้ทั้งน้ำตาคลอเบ้าว่าเซียวปี้เฉิงยังอยู่ข้างๆ

เขาตัวสั่นสะท้าน รีบเช็ดหน้าจนแห้งสะอาด แล้วพยักหน้าค้อมกายเชิญอีกฝ่ายเข้าไป

“กระหม่อมเสียมารยาทแล้ว โปรดอย่าตำหนิเลย เชิญเข้ามานั่งก่อน”

เซียวปี้เฉิงยกมือขึ้นกล่าวว่า “ไม่ต้องมากพิธี อีกไม่กี่วันลูกชายท่านจะไปสำนักศึกษาชิงอี้ ข้าจึงพาเขากลับมาเก็บข้าวของ”

พ่อเฟิงฟังแล้วค้อมกายโค้งคำนับให้เซียวปี้เฉิงติดๆ กัน สองมือตื่นเต้นไม่รู้ว่าจะวางไว้ที่ไหนดี

“รัชทายาทกับพระชายาเป็นผู้ใจกว้างดุจมหาสมุทร ก่อนหน้านี้เจ้าลูกอกตัญญูเฟิงเหยียนก่อเรื่องงามหน้าครั้งใหญ่ไป กระหม่อมขอบพระทัยที่ไม่ทรงถือสาเรื่องครั้งก่อน ทั้งยังเมตตาต่ออู๋จีเช่นนี้ โปรดรับการคารวะจากกระหม่อมด้วย!”

พ่อเฟิงเป็นคนซื่อที่เลอะเลือน แต่อุปนิสัยถือว่าเปิดเผยเที่ยงตรงผู้หนึ่ง

ก่อนหน้านี้เฟิงเหยียนถูกงูพิษกัดจนเป็นอัมพาต แม้ผู้เป็นพ่อจะปวดใจ แต่ก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องได้รับกรรมตามสนอง ตอนนั้นองค์รัชทายาทเห็นแก่หน้าตระกูลเฟิง จึงไม่ได้ฟื้นฝอยหาตะเข็บ ไม่เช่นนั้นจะรักษาชีวิตเอาไว้ได้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

เซียวปี้เฉิงรีบยกมือขึ้นห้ามเขา “ไม่ต้องทำเช่นนี้ ข้าแยกแยะเรื่องผิดถูกได้ ย่อมจะไม่ระบายความโกรธต่อผู้บริสุทธิ์”

พ่อเฟิงได้ยินเช่นนี้ ร่างกายที่แข็งเกร็งก็ผ่อนคลายลง จากนั้นมองลูกชายด้วยตาปริบๆ

“พรุ่งนี้เจ้ารีบไปสำนักศึกษาหรือเปล่า”

เฟิงอู๋จีตอบเสียงนุ่ม “เวลาเข้าเรียนคืออีกเจ็ดวันให้หลัง ตอนนี้ยังไม่ต้องรีบร้อน”

เวลานี้เสนาบดีซ้ายเฟิงกลอกตาทีหนึ่ง กล่าวเสียงก้องกังวาน “ยากนักที่พ่อเจ้าจะกลับมาเมืองหลวง ในเมื่อยังไม่ถึงเวลา ก็อย่าเพิ่งรีบไปสำนักศึกษา ตอนนี้ในจวนไม่มีนายหญิงแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นข้าจะให้บ่าวไพร่จัดเตรียมทุกอย่างให้พร้อม”

เซียวปี้เฉิงก็รู้ทันทีว่าเสนาบดีซ้ายเฟิงเตรียมจะสนับสนุนและฝึกฝนลูกอนุผู้ถูกละเลยมองข้ามไปคนนี้

เขาเอ่ยว่า “ไม่เป็นไร ให้อู๋จีตัดสินใจด้วยตัวเองเถอะ”

เฟิงอู๋จีสบสายตาที่คาดหวังและตื่นเต้นของบิดา จึงกล่าวกับเซียวปี้เฉิงด้วยความเคารพว่า “ขอบพระทัยองค์รัชทายาทกับพระชายาที่ดูแลมาตลอดสองวันนี้ ศิษย์จะพักฟื้นที่บ้าน จะไม่รบกวนรั้งอยู่ในตำหนักบูรพาอีก”

บัดนี้เส้นแบ่งระหว่างพ่อลูกปลาสนาการหายไปแล้ว เขาอยากใช้เวลาอยู่กับพ่อสักสองสามวัน ไม่เช่นนั้นคราวหน้าจะได้พบกันอีกหรือไม่ก็ยังไม่รู้เลย

ใบหน้าที่น้ำตายังไม่ทันแห้งของพ่อเฟิงฉายแววดีใจ สองมือของเขาจับฝ่ามือใหญ่ของลูกชายไว้แน่น

“เจ้าเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์โดดเด่น ที่ผ่านมาถูกหญิงชั่วกับลูกชายหัวรั้นแตะถ่วงเจ้าไว้ เมื่อเจ้าเข้าสู่สำนักศึกษาชิงอี้ก็ต้องมุมานะบากบั่น อย่าทำให้องค์รัชทายาทที่อุตส่าห์โปรดปรานต้องผิดหวัง!”

เมื่อได้ยินว่าผลคะแนนของลูกชายอยู่อันดับสองในบรรดาหลายร้อยคน เขาก็รู้สึกประหลาดใจระคนยินดีเป็นยิ่งนัก จากนั้นก็เสียใจเป็นเท่าทวีที่แต่ก่อนไม่ได้ตั้งใจปลูกฝัง หาไม่แล้วลูกของเขาคงจะมีโอกาสเชิดหน้าชูตากว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้

“พ่อเพิ่งสั่งให้บ่าวไพร่ย้ายทุกอย่างในห้องของเจ้าไปที่เรือนหลักแล้ว เจ้ายังมีบาดแผลอยู่ ไปพักผ่อนให้ดีเถิด”

เฟิงอู๋จีฟังแล้วก็ตกประหม่า “ข้าควรไปดูด้วยตัวเองดีกว่า ประเดี๋ยวพวกเขาจะทำข้าวของเสียหาย”

ครั้นเห็นว่าสองพ่อลูกดูเหมือนจะมีเรื่องคุยกันไม่จบสิ้น เสนาบดีซ้ายเฟิงก็ยกมือขึ้นเชิญเซียวปี้เฉิงไปดื่มชาที่ห้องโถงด้านหน้า

“ยังไม่ดึกนัก องค์รัชทายาทไม่นั่งพักก่อนแล้วค่อยไปหรือ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ