พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 572

หลังหลงเย่และกงจื่อโยวพูดปรับความเข้าใจกันแล้ว งานแต่งงานก็ถูกกำหนดวันอย่างรวดเร็ว

ภายในเมืองหลวงถกเถียงกันอย่างถึงพริกถึงขิงมาเป็นเวลานาน เหล่าขุนนางในราชสำนักจำนวนมากต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่า รัชทายาทคือคู่แต่งงานที่เหมาะสมที่สุด

เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้คงต้องหารือกันนานหนึ่งถึงสองเดือน แต่ใครจะคิดว่าท่านอ๋องจินมาได้ไม่นาน ก็สามารถจัดการเรื่องที่ใหญ่โตอย่างเรื่องแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ได้เรียบร้อยแล้ว

หลายต่อหลายคนก็คาดเดากันไปเอง ว่าพระชายารัชทายาทและองค์หญิงหลงเย่คงจะต้องประลองฝีมือกันสักยก แต่ที่ไหนได้เมื่อพวกนางพบกันกลับเหมือนเจอสหายเก่า เพิ่งพบกันไม่กี่ครั้งก็ไปนอนด้วยกันที่ตำหนักบูรพาแยกก็แยกไม่ออกเสียแล้ว

ด้วยท่าทีพูดคุยสนิทชิดเชื้อ ราวกับเคยรู้จักกันมาก่อน

หลี่เมิ่งเอ๋อร์ที่รอดูเรื่องสนุกบัดนี้ก็ยิ้มไม่ออกเสียแล้ว นางคาดไม่ถึงว่าจะเป็นแบบที่หลี่เมิ่งชูพูดไว้จริงๆ!

“มิใช่ว่ากันว่าท่านอ๋องจินรูปลักษณ์น่าเกลียดพุงพลุ้ยหรอกหรือ? เหตุใดจึงไม่เหมือนกับข่าวลือเลยเล่า?”

หลังงานเลี้ยงจบลงภายในวังก็ลือกันแพร่สะพัด ว่าจินฟู่กุ้ยหล่อเหลาราวเทพเซียน เป็นชายหนุ่มรูปงามที่ไม่มีใครอาจเทียบ แม้แต่หรงจั้นยังเทียบไม่ติด

แม้นางไม่เคยเห็นกงจื่อโยว แต่นางเคยได้เห็นความสง่างามของหรงจั้นกับตา จึงสามารถเดาออกได้ว่าอีกฝ่ายหน้าตาเป็นอย่างไร

อีกอย่างก็คือท่านอ๋องจินยังสนิทกับรัชทายาทและพระชายา หลี่เมิ่งเอ๋อร์เดิมทีหวังว่าองค์หญิงหลงเย่นั่นจะผิดใจกับพระชายารัชทายาท แต่คิดไม่ถึงว่าพวกนางกลับลงเอยกันอย่างดี จะไม่ให้นางเคืองใจได้อย่างไรกัน?

หลี่เมิ่งเอ๋อร์โกรธจนทุบผลไม้ในมือ

หลี่เมิ่งชูเห็นก็ยิ้มบางๆ “เสียดายที่เจ้าศึกษาตำราที่สำนักศึกษาเป่ยลู่มาตั้งหลายปี แม้แต่ ‘สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น’ เรื่องง่ายๆแค่นี้เจ้าก็ไม่เข้าใจหรือ”

“เจ้าเลิกพูดประชดประชันสักที ก่อนจะยุ่งเรื่องคนอื่น เจ้าจัดการเรื่องตัวเองให้รอดก่อนเถอะ”

หลี่เมิ่งเอ๋อร์จ้องนางด้วยความโกรธเคือง และพูดขึ้นอย่างเย้ยหยัน “เห็นว่าปีหน้าเจ้าอายุครบยี่สิบปีแล้วนี่ บัดนี้ตกอับได้ชื่อเสียงว่าโดนถอนหมั้น หากอยากแต่งงานอีกครั้งคงจะยากไม่น้อย ท่านปู่ก็มุ่งมั่นอยากให้เจ้าแต่งเข้าตระกูลสูงศักดิ์ แต่ข้าว่าชีวิตเจ้ามันก็ได้แค่แต่งกับพ่อม่ายเมียตายเท่านั้น!”

คำพูดของนางร้ายกาจไร้ความปรานี ทว่าหลี่เมิ่งชูยังคงนิ่งเงียบไม่ขยับ

“ต่อให้ข้าจะแต่งให้พ่อม่ายเมียตาย ก็ยังดีกว่าไม่มีใครเอาอย่างเจ้า แม้จะแต่งงานไปก็มีแต่จะต้องเป็นม่าย!“

หลี่เมิ่งเอ๋อร์สูดหายใจลึก

คำตัดสินของเฟิ่งเหมียนเป็นปมในใจของนาง แม้ตระกูลหลี่จะไม่ได้ป่าวประกาศต่อภายนอก แต่คำเพียงไม่กี่คำนั่นตัดหนทางในอนาคตของนางไป และทำให้นางสูญเสียความรักของท่านปู่

คำพูดเหล่านี้ราวมีดคมที่ปักลงบนอกนาง

“เจ้า!” นางโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ไม่ทันได้ไตร่ตรองก็คว้าเอาถาดผลไม้บนโต๊ะขว้างใส่หลี่เมิ่งชู

หลี่หยวนเส้าที่บังเอิญเข้ามาเห็นเหตุการณ์พอดี เดิมทีเขาต้องการพาคนนำลูกพับมาให้น้องสาวทั้งสอง แต่เมื่อได้เห็นฉากตรงหน้าก็รีบวิ่งเข้าไปบังข้างหน้าหลี่เมิ่งชูทันที

องุ่นสีม่วงสดราวหินโมรากลิ้งเกลื่อนทั่วพื้น และเลอะไปทั่วตัวสองพี่น้อง โหนกแก้มหลี่หยวนเส้าถูกกระแทกด้วยถาดผลไม้จนเจ็บแปลบ เขากดอารมณ์โกรธและต่อว่าหลี่เมิ่งเอ๋อร์

“เมิ่งเอ๋อร์! เหตุใดเจ้าจึงเนรคุณเช่นนี้ เจ้ากล้าทำร้ายพี่สาวเจ้าได้อย่างไร!”

“ถึงเวลานั้นพี่จะไปส่งเจ้าเอง สำนักศึกษาชิงอี้ไม่ให้นำคนใช้ไปด้วย เรื่องซักผ้าซ่อมผ้าใช้เงินให้คนอื่นทำให้เจ้าก็ได้ ข้าสืบถามเหล่านักเรียนที่ถูกรับเข้าเรียน มีหลายตระกูลที่ฐานะค่อนข้างยากไร้ หากให้เงินไปพวกนางย่อมช่วยเจ้าแน่นอน”

“ข้าจะให้สาวใช้ไปหาเจ้าทุกๆสามวัน หากขาดเรื่องของกินของใช้บอกได้เลย ข้าจะให้คนส่งไปให้”

“และก็ ใกล้จะเข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้ว เดือนเก้าปีนี้ทั้งแมลงทั้งงูชุกชุม นอกเมืองและในเมืองมีเหล่าชาวบ้านถูกกัดตายไปมากมาย สำนักศึกษาชิงอี้ตั้งอยู่แนวสันเขา ข้าเตรียมผงไล่แมลงให้เจ้าไว้เยอะเลย เจ้าอย่าลืมพกไปด้วยล่ะ…”

ฟังพี่ชายที่พูดไม่หยุดปาก หลี่เมิ่งชูก็กลอกตาอย่างอดไม่อยู่ ปีก่อนๆที่สำนักศึกษาเป่ยลู่ เขาก็คอยกังวลนางทั้งสองเช่นนี้

นางฉีกยิ้มอย่างอ่อนโยนและพูด “ไม่ต้องเตรียมพร้อมให้ลำบากถึงเพียงนี้ก็ได้กระมัง พระชายารัชทายาทเป็นคนรอบคอบทั้งยังมักเอาใจใส่ ที่สำนักศึกษาสะดวกสบายมากมีหมดทุกอย่างอยู่แล้ว”

ก่อนหน้านี้ที่อวิ๋นหลิงส่งจดหมายรับเข้าศึกษา ในจดหมายยังมีแผนที่มาด้วยแผ่นหนึ่ง บนแผนที่เขียนอย่างชัดเจนว่าทุกสถานที่ในสำนักศึกษามีไว้ใช้อะไร

แม้จะเล็กกะทัดรัดแต่ก็ครบครัน พูดได้ว่าเป็นราวเมืองเล็กๆเมืองหนึ่งเลยล่ะ

หลี่หยวนเส้าครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ทว่ายังคงไม่วางใจ “ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่าเฟิงอู๋จีนั่นจะสอบเข้าสำนักศึกษาชิงอี้ได้ แม้นเขาจะสอบได้อันดับสองก็เถอะ แต่ถึงจะมีความสามารถก็ไม่ได้สะท้อนถึงนิสัยจริงๆของเขา”

“พี่ไม่ได้อยู่ที่สำนักศึกษาด้วย ต่อไปเจ้าห้ามเข้าใกล้เขาเด็ดขาด หากเขามีความรู้สึกนิดคิดอะไรกับเจ้าแม้แต่น้อยรีบบอกพี่ทันที ต่อให้เขาจะมีรัชทายาทและพระชายาคอยคุ้มหัว พี่ก็ไม่มีทางปล่อยเขาไว้แน่!”

รอยยิ้มของหลี่เมิ่งชูหายไปทันที นางไม่กล้าพูดเลยว่าเป็นนางเองที่ช่วยให้เฟิงอู๋จีเข้าสำนักศึกษา “พี่ไม่ต้องกังวลไป ท่านไม่เชื่อใจเฟิงอู๋จีก็ไม่เป็นไร แต่ท่านจะไม่เชื่อใจรัชทายาทงั้นหรือ? หาเฟิงอู๋จีไร้ศีลธรรมจริงๆ มีหรือที่เขาจะสามารถเข้าสำนักศึกษาชิงอี้ได้?”

หลี่หยวนเส้ากระแอมในคอเสียงดัง แม้เขาจะไม่ชอบเฟิงอู๋จีแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อให้มากความ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ