พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 573

ในพระราชวัง คณะทูตแคว้นถังใต้กำลังรายงานกำหนดกลับแคว้น

คณะทูตแคว้นถังใต้มิได้คัดค้านการเลือกนับญาติแต่อย่างใด พวกเขาไม่สนใจว่าจินอ๋องจะเป็นอ๋องต่างสกุลที่มีชาติกำเนิดเป็นพ่อค้าวาณิชและไม่ใช่เชื้อพระวงศ์ของแคว้นต้าโจว

องค์หญิงหลงเย่คือเผือกร้อนที่รับมือยากสำหรับพวกเขา ขอเพียงมีคนยินดีรับก็พอ ส่วนจะเป็นใครนั้นไม่สำคัญเลย

หลังจากหารือซื้อปืนคาบศิลาเสร็จ พวกเขาไม่คิดจะรั้งอยู่ต่อ สามวันให้หลังก็วางแผนจะเดินทางกลับแคว้นถังใต้

นอกจากนี้ยังทิ้งสินเจ้าสาวไว้มากทีเดียว แม้ว่าหลงเย่จะเป็นเผือกร้อนก็ตาม แต่แคว้นถังใต้ก็ไม่กล้าจะละเลยนาง

ก่อนองค์หญิงผู้นี้จะจากมา ได้กวาดล้างราชสำนักครั้งใหญ่ พวกเขาก็กลัวนางโดยสัญชาตญาณ

หลงเย่หยิบกล่องทองคำใบหนึ่งออกมาจากหีบที่ติดตัวมาด้วยท่ามกลางสินเจ้าสาวมหาศาล

“ดีที่น้องสามส่งของนี้มาทันเวลา ฉันจึงโค่นล้มสนมคนโปรดหญิงชาวเหมียวผู้นั้นได้ ตอนนี้ทรัพย์สินก็น่าจะกลับคืนสู่เจ้าของร่างเดิมแล้ว”

กล่องเปิดออก ประกายแสงวาบผ่าน ข้างในมีหินอุกกาบาตสีแดงขนาดเท่ากำปั้น

ไม่รออวิ๋นหลิงเอ่ยคำ เสวียนจีก็น้ำลายไหลเต็มพื้นเสียแล้ว

“วู้ๆๆ ฉันก็อยากได้หินอุกกาบาตสักก้อนเหมือนกัน! ไอ้เฟิ่งเหมียนบ้า ไอ้สารเลวเฟิ่งเหมียน เอาหินของฉันไปยังไม่ยอมคืนเลย!”

เสวียนจีร่ำไห้บ่นตัดพ้อ ตอนที่เพิ่งทะลุมิติมายังแคว้นตงฉู่ หินอุกกาบาตก้อนนั้นตกลงมาในห้องของนางอยู่ก่อนแล้ว

เดิมทีนางต้องการเก็บเอาไว้เอง แต่เฟิ่งเหมียนยืนกรานจะให้นางเอาออกมาให้ได้ บอกว่าฮ่องเต้ทรงเห็นว่ามันเป็นของศักดิ์สิทธิ์ ต้องการเก็บไว้ที่สำนักหอดูดาวหลวงเพื่อสักการะบูชา

เสวียนจียอมเป็นหยกแหลกลาญไม่ขอเป็นกระเบื้องสมบูรณ์ ยอมหักไม่ยอมงอนั่นเอง นางจึงทุบหินอุกกาบาตโยนเข้าส้วมไปตรงนั้นเลย

สุดท้ายเฟิ่งเหมียนก็ให้คนช้อนหินอุกกาบาตออกมาล้างจนสะอาดสะอ้าน แล้วเอามันไปด้วยใบหน้าเขียวคล้ำ

“เธอพูดซะแรงเชียว!”

อวิ๋นหลิงมองเสวียนจีอย่างนึกรังเกียจแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “หินก้อนนี้มีประโยชน์ในการฝึกฝนพลังจิตมากทีเดียว แม้แต่ความแข็งกับความหนาของมันก็ชวนให้ตะลึง เดิมทีฉันอยากจะทุบให้แตกเป็นชิ้นๆ เอามาทำเป็นจี้ แต่จนใจจริงๆ พวกเราก็ผลัดกันเอาไปใช้ก่อนแล้วกัน”

หินอุกกาบาตของแคว้นเป่ยฉินอยู่ในมือของฮ่องเต้แคว้นเป่ยฉิน หินอุกกาบาตของแคว้นตงฉู่นั้นเฟิ่งเหมียนเอาไปวางให้สักการะอยู่ในสำนักหอดูดาวหลวง

สำหรับหินอุกกาบาตของแคว้นถังใต้ ตามที่หลงเย่เล่า ราชสำนักเห็นว่าเป็นของอาเพศลางร้ายจึงทิ้งมันไป เลยไม่รู้ว่าไปอยู่ ณ ที่แห่งใด

เสวียนจีเบ้ปากพูดว่า “เอาไม้จันทน์มาทำฟืนชัดๆ ไม่รู้จักของดีเลยสักนิด”

นางยังอยากจะศึกษาหินอุกกาบาตเหล่านี้ให้ละเอียด ตอนอยู่แคว้นตงฉู่ก่อนหน้านี้ นางบังเอิญค้นพบว่าของพวกนี้ใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าได้

หากศึกษาเชิงลึกต่อไปได้ ไม่แน่อาจใช้หินอุกกาบาตเหล่านี้มาทำอะไรที่เป็นประโยชน์ได้มากมาย

อวิ๋นหลิงเก็บหินอุกกาบาตเรียบร้อย ก็เอ่ยถามหลงเย่ “จริงสิ งูขาวตัวน้อยที่พี่ฉิงเคยให้ไปอยู่ที่ไหนแล้วล่ะ”

เวลานั้นหลิวฉิงได้เขียน ‘คู่มือควบคุมสัตว์’ และยังฝึกงูขาวจนเชื่องให้กับหลงเย่ ตั้งชื่อว่า ‘ซู่เจิน’

หลงเย่ตอบ “ฉันเลี้ยงไว้ในอ่างปลา ตอนนี้ไม่กล้าเอามันติดตัวไปไหนมาไหนด้วย เพราะกลัวจะทำให้คนอื่นตกใจ”

อวิ๋นหลิงพยักหน้า ซักถามนางว่าจะทำอะไรต่อไป

“กว่าจะแต่งงานอย่างเป็นทางการก็อีกตั้งเดือนกว่า ให้ฉันคุ้นเคยกับแคว้นต้าโจวก่อนสิ” หลงเย่คลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ฉันถูกขังอยู่ในแคว้นถังใต้มาตั้งนาน ยังไม่เคยเห็นประเทศอื่นๆ ในโลกนี้เลยว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง...

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ