จักรพรรดิจาวเหรินทำหน้าบึ้งตึง “เจ้ากำลังพูดอะไร ลูกชายเพิ่งลืมตาดูโลกแท้ๆ ยังไม่เห็นหน้าเลยสักแวบเดียว ก็ผลักไสไล่ส่งเขาไปซะแล้วหรือ”
รุ่ยอ๋องดูร้อนใจ เริ่มหายใจถี่ขึ้น “ลูกไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ลูก...”
จักรพรรดิจาวเหรินรีบตัดบทเขา “เอาละๆ อย่าเพิ่งรีบร้อนพูดเรื่องเหล่านี้ พักฟื้นให้หายก่อนสำคัญกว่า อีกอย่างเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าหรงฉานจะพาเด็กไป แล้วถ้านางเกิดเปลี่ยนใจเล่า”
สายตาของรุ่ยอ๋องหม่นแสงลง ครึ่งปีผ่านไปแล้วนับตั้งแต่แยกทางกัน ระหว่างนี้หรงฉานไม่เคยพูดอะไรกับเขาเลยแม้แต่คำเดียว
ปกติแล้วเขาจะอาศัยงานราชการมาเยี่ยมนางที่จวนเจิ้นกั๋วกง บางครั้งก็พบนางอยู่ในจวน แต่ทั้งสองก็ยังเดินผ่านกันไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด เขาก็ยิ่งไม่กล้าหวังว่าหรงฉานจะให้อภัยเขา อย่างไรเสีย ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นก็มิอาจลบล้างได้
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากเห็นลูกตอนแรกเกิด แต่เขาไม่กล้าเอ่ยปากต่อหน้าคนตระกูลหรงจริงๆ
ตอนนั้นปิ่นปักผมของฉู่อวิ๋นหานแทงเข้าท้องของหรงฉาน หากลึกลงไปอีกสองส่วน ลูกของพวกเขาก็จะหมดโอกาสลืมตาดูโลก
“แต่ถ้าเสี่ยวฉานไม่ยอมยกโทษให้ลูกล่ะ? ลูกผิดต่อเสี่ยวฉานก่อน นางตั้งท้องสิบเดือนอย่างยากลำบาก ลูกก็ไม่ได้ดูแลอยู่ข้างกายนางด้วยซ้ำ เป็นสามีที่บกพร่องต่อหน้าที่”
“แล้วถ้ายังจะพรากลูกที่นางสู้อุตส่าห์คลอดออกมาอย่างยากลำบาก บังคับให้พวกนางแม่ลูกแยกจากกัน เช่นนั้นลูกจะต่างอะไรกับสัตว์ร้ายไร้ยางอายพวกนั้นเล่า”
รุ่ยอ๋องมองจักรพรรดิจาวเหรินด้วยแววตาดื้อรั้น ถึงเขาจะหายใจลำบาก แต่ก็ยังคงพูดคำเหล่านี้อย่างชัดถ้อยชัดคำ
“ถ้าเสด็จพ่อยืนกรานจะพรากเด็กมา เช่นนั้นลูกจะสละตำแหน่งกลายเป็นคนธรรมดาสามัญ”
หากท่านอ๋องธรรมดาคนหนึ่งถูกปลดออกจากตำแหน่ง ทายาทของเขาย่อมกลายเป็นคนธรรมดาสามัญ เช่นนี้หรงฉานจะพาลูกไปอยู่ข้างกายได้อย่างสบายใจ
“เจ้านี่มัน…”
จักรพรรดิจาวเหรินฟังแล้วทั้งทรงพิโรธทั้งปวดพระทัย ไม่รู้จะรับสั่งอะไรดีไปชั่วขณะ
อวิ๋นหลิงเห็นเช่นนี้ก็เอ่ยปากห้ามทัพได้อย่างเหมาะเหม็ง “เสี่ยวฉานไม่ได้พูดอะไรเลย แล้วท่านรู้ได้อย่างไรว่านางคิดอะไรอยู่ อีกอย่างเด็กแรกเกิดอยู่ห่างจากแม่ไม่ได้ ต่อให้จะหย่าร้างกันจริงๆ ก็ยังต้องรอจนลูกหย่านมก่อน เสด็จพ่อว่าใช่หรือไม่”
จักรพรรดิจาวเหรินรีบรับลูกพูดต่อ พลางลูบเคราจ้องเขม็ง “ถูกต้อง ข้าไม่ได้ให้พวกเจ้าคลอดลูกชายเสร็จก็หย่ากันทันทีเสียเมื่อไหร่ เช่นนั้นข้ายังจะเป็นคนอยู่อีกหรือ”
รุ่ยอ๋องมองเขาอย่างตะลึงงัน “จริงหรือ”
เช่นนี้อย่างน้อยเขาก็สามารถเป็นสามีภรรยากับนางได้นานขึ้นอีกระยะหนึ่ง
“ข้าไปโกหกตอนไหน”
หลังจากคลายความกังวลลง ไม่นานรุ่ยอ๋องก็รู้สึกง่วงงุนแล่นริ้วขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก ก่อนผล็อยหลับลึกไป
จักรพรรดิจาวเหรินก็ถอนพระทัยด้วยความโล่งอกเช่นกัน เวลาตั้งแต่แรกเกิดจนถึงหย่านมของเด็กก็ประมาณสิบเดือนเห็นจะได้ ถ้าสามารถสร้างโอกาสให้ทั้งสองอยู่ด้วยกันได้มากขึ้น เขาก็ไม่เชื่อว่าพวกเขาจะยังเต็มใจหย่าร้างกัน
หากยังมีความคิดนั้นอยู่ เมื่อถึงเวลาก็ค่อยหาข้ออ้างเลื่อนออกไป
“พี่ใหญ่เปลี่ยนไปมากเหลือเกิน”
เซียวปี้เฉิงถอนใจ จากนั้นจึงปิดม่านลงแล้วออกมาจากห้อง
ในห้องโถงใหญ่ หรงจั้นกำลังรออย่างเงียบๆ อยู่อีกด้านหนึ่งด้วยสีหน้าซับซ้อนเป็นพิเศษ เห็นชัดว่าเขาได้ยินทุกถ้อยคำที่รุ่ยอ๋องกล่าวเมื่อครู่นี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...