ในสำนักศึกษาชิงอี้ มีลูกศิษย์จำนวนไม่น้อยกำลังกินข้าวอยู่ในโรงอาหาร ได้ยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหวต่างก็รู้สึกมึนงง
“เสียงอะไร ทำไมจึงได้ดังสนั่นเช่นนี้”
“ดูท้องฟ้าใกล้จะมีฝนตกแล้ว น่าจะเป็นเสียงฟ้าผ่ากระมัง”
“ดูซิบนภูเขามีนกที่บินว่อนเพราะตกใจ ไม่แน่ว่าอาจจะมีฟ้าผ่าต้นไม้ก็ได้”
ทุกคนต่างก็มุงดูอย่างประหลาดใจครู่หนึ่ง จากนั้นก็แยกย้ายกันไป
หลี่เมิ่งชูดึงแขนเสื้อพี่ชาย “ท่านพี่ นี่ก็ค่ำแล้ว ดูเหมือนฝนจะตกด้วย ท่านจะกลับบ้านเมื่อไหร่ ท่านกินมากขนาดนี้ ขากลับอาเจียนจะทำอย่างไร”
หลี่หยวนเส้ายังคงตั้งหน้าตั้งตากินข้าว เมื่อได้ยินคำนี้ก็เงยหน้าขึ้น ใบหน้ามีแววไม่เป็นธรรมชาติวาบผ่าน
“ไม่เป็นไร ในเมื่อตีนเขามีโรงเตี๊ยมอยู่ พี่ไปพักที่นั่นสักคืนก็ได้ นี่ก็จะไม่ได้เจอเจ้าเป็นเวลาหลายวันเลย อยู่กับเจ้าให้นานหน่อยจะดีกว่า”
เขาจะบอกไม่ได้ว่า การมาเที่ยวชมสำนักศึกษาชิงอี้ในวันนี้ทำให้รู้สึกเพลิดเพลินจนไม่อยากจะกลับบ้านแล้ว......
นอกจากสนามฝึกแล้ว ช่วงบ่ายเขาแทบจะเดินชมสำนักศึกษาชิงอี้เป็นเพื่อนหลี่เมิ่งชูไปทั่วทุกที่แล้ว ยิ่งเดินชมยิ่งรู้สึกอิจฉา ที่สุดแล้วก็ไม่อยากจะกลับไปเร็วนัก
เมื่อเห็นว่าเป็นช่วงเย็นแล้ว จึงมาที่โรงอาหารอีกครั้ง คิดว่ามากินอาหารอีกสักมื้อค่อยไปก็ยังไม่สาย
ค่ำนี้โชคไม่เลว ไม่ได้พบกับคนดวงซวยสองคนนั้น
ริมฝีปากของหลี่เมิ่งชูเผยรอยยิ้มจางๆออกมา ไม่ได้เปิดโปงเขา ในใจรู้สึกยินดีอย่างเงียบๆต่อมุมมองที่เปลี่ยนไปต่อสำนักศึกษาชิงอี้ของพี่ชาย
นางพูดด้วยเสียงหยอกล้อว่า “ถ้าพี่อยากจะอยู่เป็นเพื่อนข้าให้มากกว่านี้ ก็มาเรียนที่สำนักศึกษาชิงอี้ จะไม่สะดวกกว่าหรือ”
“เจ้าพูดเล่นอีกแล้ว รอให้สิ้นสุดการสอบคัดเลือกวสันต์ปีหน้า ถ้าหากข้าสอบผ่านได้เป็นบัณฑิตขั้นสูง ไหนเลยจะยังอยู่ในสำนักศึกษา”
“ใช่ๆ ท่านพี่ต้องสอบผ่าน ได้เป็นบัณฑิตขั้นสูงอย่างแน่นอน”
การสอบคัดเลือกเมื่อปีที่แล้ว นั่นก็คือการสอบขุนนางที่จัดขึ้นทุกๆสามปี
หลี่หยวนเส้าผ่านการสอบคัดเลือกในระดับมณฑลในการสอบคัดเลือกฤดูใบไม้ร่วง เดิมทีน่าจะเข้าร่วมการสอบคัดเลือกวสันต์เพื่อเป็นบัณฑิตขั้นสูง ในปีถัดมา แต่ใครจะไปรู้ว่าช่วยต้นปีเสียนอ๋องร่วมมือกับชาวทูเจวียก่อกบฏ การสอบย่อมถูกบีบให้เลื่อนออกไปอีกหนึ่งปี เลื่อนออกไปเป็นฤดูใบไม้ผลิของปีหน้า
ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกครึ่งปี รอให้การสอบคัดเลือกวสันต์เสร็จสิ้น หลี่หยวนเส้าก็จะได้เป็นบัณฑิตอย่างเป็นทางการแล้ว
ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่ทันการรับสมัครนักเรียนของสำนักศึกษาชิงอี้ในครั้งต่อไป แต่ไม่รู้ทำไม เมื่อคิดอย่างนี้แล้วในใจกลับรู้สึกเสียดาย
หลังจากทานอาหารค่ำเสร็จ หลี่หยวนเส้าก็ลุกขึ้นก่อนจะพูดว่า “ข้าจะลงจากเขาเพื่อพักผ่อนที่โรงเตี๊ยมแล้ว มีบ่าวคอยคุ้มกินติดตามอยู่ เจ้าก็ไม่ต้องส่งข้าแล้ว เหนื่อยมาทั้งวันรีบกลับไปพักผ่อนที่หอพักลูกศิษย์เถอะ”
หลี่เมิ่งชูพยักหน้า รู้ว่าพี่ชายไม่มีทางให้นางไปส่งแน่ จึงไม่ดึงดันจะไปส่ง
ค่ำคืนนี้สำนักศึกษาชิงอี้แสงไฟสลัว แม้ว่าโรงอาหารจะปิดแล้ว แต่พื้นที่ใจกลางสำนักศึกษากลับมีการตั้งร้านค้าต่างๆขึ้นมา
ภายใต้แสงไฟนับพันดวงที่สาดส่อง สำนักศึกษาราวกับถนนสายยาวที่แสนคึกคัก เต็มไปด้วยชีวิตชีวา แต่กลับสามารถทำให้รู้สึกถึงความสงบสุขอย่างยิ่ง
ตอนที่เดินไปถึงบริเวณหอพักลูกศิษย์ สองพี่น้องก็แยกย้ายกันไป
หลี่หยวนเส้ารู้สึกอาลัยอาวรณ์อยู่บ้าง เยื้องย่างช้าๆอย่างไม่รีบร้อน ค่อยๆเดินไปทางประตูใหญ่ของสำนักศึกษา
หลังจากเวลาผ่านประมาณสองถ้วยน้ำชา ในที่สุดประตูใหญ่ของสำนักศึกษาชิงอี้ก็ปรากฏขึ้นในสายตา
แต่กลับได้ยินเสียงฝีเท้าม้าที่เร่งรีบดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ฝุ่นที่ปลิวว่อนแฝงไปด้วยเสียงร้องตะโกนที่ร้อนใจ
“พลปืนไฟอยู่ที่ใด เร็วเข้า......รีบมารับคำสั่งเร็วเข้า”
“หอพักลูกศิษย์มีงูเหลือมยักษ์เลื้อยเข้ามา รีบเอาปืนคาบศิลาตามขช้าไปปกป้องนักเรียนเร็วเข้า”
สีหน้าของหลี่หยวนเส้าเปลี่ยนไปทันที รีบเดินไปหาคนคนนั้น เอ่ยถามเสียงเข้มว่า “เกิดอะไรขึ้น เจ้าพูดให้ชัดเจนซิว่างูเหลือมเลื้อยไปที่ไหน เป็นหอพักชายหรือหอพักหญิง”
คนที่มาส่งข่าวสีหน้าร้อนใจ ตอบอย่างทันควันว่า “หอพักหญิง......”
ไม่รอให้เขาพูดจบ ก็ถูกดึงให้ลงมาจากหลังม้าทันที เพิ่งจะได้สติกลับมา ก็พบว่าชายหนุ่มที่สวมชุดผ้าไหมได้แย่งม้าไปแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...