พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 583

ในสำนักศึกษาชิงอี้ มีลูกศิษย์จำนวนไม่น้อยกำลังกินข้าวอยู่ในโรงอาหาร ได้ยินเสียงดังสนั่นหวั่นไหวต่างก็รู้สึกมึนงง

“เสียงอะไร ทำไมจึงได้ดังสนั่นเช่นนี้”

“ดูท้องฟ้าใกล้จะมีฝนตกแล้ว น่าจะเป็นเสียงฟ้าผ่ากระมัง”

“ดูซิบนภูเขามีนกที่บินว่อนเพราะตกใจ ไม่แน่ว่าอาจจะมีฟ้าผ่าต้นไม้ก็ได้”

ทุกคนต่างก็มุงดูอย่างประหลาดใจครู่หนึ่ง จากนั้นก็แยกย้ายกันไป

หลี่เมิ่งชูดึงแขนเสื้อพี่ชาย “ท่านพี่ นี่ก็ค่ำแล้ว ดูเหมือนฝนจะตกด้วย ท่านจะกลับบ้านเมื่อไหร่ ท่านกินมากขนาดนี้ ขากลับอาเจียนจะทำอย่างไร”

หลี่หยวนเส้ายังคงตั้งหน้าตั้งตากินข้าว เมื่อได้ยินคำนี้ก็เงยหน้าขึ้น ใบหน้ามีแววไม่เป็นธรรมชาติวาบผ่าน

“ไม่เป็นไร ในเมื่อตีนเขามีโรงเตี๊ยมอยู่ พี่ไปพักที่นั่นสักคืนก็ได้ นี่ก็จะไม่ได้เจอเจ้าเป็นเวลาหลายวันเลย อยู่กับเจ้าให้นานหน่อยจะดีกว่า”

เขาจะบอกไม่ได้ว่า การมาเที่ยวชมสำนักศึกษาชิงอี้ในวันนี้ทำให้รู้สึกเพลิดเพลินจนไม่อยากจะกลับบ้านแล้ว......

นอกจากสนามฝึกแล้ว ช่วงบ่ายเขาแทบจะเดินชมสำนักศึกษาชิงอี้เป็นเพื่อนหลี่เมิ่งชูไปทั่วทุกที่แล้ว ยิ่งเดินชมยิ่งรู้สึกอิจฉา ที่สุดแล้วก็ไม่อยากจะกลับไปเร็วนัก

เมื่อเห็นว่าเป็นช่วงเย็นแล้ว จึงมาที่โรงอาหารอีกครั้ง คิดว่ามากินอาหารอีกสักมื้อค่อยไปก็ยังไม่สาย

ค่ำนี้โชคไม่เลว ไม่ได้พบกับคนดวงซวยสองคนนั้น

ริมฝีปากของหลี่เมิ่งชูเผยรอยยิ้มจางๆออกมา ไม่ได้เปิดโปงเขา ในใจรู้สึกยินดีอย่างเงียบๆต่อมุมมองที่เปลี่ยนไปต่อสำนักศึกษาชิงอี้ของพี่ชาย

นางพูดด้วยเสียงหยอกล้อว่า “ถ้าพี่อยากจะอยู่เป็นเพื่อนข้าให้มากกว่านี้ ก็มาเรียนที่สำนักศึกษาชิงอี้ จะไม่สะดวกกว่าหรือ”

“เจ้าพูดเล่นอีกแล้ว รอให้สิ้นสุดการสอบคัดเลือกวสันต์ปีหน้า ถ้าหากข้าสอบผ่านได้เป็นบัณฑิตขั้นสูง ไหนเลยจะยังอยู่ในสำนักศึกษา”

“ใช่ๆ ท่านพี่ต้องสอบผ่าน ได้เป็นบัณฑิตขั้นสูงอย่างแน่นอน”

การสอบคัดเลือกเมื่อปีที่แล้ว นั่นก็คือการสอบขุนนางที่จัดขึ้นทุกๆสามปี

หลี่หยวนเส้าผ่านการสอบคัดเลือกในระดับมณฑลในการสอบคัดเลือกฤดูใบไม้ร่วง เดิมทีน่าจะเข้าร่วมการสอบคัดเลือกวสันต์เพื่อเป็นบัณฑิตขั้นสูง ในปีถัดมา แต่ใครจะไปรู้ว่าช่วยต้นปีเสียนอ๋องร่วมมือกับชาวทูเจวียก่อกบฏ การสอบย่อมถูกบีบให้เลื่อนออกไปอีกหนึ่งปี เลื่อนออกไปเป็นฤดูใบไม้ผลิของปีหน้า

ตอนนี้ยังเหลือเวลาอีกครึ่งปี รอให้การสอบคัดเลือกวสันต์เสร็จสิ้น หลี่หยวนเส้าก็จะได้เป็นบัณฑิตอย่างเป็นทางการแล้ว

ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่ทันการรับสมัครนักเรียนของสำนักศึกษาชิงอี้ในครั้งต่อไป แต่ไม่รู้ทำไม เมื่อคิดอย่างนี้แล้วในใจกลับรู้สึกเสียดาย

หลังจากทานอาหารค่ำเสร็จ หลี่หยวนเส้าก็ลุกขึ้นก่อนจะพูดว่า “ข้าจะลงจากเขาเพื่อพักผ่อนที่โรงเตี๊ยมแล้ว มีบ่าวคอยคุ้มกินติดตามอยู่ เจ้าก็ไม่ต้องส่งข้าแล้ว เหนื่อยมาทั้งวันรีบกลับไปพักผ่อนที่หอพักลูกศิษย์เถอะ”

หลี่เมิ่งชูพยักหน้า รู้ว่าพี่ชายไม่มีทางให้นางไปส่งแน่ จึงไม่ดึงดันจะไปส่ง

ค่ำคืนนี้สำนักศึกษาชิงอี้แสงไฟสลัว แม้ว่าโรงอาหารจะปิดแล้ว แต่พื้นที่ใจกลางสำนักศึกษากลับมีการตั้งร้านค้าต่างๆขึ้นมา

ภายใต้แสงไฟนับพันดวงที่สาดส่อง สำนักศึกษาราวกับถนนสายยาวที่แสนคึกคัก เต็มไปด้วยชีวิตชีวา แต่กลับสามารถทำให้รู้สึกถึงความสงบสุขอย่างยิ่ง

ตอนที่เดินไปถึงบริเวณหอพักลูกศิษย์ สองพี่น้องก็แยกย้ายกันไป

หลี่หยวนเส้ารู้สึกอาลัยอาวรณ์อยู่บ้าง เยื้องย่างช้าๆอย่างไม่รีบร้อน ค่อยๆเดินไปทางประตูใหญ่ของสำนักศึกษา

หลังจากเวลาผ่านประมาณสองถ้วยน้ำชา ในที่สุดประตูใหญ่ของสำนักศึกษาชิงอี้ก็ปรากฏขึ้นในสายตา

แต่กลับได้ยินเสียงฝีเท้าม้าที่เร่งรีบดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง ฝุ่นที่ปลิวว่อนแฝงไปด้วยเสียงร้องตะโกนที่ร้อนใจ

“พลปืนไฟอยู่ที่ใด เร็วเข้า......รีบมารับคำสั่งเร็วเข้า”

“หอพักลูกศิษย์มีงูเหลือมยักษ์เลื้อยเข้ามา รีบเอาปืนคาบศิลาตามขช้าไปปกป้องนักเรียนเร็วเข้า”

สีหน้าของหลี่หยวนเส้าเปลี่ยนไปทันที รีบเดินไปหาคนคนนั้น เอ่ยถามเสียงเข้มว่า “เกิดอะไรขึ้น เจ้าพูดให้ชัดเจนซิว่างูเหลือมเลื้อยไปที่ไหน เป็นหอพักชายหรือหอพักหญิง”

คนที่มาส่งข่าวสีหน้าร้อนใจ ตอบอย่างทันควันว่า “หอพักหญิง......”

ไม่รอให้เขาพูดจบ ก็ถูกดึงให้ลงมาจากหลังม้าทันที เพิ่งจะได้สติกลับมา ก็พบว่าชายหนุ่มที่สวมชุดผ้าไหมได้แย่งม้าไปแล้ว

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ