ไม่นานห้องทดลองของเสวียนจีก็มีแผ่นกระดาษยาวมาปิดผนึกไว้
อวิ๋นหลิงเตือนเสวียนจีอีกครั้ง “อยู่ในหอซื่อฟางอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว หากเจ้าก่อปัญหาอีก จะไม่ใช่แค่ปิดห้องทดลอง”
คงต้องวาดวงกลมบนประตูใหญ่ แล้วเขียนคำว่า ‘รื้อ’ สีแดงเข้มเอาไว้
เสวียนจีเอ่ยแย้งอย่างห่อเหี่ยว “พี่ไม่อยากให้บรรดาลูกศิษย์ของสำนักศึกษาชิงอี้ได้ปั่นจักรยานอย่างอิสรเสรีเร็วๆ แล้วหรือ”
“ถึงอย่างไรในสำนักศึกษาก็มีรถสำนักศึกษา ไม่ต้องกังวลไปสักพัก”
เทียบกับ ‘ปั่นจักรยานอย่างอิสรเสรี’ ได้จริง อวิ๋นหลิงรู้สึกว่าปัญหาการศึกษาของเด็กยังมีความสำคัญมากกว่า
ตอนนี้เสวียนจีหมดแรงแล้ว เห็นทีถ้าอยากเปิดห้องทดลองอีกครั้ง นางก็ได้แต่หาวิธีทำให้นกโง่เห็นอกเห็นใจ
หลังจากนางย้ายออกไป ตำหนักบูรพาที่แต่เดิมเสียงดังเอะอะวุ่นวายก็เงียบลงมากในทันใด
หลังจากหลงเย่รู้ต้นสายปลายเหตุของอุบัติเหตุรถชน ก็พูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง
หากราชครูเฟิ่งเหมียนสามารถปราบเสวียนจีได้จริงๆ แต้มบุญที่สั่งสมไว้ก็เพียงพอให้เขาขึ้นสู่ความเป็นเซียนทันที
“จริงสิ ที่ข้ามาหาพวกเจ้าก็จะบอกว่างานแต่งของข้ากับเศรษฐีหนุ่มได้กำหนดแล้ว จะเป็นในช่วงกลางเดือนสิบ”
“เร็วขนาดนั้นเชียว?”
เซียวปี้เฉิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่พอนึกถึงท่าทางร้อนใจของใครบางคนก็พอเข้าใจได้
“ไม่ถือว่ากระชั้นเกินไป อย่างไรเสียเขาก็วางแผนมาหลายเดือนแล้ว”
หลงเย่ฉายแววอ่อนโยนอย่างแท้จริงอยู่หลายส่วนในรอยยิ้มหวาน “เดิมทีเขาอยากจะแต่งงานในเดือนนี้ แต่ฤกษ์งามยามดีในเดือนเก้าถูกสำนักหอดูดาวหลวงใช้ไปแล้ว จึงต้องเลื่อนออกไป กลางเดือนสิบจึงเป็นวันมงคลที่ใกล้ที่สุดแล้ว”
เดือนเก้าเป็นวันอภิเษกสมรสขององค์ชายห้าโม่อ๋องกับจื่อเถา เดิมทีทั้งคู่วางแผนจะแต่งงานกันช่วงปลายเดือน คำนวณเวลาแล้วก็น่าจะประมาณสิบวัน
“ข้าจะย้ายเข้าจวนจินอ๋องแต่เช้าพรุ่งนี้ หากพวกเจ้ามีอะไร ก็ส่งคนมาหาข้าที่จวนอ๋อง”
อวิ๋นหลิงพยักหน้า “ระวังด้วยนะ”
คราวนี้หลงเย่ออกจากวังไม่ใช่เพื่อไปออดอ้อนรักใคร่กับกงจื่อโยว แต่เพื่อหลอกล่อคนหนานเจียง
“เบาใจได้ พลังจิตของข้าฟื้นตัวขึ้นเยอะแล้ว ลูกไม้ตื้นๆ ของชาวเหมียวเจียงทำอะไรไม่ได้หรอก”
เมื่อพูดถึงการสะกดจิตกับการควบคุมจิตใจ ไม่มีใครในดินแดนเหมียวเจียงจะเทียบชั้นกับหลงเย่ได้
ตราบใดที่อีกฝ่ายกล้าเคลื่อนไหวจนตกมาอยู่ในเงื้อมมือของนาง ความลับทั้งหมดก็จะถูกเปิดเผย
หลังจากส่งหลงเย่กับเสวียนจีออกไปแล้ว อวิ๋นหลิงก็รู้สึกเป็นอิสระ จึงวางแผนจะไปดูการฝึกทหารที่สำนักศึกษา
สิบวันผ่านพ้นไปนับตั้งแต่เปิดเรียน การฝึกทหารของสำนักศึกษาชิงอี้ก็ใกล้จะสิ้นสุดแล้ว
สองสามีภรรยาขึ้นรถม้าแล้วนั่งโขยกเขยกกันไปตลอดทางจากเมืองหลวงจนถึงชานเมือง
อวิ๋นหลิงมองประเมินสภาพถนนแล้วถอนใจ “ขั้นต่อไปต้องซ่อมแซมถนนหลวงก่อน ไว้ปรับถนนหลวงเรียบแล้ว ไม่เพียงจักรยาน แต่รถสามล้อก็วิ่งได้ด้วย”
ถ้าสร้างจักรยานได้ก็สร้างรถสามล้อได้ แค่เพิ่มอีกล้อหนึ่งเข้าไปก็จะบรรทุกได้ทั้งคนและสิ่งของ
เซียวปี้เฉิงพยักหน้าเห็นด้วย “อันที่จริง ถ้าเปลี่ยนเป็นรถไม้ได้ พวกมูลวัวมูลม้าบนถนนก็จะน้อยลงมาก”
ไม่รู้ว่าพวกเขาเห็นมูลไปกี่กองแล้วตามทางที่ผ่านมา แถวชานเมืองไม่มีคนทำความสะอาดถนน ก็ได้แต่รอสวรรค์ให้โปรยปรายสายพิรุณลงมาชะล้างพวกมันออกไป
ทั้งคู่พูดคุยกันสักพัก จู่ๆ อวิ๋นหลิงก็ถูกโรงเตี๊ยมที่อยู่ห่างไกลดึงดูดสายตาไว้
นางค่อนข้างคุ้นเคยกับโรงเตี๊ยมแห่งนั้น ตอนถูกลักพาตัวไปยังหมู่บ้านน้ำพุร้อน นางได้พบกับพี่น้องสกุลฟงแคว้นเป่ยฉินที่นี่โดยบังเอิญ
โรงเตี๊ยมแห่งนี้สร้างขึ้นติดกับถนนหลวงในเขตชานเมือง ยามปกติกิจการจะดีมาก นอกจากนักเดินทางที่มาพักโรงเตี๊ยมแล้ว ก็จะมีลูกค้าจรที่มาหยุดแวะพักให้อาหารม้าเป็นประจำด้วย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...