พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 60

สรุปบท ตอนที่ 60 แอบหนีออกจากจวน: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ

ตอน ตอนที่ 60 แอบหนีออกจากจวน จาก พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 60 แอบหนีออกจากจวน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนติกโบราณ พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ ที่เขียนโดย Anchali เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

อากาศร้อนอบอ้าว ช่วงนี้อวิ๋นหลิงอุดอู้อยู่แต่ในเรือนหลันชิง ไม่ได้ย่างกรายไปไหนเลย

นางทิ้งช่วงห่างหลักจากที่รักษาปานพิษบนหน้าได้สักพักแล้ว ตอนนี้สามารถรักษาขั้นตอนสุดท้ายได้แล้ว

นางใช้เวลาในการทายาและฝังเข็มให้ตัวเองไม่นาน ผ่านไปเพียงชั่วครู่เดียว ปานแดงก็อันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ตงชิงมองใบหน้าอันขาวผุดผ่องของอวิ๋นหลิงอย่างไม่ละสายตา “พระชายา ปานที่หน้าท่านหายไปหมดแล้วเพคะ”

ถึงแม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็นใบหน้าอันแท้จริงของอวิ๋นหลิง แต่ตงชิงก็ยังคงไม่อาจละสายตาได้อยู่ดี

อวิ๋นหลิงจับแก้มตัวเอง ยามนี้พิษในร่างกายนางถูกขัดออกมาหมดแล้ว

นางใช้เวลาหลายวันหลายคืนจึงจะทำเรื่องนี้สำเร็จ เวลาเดียวกันอวิ๋นหลิงก็ถือโอกาสปรุงยาแก้พิษควันของเผ่าทูเจวียออกมาด้วย เซียวปี้เฉิงรีบส่งสานส์ลับไปแจ้งจักรพรรดิจ้าวเหรินทันที

“เจ้าสร้างคุณูปการครั้งใหญ่อีกครั้ง คาดว่าเสด็จพ่อคงหายโกรธแล้ว ไม่ถือสาเรื่องดาวตกกับเจ้าแล้ว”

อวิ๋นหลิงพูดอย่างมั่นใจว่า “หากฝ่าบาทเอาผิดขึ้นมา ข้าก็จะบอกว่าเป็นความคิดของท่าน”

เซียวปี้เฉิงส่ายหน้า ชินกับความหน้าด้านของอวิ๋นหลิงแล้ว “วันนี้เจ้าอยู่ในเรือนซู่สือนานเพียงนี้ ยังมีเรื่องสำคัญอื่นหรือไม่?”

“ข้าจะมาบอกท่านว่าช่วงนี้ข้าจะออกจากจวน”

ทันทีที่ได้ยิน เซียวปี้เฉิงก็เลิกคิ้วคัดค้านทันที “เจ้าจะไปทำธุระอันใด บอกข้ามาได้เลย ข้าจะสั่งให้เฉียวเย่ไปทำ”

“ไม่ต้องรบกวนผู้อื่นหรอก ข้าอุดอู้อยู่ในจวนจิ้งอ๋องเดือนกว่าแล้ว อยากออกไปเดินเล่นบ้าง”

เซียวปี้เฉิงขมวดคิ้วแน่นขึ้นกว่าเดิม “เหลวไหล เจ้าไม่รู้จริงๆหรือว่ามีคนจ้องทำร้ายเจ้าเยอะเพียงใด?”

บัดนี้มองผิวเผินอาจคิดว่าจวนจิ้งอ๋องสงบสุข แต่ความจริงแล้วเหล่าองครักษ์เงาไม่เคยชะล่าใจแม้เพียงเสี้ยววินาที

อวิ๋นหลิงทำหน้าเศร้า “ข้ารู้ แต่คงให้ข้าอยู่แต่ในจวนเพราะสาเหตุนี้ไม่ได้กระมัง? หรือท่านคิดว่าข้าต้องคลอดบุตรท่านก่อนแล้วถึงจะออกไปได้?”

“ข้าคิดแบบนี้จริง”

เมื่อเห็นเขาพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่มีท่าทีของการหยอกเล่น ใบหน้าอวิ๋นหลิงก็กระตุก

“ไม่ออกจากจวนจิ้งอ๋องสิบเดือน ท่านคิดจะให้ข้าตรอใจตายหรือไร?”

เรื่องนี้เซียวปี้เฉิงไม่มีทางยอมแน่ “ด้านนอกอันตราย เจ้าอย่าดื้อสิ”

อวิ๋นหลิงพูดอย่างไม่ตายใจ “ไอ้คนตาบอด ท่านอย่าดูถูกข้าสิ ข้าปกป้องตัวเองได้ คนอื่นคิดจะทำร้ายข้าก็ต้องประเมินความสามารถของตัวเองก่อน”

นางไม่ใช่คนโง่เขลาเบาปัญญา ฮองเฮากับตระกูลเฟิงจ้องจะจำกัดนางทุกเมื่อ ไม่มีทางอยู่เฉยๆแน่

หลังกลับจากพระราชวังครั้งล่าสุด อวิ๋นหลิงก็ไม่เคยหยุดวางแผนและทำเรื่องรับมือเลย

นางเตรียมแผนรับมือเสร็จแล้วจึงได้มาขอออกจากจวน

ทว่าเซียวปี้เฉิงกลับเหมือนศิลาที่ไม่คิดจะใจอ่อนเลยสักนิด “หากเจ้าเบื่อ ข้าเล่นเป็นเพื่อนเจ้าได้ หรือจะให้จ้างคณะงิ้วมาแสดงให้เจ้าดูในจวนก็ได้ สรุปแล้วเจ้าห้ามออกจากจวนจิ้งอ๋องแม้แต่ก้าวเดียว”

ต่อให้อวิ๋นหลิงวิชามาร แต่ก็เป็นคน เซียวปี้เฉิงไม่อนุญาตให้นางล้อเล่นกับชีวิตตัวเองเด็ดขาด

เขาให้ทหารเฝ้าอย่างเข้มงวด ไม่อนุญาตให้อวิ๋นหลิงออกจากจวนจิ้งอ๋อง ทั้งยังกำชับให้เย่เจ๋อเฟิงเฝ้าจับตานางทุกฝีก้าวอีกด้วย

อวิ๋นหลิงกลับเรือนหลันชิงด้วยใบหน้าบึ้งตึง ปิดประตูเสียงดัง ให้เย่เจ๋อเฟิงที่ทำหน้านิ่งอยู่ด้านนอก

“ไอ้คนตาบอด เดี๋ยวข้าจะเอาเข็มไปทิ่มเพื่อระบายอารมณ์แน่”

อวิ๋นหลิงย่อมไม่ล้มเลิกความคิดที่จะออกนอกจวน ในเมื่อเดินออกไปทางประตูใหญ่ไม่ได้ เช่นนั้นก็ออกทางประตูหลังจวนก็ได้

นางเรียกตงชิงมา จากนั้นก็สวมเสื้อผ้าคนสามัญชนและจัดทรงเรียบง่าย

ตงชิงกลืนน้ำลาย “พระ...พระชายา...ท่านจะไปเดินตลาดด้วยสภาพนี้จริงๆหรือเพคะ?”

“แน่นอน” อวิ๋นหลิงแย้มยิ้มด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ถ้าข้าอยากออกไป ใครก็ขวางข้าไม่ได้”

ตงชิงทำเรื่องไม่ดีครั้งแรก สีหน้าจึงเผยความตื่นเต้นและกังวลใจเล็กน้อย “อ๋อง...คุณหนู ท่านอ๋องเป็นห่วงความปลอดภัยของท่าน แต่พวกเรากลับหนีออกมาแบบนี้จะดีหรือเจ้าคะ?”

อวิ๋นหลิงจับแขนเสื้ออย่างไม่ใส่ใจ ก้นบึ้งนัยน์ตาเผยความเย็นเยียบ ยิ้มกล่าวว่า “เจ้าวางใจได้ หากผู้ใดไม่เจียมตัวคิดจะมาทำร้ายข้า ข้าก็จะทำให้พวกเขาตายโดยไม่รู้สาเหตุ”

นางช่ำชองยาพิษกว่าวิชาแพทย์เสียอีก

นับจากวันที่นางทะลุมิติมา เป็นครั้งแรกที่อวิ๋นหลิงได้สัมผัสวิถีชีวิตการใช้จ่ายในตลาดของแคว้นต้าโจว

รูปลักษณ์นางไม่ธรรมดา แม้จะสวมชุดคนสามัญชนก็ไม่อาจบดบังความงามของใบหน้านี้ได้ ผู้คนได้ยลโฉมนางแล้วต่างก็เผยแววตาตกตะลึงทั้งสิ้น

เมื่ออวิ๋นหลิงเดินผ่านช่วงคนแออัดมาได้ก็ชะงักฝีเท้า หรี่ตามองคนที่อยู่ไกลออกไป

ตงชิงมองตามนางแล้วก็อุทานเสียงเบา “คุณหนูรองบริจาคข้าวต้มอยู่หรือนี่”

เวลามีเทศกาลอะไร ผู้มีอำนาจและตระกูลสูงศักดิ์จะแจกจ่ายอาหารให้ราษฎร ถือเป็นการสร้างชื่อเสียงวิธีหนึ่ง

ยามนี้ใกล้ถึงเทศกาลไหว้บะจ่างแล้ว ดังนั้นจึงมีคนออกมาบริจาคข้าวต้มข้างถนน หรือบางคนก็จะนำขนมอ้ายเย่มาแจก และฉู่อวิ๋นหานก็เป็นหนึ่งในนั้น

ประชาชนที่เคยเจอนางบ่อยครั้งกล่าวว่า “คุณหนูรองฉู่ ไยช่วงนี้ถึงมาแจกข้าวต้มทุกวันเลยเจ้าคะ?”

ฉู่อวิ๋นหานยิ้มอย่างอ่อนโยน “พี่สาวข้าท้อง ช่วงก่อนหกล้มนิดหน่อย ข้าจึงอยากทำทานเพื่อขอให้พระคุ้มครองลูกในท้องนาง”

ได้ยินดังนั้นประชาชนรอบข้างก็ชมไม่หยุดปาก

“แม่นางรองฉู่ช่างมีจิตใจที่ดีงามเหลือเกิน คุณหนูใหญ่ฉู่ตัดโอกาสแต่งงานของท่านแล้ว ท่านยังหวังดีกับนางเพียงนี้อีก”

ใช่แล้ว ไม่มีผู้ใดไม่รู้ว่าเดิมทีฉู่อวิ๋นหานกับจิ้งอ๋องควรครองคู่กันบ้าง?

เมื่อตงชิงได้ยินคนวิพากษ์วิจารณ์ก็โมโหจนเลือดขึ้นหน้า

“จะบริจาคก็บริจาคไปสิ ไยต้องพูดถึงพระชายาด้วย นางจงใจพูดนี่นา”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ