กู้ฮั่นม่อเดินเข้าไปหนึ่งก้าว เสียงไพเราะดังก้องเหมือนหยกบรรจบกัน “หลันสวินชมเกินจริงแล้ว ข้าเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง เทียบกับทหารที่แบกของได้หลายกิโลและสามารถบุกป่าฝ่าดงได้หรอก ข้าแค่ชินกับการฝึกร่างกายยามเช้าตั้งแต่วัยเด็ก จึงสามารถปรับตัวได้”
“พี่ชายข้าก็ออกกำลังกายยามเช้าทุกวัน แต่ไม่เห็นเก่งเท่าเจ้าเลย หรือว่าเมื่อก่อนเจ้าเตรียมเข้าสำนักยุทธ์?”
สายตานองหลิ่ว กู้ฮั่นม่อเหมือนคนเริ่มฝึกยุทธ์แล้ว คงมีเพียงผู้ที่ต้องการเป็นจอมยุทธ์เท่านั้นถึงจะฝึกฝนร่างกายอย่างหนัก
กู้ฮั่นม่อยิ้มเอ่ยอย่างมีจังหวะ “ข้าไม่ได้เตรียมเข้าสำนักยุทธ์หรอก แต่บัณฑิตก็ต้องมีสุขภาพที่แข็งแรง หาไม่แล้วจะทนกับความหมั่นศึกษาตำรานับสิบปีได้เยี่ยงไร?”
“หลันสวินคงไม่ทราบ บ้านเกิดข้าอยู่ไกลถึงหลินอัน หากต้องการเข้าสอบที่เมืองหลวง จำเป็นต้องเดินเท้าข้ามภูเขาหนึ่งเดือนจึงจะถึงเมืองหลวง หากไม่สบายกลางทาง ไม่เท่ากับวิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมาอย่างลำบากสูญเปล่าหรือ?”
“บิดาข้าด่วนจากไปเร็วมาก มารดาต้องเลี้ยงข้าด้วยความยากเย็น หากข้าป่วย ไม่เพียงแต่อนาคตดับสูญ ทางบ้านก็จะยิ่งจนเพราะรักษาอาการของข้า”
นับจากวันที่กู้ฮั่นม่อรู้ความ เขาก็ตระหนักได้ว่าคนจนไม่มีสิทธิ์ป่วย
ทุกครั้งที่มีการล้มป่วย จากฐานะที่ขัดสนอยู่แล้วก็ยิ่งเป็นหนักมากขึ้น เพื่อครอบครัวแล้วเขาต้องมีร่างกายอันแข็งแรงเป็นอันดับแรก
น้องหลิ่วมองกู้ฮั่นม่อด้วยความอึ้ง เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าผู้ที่ฝึกยุทธ์ด้วยความลำบาก ไม่ได้ต้องการเป็นทหาร แค่ไม่อยากให้ตัวเองป่วยเท่านั้น
พี่หลิ่วแทรกพูดเพื่อนพร่ำสอนน้องชายอย่างถูกจังหวะ “ปกติเจ้าไม่ค่อยสนใจเรื่องคนอื่น จึงไม่รู้ว่าทุกครั้งที่สอบจอหงวน มีบัณฑิตมากมายป่วยเพราะอากาศอันหนาวเหน็บ กระทบต่อผลสอบแล้วหากโชคร้ายก็ต้องรอสอบใหม่อีกสามปี”
น้องชายฝาแฝดของเขาดีไปหมดทุกอย่าง ยกเว้นเป็นคนอ่อนแอไม่ต่างจากดรุณีน้อย
ไม่ต้องเดินทางไกลเพื่อเข้าสอบจอหงวนในเมืองหลวงหรอก ลำพังเข้าสอบติดต่อกันสามวัน ร่างกายเขาก็คงรับไม่ไหวแล้ว
กู้ฮั่นม่อคลี่ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ไม่ใช่ต้องรอแค่สามปีเท่านั้น ระหว่างเดินทางมายังเมืองหลวงก็มีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา คนที่โชคร้ายเจอโจรกลางทางก็ต้องจบชีวิตลง บางคนก็เป็นหวัดระหว่างทางแล้วไม่รักษาจนเสียชีวิตในเวลาต่อมา บางคนก็เจอภูเขาหิมะถล่มจนร่างโดนฝังกลบต่างแดน...”
น้องหลิ่วใบ้กินทันควัน เขาไม่คิดว่าการสอบจอหงวนที่แสนจะธรรมดา สำหรับใครบางคนแล้วจะเป็นการเอาชีวิตเข้ามาเสี่ยง
กู้ฮั่นม่อมองอวิ๋นหลิงแล้วพูดเนิบๆ “ผู้ที่เข้าสอบสำนักศึกษาชิงอี้ก็ล้วนหวังว่าวันหนึ่งตัวเองจะได้ดิบได้ดี อยากทำงานรับใช้ราชสำนัก ถ้าเหมือนขุนนางบุ๋นของแคว้นถังใต้ เสียชีวิตระหว่างทางไปปฏิบัติหน้าที่ต่างแคว้น แบบนั้นอนาคตจะทำงานรับใช้ฝ่าบาทได้เยี่ยงไร คาดว่านี้คงเป็นเจตนาของพระชายารัชทายาทที่จัดวิชาฝึกร่างกายให้พวกเรากระมัง”
อวิ๋นหลิงได้ยินประโยคนี้ แววตาพลันเผยความชื่นชมและปลื้มใจ นางมองคนไม่ผิดจริงๆ
ไม่ต้องพูดมาก กู้ฮั่นม่อย่อมรู้ว่านางต้องการให้เขาทำสิ่งใด นางแค่ต้องการให้เขาช่วยนางสอนหลิ่วหลันสวินนั่นเอง
สองพี่น้องตระกูลหลิ่วเพิ่งอายุครบสิบหกหนาว น้องชายมีพรสวรรค์เหนือคน และเป็นคนซื่อตรง ทว่าความสามารถในการดำรงชีวิตประจำวันแย่จนรับไม่ได้เท่านั้นเอง
มิน่าล่ะอาลักษณ์กรมอาญาถึงเกลัวว่าเด็กคนนี้จะกลายเป็นรุ่ยอ๋องคนที่สอง
น้องหลิ่วก็เข้าใจวัตถุประสงค์ของสำนักศึกษาชิงอี้แล้ว ผ่านไปเนิ่นนานจึงคำนับอวิ๋นหลิง
“พระชายารัชทายาท หลันสวินเข้าใจแล้ว ต่อไปจะไม่ขี้เกียจอีกพ่ะย่ะค่ะ”
“เด็กดี”
อวิ๋นหลิงอยากลูบหัวชายหนุ่ม ทว่าเมื่อเห็นเส้นผมมันเยิ้มที่ไม่ได้สระผมมาหลายวันก็เปลี่ยนไปตบไหล่เขาแทน
น้องหลิ่วก็สังเกตเห็นท่าทีนี้ด้วย จึงอดหน้าแดงไม่ได้ รีบจับเส้นผมยุ่งเหยิงของตัวเอง
ในสำนักศึกษาไม่มีสาวใช้คอยปรนนิบัติ ช่วงนี้เขาเพิ่งฝึกหวีผมเป็น เมื่อเทียบกับความสง่างามของกู้ฮั่นม่อแล้ว สภาพของเขาในตอนนี้เรียกว่าดูไม่ได้เลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...