หลังจัดการเรื่องสภานักเรียนเสร็จ อวิ๋นหลิงกับสามีก็ไปตรวจดูฝ่ายสตรีบ้าง
ถึงแม้สตรียี่สิบกว่าคนในสำนักศึกษาชิงอี้เป็นหัวแก้วหัวแหวน ทว่าอวิ๋นหลิงก็จับมาฝึกร่างกายหมด
และต้องทำตามมาตรการเดียวกันทั้งหมด เรียกว่าได้ช่วงนี้เหล่าคุณหนูจากจวนต่างๆลำบากลำบนไม่น้อย
ช่วงเวลาพัก พวกสตรีก็จะนั่งนวดขาที่บันได ไม่เหมือนบุรุษที่กระจัดกระจายกันอยู่ พวกนางมักจะชอบรวมตัวกันแล้วคุยสัพเพเหระ
อวิ๋นหลิงทอดสายตามองไปก็เห็นหลี่เมิงซูเลย อีกฝ่ายกำลังนั่งกับเพื่อนร่วมหออีกสองคน
นางไม่ได้เดินเข้าไปหาทันที ยืนสังเกตพวกนางกับเซียวปี้เฉิงอยู่ห่าง ๆ แม้จะอยู่ห่างกันแปดเมตร ทว่าก็ยังคงได้ยินบทสนทนา
“รีบลุกขึ้น รีบลุกขึ้นเร็ว”
ดรุณียืนตัวตรง ท่าทางองอาจเร่งรัดให้พวกหลี่เมิงซูลุกขึ้นยืน
“เพิ่งวิ่งเสร็จจะนั่งทันทีไม่ได้ ร่างกายยังปรับตัวไม่ทัน เดี๋ยวล้มหมดสติได้ พวกทหารบอกว่าเป็นพระกระแสรับสั่งของพระชายารัชทายาท”
อวิ๋นหลิงได้ยินก็นึกถึงคู่มือฝึกซ้อมที่เคยให้เซียวปี้เฉิง ในเนื้อหาเคยกล่าวถึงด้านนี้จริง
เซียวปี้เฉิงกวาดสายตามอง “นั่นคือคุณหนูใหญ่แห่งสกุลหรง นามว่าหรงรั่ว เป็นญาติผู้น้อยของหรงจั้น โดนเอาใจตั้งแต่เด็กเช่นกัน แต่อุปนิสัยจะเหมือนบุรุษ ถ้าใช้ภาษายุคของเจ้าก็คือแม่นางผู้นี้เป็นแฟนคลับเจ้า”
ตอนที่ไกล่เกลี่ยงานราชการ หรงจั้นเคยเล่าให้เขาฟังเป็นการส่วนตัวว่า นางชอบอ่านนวนิยายแนวแม่ทัพสาวกับอัครเสนาบดีหญิงตั้งแต่เล็กยันโต จึงฝันอยากสร้างคุณูปการครั้งใหญ่
ได้ยินว่าก่อนหน้านี้เคยโวยวายจะไปเป็นทหาร ทว่าสกุลหรงไม่ยอม เมื่อรู้ว่าอวิ๋นหลิงก่อตั้งสำนักศึกษาชิงอี้ จึงได้สมัครดั่งใจหมาย
อวิ๋นหลิงมองบริเวณที่ไกลออกไปแล้วแย้มยิ้ม “แม่นางผู้นี้สมกับเป็นลูกหลานตระกูลหรงจริงๆ รูปโฉมดีเลิศ หน้าตาคล้ายหรงจั้นมาก คาดว่าฉายาดาวโรงเรียนต้องตกเป็นของนางแน่”
นางย้อนคิดดูแล้วคนตระกูลหรงที่นางรู้จัก เหมือนจะไม่มีใครขี้เหร่เลย แม้แต่เจิ้นกั๋วกงที่อายุมากแล้วยังโดดเด่นในคนวัยเดียวกันเลย
ตระกูลหรงอาจมีอำนาจไม่เท่าตระกูลเฟิงกับตระกูลหลี่ ทว่าด้านรูปลักษณ์นั้นยากจะหาใดเปรียบ
อวิ๋นหลิงสังเกตดูแล้วพบว่าหลี่เมิงซูกับหรงรั่วรู้จักกันมานานแล้ว เพราะระหว่างพวกนางสองคนคุยกัน แววตาเป็นธรรมชาติและสนิทสนมยิ่ง
“แม่นางผู้นี้ก็น่าจะอยู่ในวัยเดียวกันกับเมิ่งซู อยู่ในวัยแต่งออกเรือนได้แล้ว แล้วทำไมตระกูลหรงถึงยอมให้มาเรียนที่สำนักศึกษาชิงอี้ล่ะ?”
เซียวปี้เฉิงยิ้มเอ่ย “กำหนดเรื่องแต่งงานของนางไว้แล้ว คือคุณชายแห่งอาลักษณ์กรมโยธา พวกเขาโตมาด้วยกัน แล้วอีกฝ่ายก็เป็นบัณฑิตของสำนักศึกษาเราด้วย ตระกูลหรงจึงยอมให้นางมา”
จากการบอกเล่าของหรงจั้น ญาติผู้น้องของเขาหมั้นหมายกับอีกฝ่ายตั้งแต่เด็ก ทว่าสองปีมานี้ทั้งสองกันเหม็นขี้หน้ากันโดยไม่ทราบสาเหตุ พูดหัวชนฝาว่าจะไม่แต่งงานกัน ซ้ำร้ายยังไม่ยอมไปมาหาสู่กันด้วย
คนตระกูลหรงร้อนรนใจ หวังว่าหากสอบเข้าสำนักศึกษาชิงอี้แล้วจะกู้ความสัมพันธ์ของพวกเขากลับมาได้
บริเวณที่ไกลออกไป ดรุณีน้อยหลี่เมิงซูยอมลุกขึ้นอย่างเหลืออดจากการลากดึงของมิตรสหาย
ดรุณีน้อยหน้ากลมมนอีกคนกลับดึงไม่ขึ้น พูดอย่างอ่อนเพลีย
“ข้าไม่รู้หรอกว่าร่างกายปรับตัวทันหรือไม่ ข้ารู้เพียงว่าหากไม่กินข้าวเที่ยงข้าก็จะไม่ไหวแล้ว...”
อวิ๋นหลิงเคยดูข้อมูลเรือนพักของหลี่เมิงซูแล้ว โดยพักด้วยกันทั้งหมดสี่คน แม่นางสามคนที่เหลือล้วนมีชาติกำเนิดต่างกัน
ชาติตระกูลที่สูงศักดิ์สุดก็คือหรงรั่ว ส่วนชาติตระกูลที่ต่ำต้อยสุดคือดรุณีน้อยที่ชื่อว่า เมิ่งฝูเอ๋อร์
อีกฝ่ายเป็นปุถุชนสามัญ ท่านปู่เป็นอาจารย์ ดังนั้นถึงแม้ฐานะจะกระจอกงอกง่อย ยากจน ทว่าก็สามารถสอบเข้าสำนักศึกษาชิงอี้
ในคำถามข้อที่ว่า ‘เหตุใดเจ้าถึงมาสอบเข้าสำนักศึกษาชิงอี้?’ เมิ่งฝูเอ๋อร์ตอบว่าเพราะตัวเองกินจุ ทางบ้านเลี้ยงไม่ไหวแล้วได้ยินว่าสำนักศึกษาชิงอี้มีข้าวปลาอาหารให้กินโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย นางจึงมาสมัครสอบ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...