พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 610

พระเจ้าหลวงโบกมือ “ข้าเคยพูดตั้งแต่แรกแล้วว่า จะไม่ก้าวก่ายกับเรื่องของราชสำนักอีก ยิ่งไปกว่านั้นหรงเอ๋อร์มีทั้งพี่และพ่ออยู่ เรื่องการแต่งงานของนางคงไม่ต้องให้คนแก่อย่างข้าต้องกังวลใจ”

เมื่อหวนนึกถึงพระเจ้าหลวงที่ไม่เคยเข้ามาก้าวก่ายกับเรื่องการแต่งงานของหลานเลย จักรพรรดิจาวเหรินก็รู้สึกคลายใจลงบ้าง

“ย่อมไม่สามารถเลือกคนที่แย่มาก อย่าน้อยรูปร่างหน้าตาต้องดี ลูกคิดว่าจะให้หรงเอ๋อร์ไปอยู่ที่สำนักศึกษาสักสองปี เมื่อถึงเวลาก็เลือกคนที่เหมาะสมจากสิบอันดับแรก แน่นอนว่าต้องเอาความคิดของหรงเอ๋อร์มาเป็นที่หนึ่ง”

พระเจ้าหลวงพยักหน้า พูดยิ้มๆว่า “สองสามีภรรยาเจ้าสามเป็นถึงพี่ชายพี่สะใภ้ จะออกแรงสักหน่อยเพื่อการแต่งงานของน้องสาวก็เป็นเรื่องปกติ แต่พอเจ้าเอ่ยปากก็จะเอาคนที่โดดเด่นยอดเยี่ยม ก็ไม่แปลกที่พวกเขาสองคนจะไม่เต็มใจ ตามความเห็นข้า ไม่สู้เจ้าทำลายแบบอย่างที่เคยมี อนุญาตให้ราชบุตรเขยเข้ารับตำแหน่งในราชสำนักซะเลย เช่นนี้ไม่น่ายินดีกว่าหรือ”

ถ้าเปลี่ยนเป็นอวิ๋นหลิง นางคงจะยินดีที่จะทำลายแบบอย่างเก่าๆมาก แก้ไขปัญหาทั้งสองฝ่ายตั้งแต่ต้นตอ

แต่จักรพรรดิจาวเหรินกลับไม่ยอมทำ เขาส่ายหน้า เอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า “จะทำเช่นนี้ได้อย่างไร นั่นเป็นกฎที่ถูกกำหนดขึ้นไว้ตั้งแต่โบราณ จะให้ทำลายกฎได้อย่างไร”

ในประวัติศาสตร์ของแผ่นดินทั้งเก้าแคว้น เคยเกิดเรื่องที่ราชบุตรเขยเกิดมีใจอยากจะก้าวก่ายเรื่องการบริหารของราชสำนักอยู่หลายครั้ง นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงราชวงศ์

ถ้าหากเขาเปิดช่องตรงนี้ คำวิพากษ์วิจารณ์ของคนในใต้หล้าอาจทับถมเขาจนตายก็เป็นได้

พระเจ้าหลวงเก็บรอยยิ้ม เอ่ยเสียงขรึมว่า “แล้วเจ้าเคยคิดหรือไม่ หลังจากที่เลือกราชบุตรเขยแล้ว จะมอบหมายกับเหล่าอาจารย์ในสำนักศึกษาอย่างไร พวกเขาฝากความหวังอันใหญ่หลวงไว้กับคนหนุ่มพวกนี้ ไม่รับแม้กระทั่งของขวัญแรกพบจากลูกศิษย์ อีกทั้งยังมาที่สำนักศึกษาด้วยความเต็มใจ ถึงเวลานั้นพวกเขาจะคิดอย่างไร”

“ข้าขอเตือนเจ้าด้วยความหวังดี นิสัยของเจ้าพวกหัวโบราณพวกนั้น เหมือนกับพระอาจารย์ของฮ่องเต้คนก่อนไม่มีผิด”

จักรพรรดิจาวเหรินชะงักไปครู่หนึ่ง ท่านตาของอวิ๋นหลิงเป็นอาจารย์ผู้มีพระคุณที่ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้เขา

อาจารย์แทบทั้งหมดที่อยู่ในสำนักศึกษาชิงอี้ล้วนไปเพราะชื่อเสียงของพระอาจารย์ของฮ่องเต้คนก่อนและเหวินกั๋วกง ถ้าไม่ใช่เพื่อนร่วมชั้นก็เป็นลูกศิษย์ ความดื้อรั้นของพวกคงแก่เรียนนั้นน่ากลัวมาก

แต่จักรพรรดิจาวเหรินนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอีกว่า “ถึงตอนนั้นข้าจะคิดหาวิธีเอง”

“เจ้าจะคิดหาวิธีการอะไรได้ ให้สองสามีภรรยาเจ้าสามรับผลที่จะตามมาภายหลังทั้งหมดคือวิธีการของเจ้าใช่ไหม” พระเจ้าหลวงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะเย้ย ค่อยๆถอนหายใจและเอ่ยว่า “ล้วนเป็นลูกชาย เจ้าลำเอียงขนาดนี้แม้แต่ข้ายังทนดูไม่ได้เลย”

สีหน้าของจักรพรรดิจาวเหรินเปลี่ยนไปเล็กน้อย เอ่ยเสียงขรึมว่า “ลูกเข้าใจแล้ว แม้ว่าพระองค์จะไม่เข้ามาก้าวก่ายเรื่องในราชสำนัก แต่ก็ยังคงไม่พอใจอยู่ดี ลูกยอมรับว่าลำเอียงอยู่บ้าง แต่พวกเจ้าใหญ่กับเจ้าสามตอนนี้แตกต่างราวฟ้ากับดิน คนที่เป็นพ่อแม่ จะลำเอียงเพื่อช่วยคนที่อ่อนแอกว่าย่อมถูกต้องตามหลักครรลองคลองธรรม”

“คนหนึ่งที่กำลังจะอดตาย กับอีกคนที่กินดีทุกมื้อ ข้ายังต้องให้ความสำคัญกับคำว่ายุติธรรม แบ่งหมั่นโถวในมือให้เท่าๆกันอีกหรือ”

พระเจ้าหลวงเอ่ยอย่างไม่รีบร้อนว่า “เจ้าพูดถูกต้อง ทำเช่นนี้ถูกต้องแล้ว แต่เมื่อก่อนตอนที่เจ้าสามไม่มีคนสนใจดูแล ทำไมจึงไม่เห็นเจ้าลำเอียงช่วยเหลือบ้างเล่า”

จักรพรรดิจาวเหรินสะอึกไปครู่หนึ่ง “แต่เจ้าสามก็ได้ทุกอย่างไปแล้ว ภายหน้าแผ่นดินต้าโจวล้วนเป็นของเขา หรือว่ายังไม่พอ”

พระเจ้าหลวงทำเสียงเย็นขึ้นจมูก “ถ้าหากรุ่ยอ๋องมีความสามารถได้ครึ่งหนึ่งของเสียนอ๋อง เจ้าก็คงไม่มอบตำแหน่งรัชทายาทให้เจ้าสามง่ายๆเช่นนี้”

“ตอนนี้เจ้าสามมีทุกอย่าง ที่ติดค้างแต่เก่าก่อนก็ชดเชยจนหมดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเขาเหยียบเจ้าใหญ่ขึ้นมาในตำแหน่งนี้” จักรพรรดิจาวเหรินรู้ว่าตนเองขาดเหตุผล จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “เจ้าใหญ่กับหรงเอ๋อร์เห็นแม่ตัวเองตายต่อหน้าต่อตา เป็นการทำร้ายจิตใจพวกเขามากแค่ไหน ตอนนี้ยังถูกมองด้วยสายตาเย็นชา ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ข้าไม่ช่วยพวกเขาวางแผน แล้วใครจะทำ”

พระเจ้าหลวงมองซ้ายขวาครู่หนึ่ง ถ้าไม่ใช่เพราะไม้เท้าไม่ได้อยู่ข้างๆ คงจะฟาดเขาไปแล้วจริงๆ

“เจ้าสามเหยียบเจ้าใหญ่ขึ้นมาในตำแหน่งอย่างนั้นหรือ คำพูดเช่นนี้เจ้ายังพูดออกมาได้ ถ้าไม่ใช่เพราะเสี่ยวเฟิงรนหาที่ตาย สองพี่น้องจะตกอยู่ในสภาพเช่นนี้หรือ เจ้าไม่ซาบซึ้งที่สองสามีภรรยาเจ้าสามช่วยฉุดรั้งพวกเขาเอาไว้ในยามคับขันก็แล้วไปเถอะ ยังโทษพวกเขาอีก ข้าว่าเจ้าเลอะเลือนกว่าข้าแล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ