จักรพรรดิจาวเหรินจ้องมองพระเจ้าหลวงอย่างตกตะลึง ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ยังพูดไม่ออก ขอบตาแดงก่ำ
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้วจะไม่เข้าใจได้อย่างไร คำพูดทั้งหมดที่อีกฝ่ายพูดออกมา ล้วนเป็นการทำอย่างเจตนา เพื่อลงโทษเขา
นำคำพูดที่เขาเคยพูดกับเจ้าสาม ย้อนคืนมาให้เขาทั้งหมด
หลังจากที่พระเจ้าหลวงปะทุอารมณ์เสร็จสิ้น ก็ค่อยๆใจสงบลง ไม่มองจักรพรรดิจาวเหรินอีก
เขายกมือขึ้นส่งแขก “เอาล่ะเจ้าไปเถอะ ในเมื่อข้าไม่ก้าวก่าย เจ้าก็อย่าเอาเรื่องพวกนี้มากวนใจข้า”
จักรพรรดิจาวเหรินรู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาชั่วขณะ แม้ว่าพระเจ้าหลวงจะไม่คิดว่าเขานั้นเป็นคนจิตใจคับแคบจริงๆ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกผ่อนคลายลงเลยสักนิด
เขายินดีที่อีกฝ่ายจะตำหนิตนอย่างรุนแรง แต่ไม่อยากเห็นสายตาคู่นั้นที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
ฝูกงกงก็ไม่กล้าอยู่ต่อ รีบเข้าไปประคองจักรพรรดิจาวเหรินที่ร่างโซเซแทบจะล้มลงกับพื้น
“พระเจ้าหลวงยังไม่ได้เสวยอาหาร ฝ่าบาทกลับตำหนักก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ”
ตอนนี้จักรพรรดิจาวเหรินอารมณ์สับสนวุ่นวายมาก รู้สึกเสียใจปะปนกับความรู้สึกไม่สบายใจและความรู้สึกผิด ถูกประคองออกไปจากตำหนักฉางหนิงด้วยจิตใจที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ระหว่างทางที่กลับพระที่นั่งบำรุงฤทัย ฝูกงกงเอ่ยอย่างรู้สึกผิดว่า “ฝ่าบาท เรื่องเมื่อคืนกระหม่อมเป็นคนบอกพระเจ้าหลวงเองพ่ะย่ะค่ะ ทรงเข้าใจสองสามีภรรยารัชทายาทผิดแล้ว”
ร่างของจักรพรรดิจาวเหรินชะงักไป เมื่อคิดว่าเข้าใจสองสามีภรรยาอวิ๋นหลิงผิดไป จิตใจก็ยิ่งสับสน
เขาเอยพึมพำขึ้นมาว่า “ข้าทำผิดมากมายขนาดนั้นเชียวหรือ ไม่ได้ให้เขาสละตำแหน่งรัชทายาทเสียหน่อย ฝูกงกงก็คิดว่าข้าทำเกินไปหรือ”
ฝูกงกงได้แต่เอ่ยปลอบใจว่า “เมื่อเทียบกับพวกฮ่องเต้ที่ชอบตัดสินใจโดยพลการ สังหารพี่น้องของตนเองแล้ว พระองค์นับว่ามีเมตตามากแล้ว”
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ควรเปรียบเทียบกับคนที่เลวร้ายที่สุดไม่ใช่หรือ
จักรพรรดิจาวเหรินสีหน้าเคร่งขรึมลง รู้ว่าฝูกงกงก็ไม่เห็นด้วยกับเขา
“ถ้าหากพระเจ้าหลวงสามารถปฏิบัติต่อสองพี่น้องเจ้าใหญ่ เหมือนที่ปฏิบัติต่อสองสามีภรรยาเจ้าสามล่ะก็ ข้ายังมีอะไรต้องกังวลอีก ข้ามีลูกชายหกคนลูกสาวสองคน เจ้าสามได้รับการปฏิบัติพิเศษ......”
ฝูกงกงนิ่งเงียบไม่พูด ที่องค์รัชทายาทถูกดูแลเป็นพิเศษ นั่นเป็นเพราะเขาถูกปฏิบัติอย่างเย็นชาก่อน
ในมุมมองของพระเจ้าหลวง ไม่ว่าจะฝ่ามือหรือหลังมือก็เป็นเนื้อเหมือนกัน คนอื่นต่างก็มีแม่คอยปกป้องดูแล มีเพียงองค์รัชทายาทที่โดดเดี่ยวเดียวดาย
กระทั่งต้องถูกยกให้พระสนมหลี่ดูแล เป็นเพียงเครื่องมือปลอบใจที่อีกฝ่ายเสียใจจากการสูญเสียลูกเท่านั้น
พระเจ้าหลวงเคยบอกว่า “ถ้าข้าไม่ยื่นมือช่วย ไม่ต้องรอให้โตจนถึงสิบขวบ เด็กคนนี้โชคดีมีชีวิตรอดได้ก็ไร้ประโยชน์แล้ว”
ถ้าหากเขาไม่ช่วยดูแลสักหน่อย ผู้หญิงอย่างพระสนมหลี่ที่เห็นแก่ผลประโยชน์เช่นนั้น จะดูแลเซียวปี้เฉิงอย่างดีหรือ
“เฮ้อ มาตรฐานในการเลี้ยงลูกของเสี่ยวจิ่ว ยังมีความสามารถไม่เท่าครึ่งหนึ่งของข้าตอนที่เลี้ยงหมูเลย”
เมื่อส่งจักรพรรดิจาวเหรินกลับไปที่พระที่นั่งบำรุงฤทัย เรื่องนี้จึงนับว่าสิ้นสุดลงชั่วคราว
วันนี้เดิมทีเป็นวันหยุด ภายใต้อารมณ์ที่ถูกกระทบกระเทือน เดิมทีได้นัดพบเหล่าขุนนางก็ยกเลิกไปแล้ว
เรื่องนี้แม้ว่าจะไม่มีใครพูดอะไรออกไป แต่ก็ปิดบังคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไม่ได้ รวมไปถึงลิงบางตัวที่”มีความสามารถมาก”
......
อาญาสี่ เรือนชิงซิน
เสวียนจีก้าวเท้าเข้าไปในห้อง โกรธจนหน้างอง้ำ เดินไปถึงตรงหน้ารูปวาดของเทพไท่ซั่งเหล่าจวินอย่างรีบร้อน
“เร็ว ทำนายดวงชะตาให้กับองค์หญิงหกอะไรนั่นที อย่าให้นางเข้าสำนักศึกษาทำลายอนาคตของเด็กหนุ่มดีๆพวกนั้น”
“เกิดอะไรขึ้นทำไมต้องร้อนใจเช่นนี้”
ได้กลิ่นธูปไม้กฤษณาจางๆ ควันธูปรายล้อม เฟิ่งเหมียนที่ทำสมาธิอยู่ค่อยๆลืมตาขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...