พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 62

สรุปบท ตอนที่ 62 เพลิงโทสะของเซียวปี้เฉิง: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ

อ่านสรุป ตอนที่ 62 เพลิงโทสะของเซียวปี้เฉิง จาก พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ โดย Anchali

บทที่ ตอนที่ 62 เพลิงโทสะของเซียวปี้เฉิง คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายโรแมนติกโบราณ พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Anchali อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

อวิ๋นหลิงจับไหล่ของหรงจั้นแล้วดึงคอเสื้อเขาเข้าหากันอย่างเบามือ

“อย่าขยับ ซี่โครงของเจ้าหักแล้ว”

ได้ยินดังนั้นหรงจั้นจึงจะสัมผัสความเจ็บที่ส่งมาทางหน้าอก หน้าผากก็มีเหงื่อซึมออกมา

แม้จะเจ็บปวดเพียงใด เขาก็กัดฟันทน ไม่ส่งเสียงร้องสักคำ ความอดทนนี้ต่างจากใบหน้าอันอ่อนแอของเขาราวฟ้ากับเหวเลย

หรงฉานวิ่งเข้ามาด้วยความซาบซึ้งใจ พูดเสียงสะอื้น “พี่ชาย เมื่อครู่หรงเอ๋อร์ตกใจมากเลย”

“ไม่ต้องร้องแล้ว ข้าไม่เป็นอะไร” ใบหน้าที่ดูดีขึ้นของหรงจั้นปลอบใจน้องสาวเสียงเบา

จากนั้นก็มองอวิ๋นหลิงด้วยดวงตาสุกใส “ข้าน้อยชื่อหรงจั้น ขอบคุณที่แม่นางช่วยชีวิตไว้ ข้ารู้สึกซาบซึ้งใจยิ่ง”

“เรื่องเล็กน้อยไม่ต้องเกรงใจ” อวิ๋นหลิงแย้มยิ้มแล้วถามว่า “ไยอาการท่านถึงกำเริบกะทันหันเยี่ยงนี้?”

“ร่างกายพี่ชายข้าอ่อนแอแต่กำเนิด อันนี้เป็นโรคประจำตัวของเขา” หรงฉานปาดน้ำตา พลางอธิบาย “ปกติพี่ชายกินยาตลอด สองปีมานี้อาการไม่ค่อยกำเริบ ใครจะเป็นรู้ว่าวันนี้จะกำเริบได้”

และบังเอิญเขาไม่ได้พกยามาด้วย ระหว่างทางส่งตัวมายังโรงหมอก็ใช้เวลา จึงส่งผลให้อาการสาหัสถึงขั้นนี้ ทำให้หรงฉานกังวลแทบแย่

“ปกติเวลาไปไหนมาไหนควรพกยาติดตัวด้วย” อวิ๋นหลิงพยักหน้า “ต้องขออภัยด้วย ตอนที่ข้าช่วยท่าน ข้าทำกระดูกซี่โครงของท่านหักแล้ว ช่วงนี้คงต้องนอนพักผ่อนบนเตียงอย่างเดียว ขออภัยด้วยจริงๆ”

หัวใจเขาหยุดเต้นกะทันหัน คิดว่าหัวใจเขาน่าจะมีปัญหา มิน่าล่ะท่าทางจึงเหมือนผู้ป่วยกระเสาะกระแสะ

คนเราไม่อาจคาดเดาเวลาโรคหัวใจกำเริบได้เลย

หรงจั้นได้ยินก็ส่ายหน้าเบาๆ “แม่นางเกรงใจแล้ว ข้าน้อยรู้สึกขอบคุณมากกว่า”

หรงฉานสูดจมูกแล้วยิ้มอย่างดีใจ “ข้าชื่อหรงฉาน คนนี้พี่ชายข้าชื่อหรงจั้น แม่นางเป็นใคร ชื่ออะไรเจ้าคะ?”

เมื่อเห็นตงชิงส่งสายตาตักเตือนมาให้ อวิ๋นหลิงแย้มยิ้มแล้วตอบว่า “ข้าชื่อหลินอวิ๋น เรียกข้าว่าแม่นางหลินก็ได้”

หลินอวิ๋น

หรงจั้นท่องชื่อนี้ในใจ

ใบหน้าหรงฉานเปี่ยมไปด้วยความสงสัย จ้องนางแบบไม่ละสายตา “แม่นางหลิน เจ้าสวยเหมือนเทพธิดาเลย เดิมทีข้าคิดว่าบนโลกใบนี้ไม่มีใครหน้าตาดีกว่าพี่ชายข้าแล้ว แต่หน้าตาเจ้าดีกว่าพี่ชายใหญ่”

สตรีรูปงามเช่นนี้ ไยไม่เคยได้ยินชื่อนี้ในเมืองหลวงเลย?

อวิ๋นหลิงยกริมฝีปากกล่าวด้วยความเกรงใจ “ใต้หล้าต่างชมว่ารัฐทายาทรูปงาม วันนี้เห็นแล้วก็ไม่ธรรมดาจริงๆ”

บุรุษผู้นี้เหมือนหยกงามไร้ที่ติ แตกสลายง่าย ต่างจากเซียวปี้เฉิงคนหน้าเหล็กอย่างลิบลับ

ปกติหรงจั้นจะรู้สึกรำคาญเมื่อมีคนมาชมรูปลักษณ์ของเขา แต่ครั้งนี้ได้ยินอวิ๋นหลิงชมเช่นนี้ก็ไม่รู้สึกรำคาญเลยสักนิด

ในใจเกิดความรู้สึกฉงนสนเท่ห์ เขาอดถามไม่ได้ “จวนแม่นางอยู่ที่ใด? หากข้ามีโอกาสจะไปเยี่ยมถึงจวนเลย”

เวลาคนเรากลัวอะไรก็มักจะเจอสิ่งนั้นประจำ อวิ๋นหลิงได้ยินคำถามของเขาแล้วก็ยิ้มพูดลอยๆ “จวนข้าอยู่ทิศตะวันออกของเมืองหลวง สิ่งที่สำคัญที่สุดคือรัฐทายาทหรงต้องรักษาตัว ไม่จำเป็นต้องไปเยี่ยมข้าหรอก”

“ใกล้จะค่ำแล้ว ข้ามีผู้ป่วยที่ต้องดูแลในจวน ไม่รบกวนพวกท่านสองคนแล้ว”

กล่าวจบ อวิ๋นหลิงก็สั่งให้ตงชิงถือสมุนไพรห่อใหญ่ขึ้น จากนั้นก็อำลาด้วยความเร่งรีบ

หรงฉานจ้องแผ่นหลังนาง ผ่านไปเนิ่นนานถึงจะละสายตากลับมา “แม่นางหลินรีบกลับจริงๆ ยังไม่ได้บอกที่อยู่เลย”

เมื่อนางหันมามองหรงจั้น ก็เห็นเขายังคงมองทิศทางที่อวิ๋นหลิงจากไปอย่างเหม่อลอย

“พี่ใหญ่ นางไปแล้วพี่มองอะไรอีก? หลงความงามของแม่นางหลินเข้าแล้วสิท่า?”

แม้จะเป็นคำหยอกล้อ แต่หรงฉานก็ลอบพูดในใจว่าแม่นางผู้นี้สวยจริงๆ แม้จะเป็นผู้หญิงด้วยกันยังดึงดูดสายตาได้เพียงนี้

เมื่อหรงจั้นหลุดออกจากภวังค์ สองแก้มแดงเล็กน้อย จากนั้นก็เลิกคิ้วกล่าว “อย่ามัวแต่อึ้งอยู่เลย เจ้าอยากให้ข้าอยู่ในโรงหมอนานแค่ไหน ยังไม่รีบส่งคนไปแจ้งที่จวนอีก”

หรงฉานตบหน้าผากตัวเองพร้อมกับแลบลิ้น เมื่อครู่นางกระวนกระวายใจจนทำตัวไม่ถูก ลืมเรื่องนี้ไปเลย

อวิ๋นหลิงถอนหายใจ ไม่คิดว่าแหล่งพึ่งพิงอย่างพระเจ้าหลวงจะกลายเป็นตัวทำลายนางด้วย

“ข้าสั่งคนตามหาเจ้ากับตงชิงทุกซ่อนทุกมุมของจวน แต่ก็ไม่เจอแม้แต่เงา เจ้าบอกมาดีๆว่าตอนบ่ายเจ้าไปไหนมา?”

อวิ๋นหลิงพูดตามความจริง “ข้าเบื่อเลยพาตงชิงออกไปเดินเล่น แล้วซื้อสมุนไพรติดไม้ติดมือมาด้วย”

“เจ้าต้องการยาสมุนไพรใด ในวังไม่มีหรือ? เจ้าสั่งหนึ่งคำก็มีคนไปเอามาให้เจ้าแล้ว ทำไมต้องออกไปซื้อเองด้วย?”

เซียวปี้เฉิงโกรธไม่เบา กำหมัดแน่นแล้วทุบใส่โต๊ะ

“ข้าเคยบอกเจ้าหลายครั้งแล้ว มีคนจ้องจะทำร้ายเจ้าหลายคน แต่ทำไมเจ้ายังเห็นคำพูดของข้าเป็นหูทวนลมอีก?”

หลังจากที่ตามหาทุกมุมของจวนจิ้งอ๋องแล้วไม่เจออวิ๋นหลิง สวรรค์ก็รู้ว่าเขากลัวแค่ไหน

เขาไม่กล้าส่งคนไปตามหาด้านนอก เพราะจะทำให้คนที่จับตามองด้านนอกพบเห็นได้

หากอีกฝ่ายรู้ว่าอวิ๋นหลิงไม่อยู่ในจวน นางก็จะตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายยิ่งขึ้น

เขารอนางในเรือนหลันชิงตลอดทั้งบ่ายนี้ ทุกวินาทีก็เนิ่นนานเหมือนผ่านไปเป็นปีๆเลย!

อวิ๋นหลิงเห็นเขาเกรี้ยวกราดและเป็นห่วงก็อึ้งอยู่กับที่ นางเคยทะเลาะกับเซียวปี้เฉิงแล้ว แต่บรรยากาศไม่เคยเข้มขรึมเท่าครั้งนี้มาก่อน

ตอนที่นางเพิ่งทะลุมิติมาใหม่ๆ เซียวปี้เฉิงเข้าใจผิดคิดว่านางทำร้ายเยียนอ๋องให้สลบ จึงทำหน้าดุใส่ร้าย

แต่ก็เทียบกับครั้งนี้ไม่ได้เลย ใบหน้าเขาอัดแน่นไปด้วยความกรุ่นโกรธและกังวลใจ

“ข้า...ข้าเคยบอกแล้วว่าข้าปกป้องตัวเองได้”

อวิ๋นหลิงอ้าปากพูด ปกติเวลาที่เซียวปี้เฉิงทำหน้าดุใส่นาง นางก็จะตะโกนเถียงโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

แต่ครั้งนี้เห็นเขาตึงเครียดและหวาดกลัว นางจึงอดใช้น้ำเสียงอ่อนโยน “ท่านดูสิ ข้าไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย...”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ