พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 64

“เป็นข้าที่หยาบคายแล้ว”

ลมหายใจของเซียวปี้เฉิงแทบจะหยุดนิ่ง มือที่หมดเรี่ยวแรงปล่อยออกจากนาง จากนั้นฝืนยิ้มออกมาอย่างแข็งทื่อ

“วันนี้เจ้าก็ถือเสียว่า ข้าโกรธเลยพูดจาไร้สาระออกไปก็แล้วกัน”

หลังจากถูกปฏิเสธ หัวใจว่างเปล่าที่แสนจะเจ็บปวดก็ถูกเติมเต็มด้วยความรู้สึกเสียใจและสับสน

เหตุใดเขาจึงลืมไปเสียได้ว่า ในใจของอวิ๋นหลิงนั้นมีคนอื่นอยู่แล้ว อีกทั้งคนผู้นั้นได้ครอบครองตำแหน่งที่สำคัญที่สุดในใจของนาง แล้วนางจะรับรักเขาได้อย่างไร?

การที่หุนหันพลันแล่นเฉกเช่นวันนี้ หลังจากนี้ทั้งสองคนจะมองหน้ากันติดได้อย่างไร?

อวิ๋นหลิงไม่เคยมีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน จึงรู้สึกทำอะไรไม่ถูกอยู่พักหนึ่ง

แม้ก่อนหน้านี้จะเคยพูดอะไรไป แต่หลังจากที่เซียวปี้เฉิงตกหลุมรักนาง ก็จะต้องทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่า อะไรที่เรียกว่าหัวใจแตกสลาย แต่นั้นเป็นเพียงคำพูดโกรธเคืองในระหว่างที่ทะเลาะกันเท่านั้น ไม่ได้ถือเอาจริงเอาจัง

“นี่ก็เย็นมากแล้ว เจ้าออกไปข้างนอกมาทั้งวัน ไปทานอาหารเย็นก่อนเถอะ”

เขาหันหลังจากไปด้วยความรีบร้อน ทว่าอวิ๋นหลิงนั้นอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเรียกหยุดเขาเอาไว้

“ช้าก่อน ท่าน...”

ฉู่อวิ๋นหลิงเรียกหยุดอีกฝ่ายเอาไว้ แต่กลับไม่รู้ว่าจะพูดอะไร

เมื่อเซียวปี้เฉิงได้ยินดังนั้นก็หยุดฝีเท้าทันที เขากำหมัดที่อยู่ข้างลำตัวแน่น ในที่สุดเขาก็ไม่สามารถอดทนต่อความไม่ยินยอมในใจของตัวเองได้ เขาเอ่ยปากถามทันทีว่า “เป็นเพราะเขาใช่หรือไม่?”

อวิ๋นหลิงตกตะลึง “ผู้ใดกัน?”

“...คนในใจของเจ้า เป็นพี่ฉิงที่เจ้าเคยเอ่ยถึงก่อนหน้านี้ใช่หรือไม่?”

ถามจบ เซียวจิ้งเฉิงก็อดไม่ได้ที่จะมีรอยยิ้มขมขื่นขึ้นมาในใจ เขานี่ช่างหาเรื่องทำให้ตัวเองไม่มีความสุขเสียจริงๆ

เมื่อเข้าใจความหมายของเขา มุมปากของอวิ๋นหลิงก็กระตุกขึ้นอย่างแรง “พี่ฉิงเป็นผู้หญิง ข้าไม่ใช่เลสเบี้ยน!”

เลสเบี้ยนคืออะไร?

เซียวจิ้งเป่ยไม่มีเวลามาคิดมาก เขาตกตะลึงตัวแข็งทื่ออยู่กับที่ แล้วถามอีกครั้งว่า “ผู้หญิงหรือ?”

“ใช่น่ะสิ นางเพียงดูห้าวหาญเยี่ยงบุรษ ดังนั้นข้าจึงเรียกนางว่า พี่ฉิง!”

หรือจะบอกว่า ในหัวใจของปีศาจหญิงผู้นี้ไม่มีคนที่ชอบในใจอย่างนั้นหรือ?

ทันใดนั้นดวงตาที่เศร้าหมองของเซียวจิ้งเป่ยก็เป็นประกายดุจดวงดาวขึ้นมาทันที เขาหันหลังเดินกลับไปอยู่ข้างๆ อวิ๋นหลิง ด้วยความสุขที่ฉายขึ้นมาบนใบหน้าอย่างชัดเจน

“เช่นนั้นบัดนี้เจ้าก็อยู่ตัวคนเดียวที่นี่ มาเป็นพระชายาจิ้งอ๋องของข้าไปตลอดชีวิตเลยดีหรือไม่?”

ถึงตอนนี้อวิ๋นหลิงจะไม่ชอบเขาก็ไม่สำคัญ ตราบใดที่ในหัวใจของนางยังไม่มีใคร เขาก็ย่อมมีโอกาส

อยู่ด้วยกันทุกวัน จะต้องมีสักวันที่นางมีความรู้สึกกับเขาได้อย่างแน่นอน เขาไม่เชื่อหรอกว่า อวิ๋นหลิงยังจะหนีไปกับคนอื่นได้อีก

คราวนี้ เซียวจิ้งเฉิงพูดอ้อมๆ เล็กน้อย อวิ๋นหลิงนั้นเข้าใจความหมายในคำพูดของเขา จึงได้ปฏิเสธอย่างอ้อมๆ เช่นกัน

อวิ๋นหลิงเปิดปากกล่าวอย่างช้าๆ ว่า “เรื่องนั้น ตอนนี้สำหรับเรื่องชายหนุ่ม ข้า...ความจริงแล้วไม่มีความปรารถนาทางโลก”

โดยปกติมักจะทะเลาะเบาะแว้ง ต่อปากต่อคำกับกับเซียวจิ้งเฉิงอยู่เป็นประจำ นั่นจึงเป็นวิธีที่ทำให้เข้ากันได้ด้วยดี

เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของเซียวจิ้งเฉิงก็เปลี่ยนไปทันที เขาเอ่ยถามออกมาด้วยความประหลาดใจว่า “เจ้า...หรือเจ้าชอบผู้หญิงอย่างนั้นหรือ?”

อวิ๋นหลิงเป็นปีศาจหญิง อีกทั้งความรู้สึกที่นางมีต่อ “พี่ฉิง” ก็ไม่ธรรมดา หรือว่า...

ใบหน้าของอวิ๋นหลิงมืดมน อดไม่ได้ที่จะขึ้นเสียงกล่าวว่า “ข้าบอกไปแล้ว ข้าไม่ใช่เลสเบี้ยน!”

เมื่อเห็นนางโกรธ เซียวจิ้งเฉิงจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ดูจากท่าทีของอวิ๋นหลิง คงจะไม่ได้มีรสนิยมทางเพศแบบพิเศษ

ที่แท้เลสเบี้ยนหมายความว่าอย่างนี้นี่เอง

เซียวจิ้งเฉิงแอบคิดกับตัวเองในใจ แล้วได้ยินอวิ๋นหลิงเอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ท่านเสียสติไปแล้วหรืออย่างไร?”

เซียวจิ้งเฉิงดูมีใบหน้าอับอายเล็กน้อย เขากล่าวด้วยเสียงเบาว่า “ในหนังสือนิทานของแคว้นต้าโจวมักจะมีเรื่องเล่าเหล่านี้อยู่ ปีศาจจิ้งจอกบางตัวไม่เพียงแต่ยั่วยวนบัณฑิตหน้าขาว แม้แต่หญิงสาวที่มีรูปโฉมงดงามเหล่านั้นก็ไม่ปล่อยไปเช่นกัน ข้าเลยคิดว่า...”

“เอาละเอาละ รีบกลับไปที่เรือนซู่สือของท่านเถอะ ข้ายังรอทานอาหารเย็นอยู่นะ!”

อวิ๋นหลิวระเบิดอารมณ์ใส่เซียวจิ้งเฉิงด้วยใบหน้ามืดมน ทว่าในใจกลับรู้สึกขบขัน

ชายผู้นี้ดูวางมาดขรึมเอาจริงเอาจัง คิดไม่ถึงเลยว่า จะอ่านนิยายจอมยุทธรักใคร่ที่วุ่นวายพวกนี้ด้วย

เซียวจิ้งเฉิงถูกไล่กลับไปที่เรือน โดยในใจยังคงรู้สึกพ่ายแพ้ ทว่ากลับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

แม้อวิ๋นหลิงจะปฏิเสธเขา แต่ท่าทีของนางที่มีต่อเขายังคงเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หลังจากวันนี้ไปอย่าหลบหน้าเขาเพราะเรื่องของวันนี้ก็เป็นพอแล้ว

เซียวจิ้งเฉิงเดินออกมาจากเรือนหลันชิงอย่างมีความคิดมากมายในใจ ทว่าจากหางตาเหลือบมองไปเห็นพระเจ้าหลวงที่ถือไม้เท้าหน้ายื่นหน้ายาวอยู่ในเรือน ด้วยมีสีหน้าเคร่งขรึมอย่างมาก

“ข้าคิดว่าคืนนี้เจ้าจะเตรียมไปค้างที่เรือนหลันชิงเสียอีก ดูจากท่าทางของเจ้าที่เหมือนกับสุนัขไร้เจ้าของเช่นนี้ คงจะถูกหลิงเอ๋อร์ไล่ออกมาล่ะสิ?”

เซียวจิ้งเฉิงแอบบ่นอยู่ในใจ ช่างน่าแปลกเสียจริง เมื่อก่อนทันทีที่เสด็จปู่เห็นเขาก็จะรีบยกไม่เท้าขึ้นมาทุบตีเขาทันที

แต่เหตุใดวันนี้จึงไม่ทุบตีเขากัน?

ทว่าก็เป็นเรื่องดี เซียวจิ้งเฉิงไม่ได้ว่างมากพอที่จะรั้งอยู่ให้ถูกทุบตี เขารีบแสร้งทำเป็นตาบอด พลางเอ่ยเรียกลู่ฉีมาช่วยพยุงเขากลับไปยังเรือนซู่สืออย่างว่องไวเสียยิ่งกว่ากระต่าย

พระเจ้าหลวงจ้องมองอย่างมืดมนไปที่แผ่นหลังของเซียวจิ้งเฉิงที่ลับหายไปจากสายตา และในที่สุดก็ยิ้มเยาะออกมา

“ให้ตายเถอะ เจ้าลูกหมาป่าตัวนี้เลี้ยงเสียข้าวสุกเสียแล้ว เห็นปู่ตัวเองแต่กลับไม่ถามไถ่นั่นก็ปะไร แต่ยังแสร้งทำเป็นตาบอดอีก!”

หากย้อนกลับไปได้เขาจะไม่สนใจเจ้าเด็กคนนี้เลย

หลังจากที่อวิ๋นหลิงเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย และแต่งแต้มปานปลอมบนใบหน้า แม่นมเฉินก็ได้สั่งให้คนยักสำรับอาหารเย็นเข้ามาวางบนโต๊ะ

“พระชายาเพคะ บ่ายวันนี้ท่านไปที่ใดกันเพคะ พระเจ้าหลวงตามหาท่านแต่ก็ไม่พบท่านเลยเพคะ”

อย่างชัดเจนว่า เซียวจิ้งเฉิงไม่กล้าปล่อยข่าวที่นางนั้นออกไปจากจวน แม่นมเฉินและคนอื่นๆ เองก็ไม่ได้สังเกต

อวิ๋นหลิงกระแอมออกมาเบาๆ แล้วกล่าวว่า “ข้าง่วนอยู่ที่เรือนยาสมุนไพร เลยลืมเวลาไปเสียสนิทเลยน่ะ”

โดยปกติแล้วอวิ๋นหลิงมักจะชอบใช้เวลาอยู่ในเรือนยาสมุนไพร แม่นมเฉินจึงไม่ได้สงสัย “พระชายาทรงทำงานหนักทุกวัน ก็หวังว่า ท่านอ๋องทั้งสองท่านจะดีขึ้นได้นะเพคะ”

“วันนี้ข้าก็เหนื่อนนิดหน่อยจริงๆ นั้นแหละ อีกเดี๋ยววานแม่นมไปบอกโรงฟืนแทนข้าให้นำน้ำร้อนมาทีนะ วันนี้ข้าอยากพักผ่อนเร็วหน่อย”

ยาสมุนไพรที่ซื้อกลับมายังไม่ได้จัดการ นางต้องบดส่วนผสมยาเหล่านั้นเก็บเอาไว้

แม่นมเฉินขานตอบ แล้วจึงจากไป

ที่โต๊ะอาหาร เมื่อพระเจ้าหลวงเห็นนางโกหกหน้าตายเช่นนี้ ก็หรี่ตาลง แล้วจู่ๆ ก็ส่งเสียงออกมา

“วันนี้เจ้าไม่ไปหาเจ้าหมาอ๋องที่เรือนซู่สือหรอกหรือ?”

อวิ๋นหลิงตกใจอย่างมากจนเกือบจะกัดลิ้นตัวเอง “พระเจ้าหลวง ท่าน..”

ตาเฒ่าผู้นี้ถึงขนาดรู้ว่า ทุกคืนนางต้องไปหาเซียวจิ้งเฉิงอีกด้วย!

“อุบายเล็กๆ น้อยๆ พวกนั้น ยังคิดว่าจะปิดบังข้าได้อย่างนั้นหรือ? อย่าคิดว่าข้าโง่นะ!”

พระเจ้าหลวงเปล่งเสียง “ฮึ” ออกมา ในดวงตามีความเย้ยหยันและพึงพอใจเล็กน้อย

“ที่แท้การที่ข้าไปที่เรือนซู่สือท่านไม่โกรธอย่างนั้นหรือ เช่นนั้นเหตุใดท่านจึงไม่รีบบอกกับข้า...”

นางต้องตื่นตั้งแต่เช้ามืด จนมีรอยคล้ำใต้ตาปรากฏออกมาให้เห็นแล้ว

“โธ่ นั่นก็เพราะเจ้าจงใจปิดบังข้าอย่างไรเล่า ดังนั้นข้าจึงไม่บอก ให้เจ้าทำได้เพียงแอบทำตัวลับๆ ล่อๆ ไปหาชายคนรัก!”

อวิ๋นหลิงกระตุกมุมปากขึ้น ด้วยสายตาแปลกๆ จึงถามว่า “ไม่ใช่ว่า ท่านไม่ยอมให้ข้ากับ...เจ้าหมาอ๋องไปมาหาสู่กันไม่ใช่หรือ?”

“ถึงจะไม่ยอมแล้วจะทำอย่างไรได้? หญิงสาวเมื่อถึงวัยออกเรือนแล้ว ก็ควรออกเรือน” พระเจ้าหลวงมองไปที่อวิ๋นหลิงด้วยสายตาเศร้าโศก จากนั้นถอนหายใจออกมา แล้วกล่าวว่า “เจ้ายอมเสี่ยงทำให้ข้าโกรธ เพื่อที่จะไปนัดพบกับเขากลางดึก ข้านอกจากจะยินยอมปล่อยไป แล้วยังทำอะไรได้อีกบ้าง?”

เมื่ออวิ๋นหลิ่งได้ยินดังนั้นก็รู้สึกพูดอะไรไม่ออก นางกล่าวอธิบายว่า “ข้าไม่ได้นัดพบกับเขา ข้า...ช่างเถอะ ในเมื่อท่านไม่ชอบเขา วันหลังข้าก็ไม่ไปแล้ว”

เพราะถึงอย่างไรดวงตาของเซียวจิ้งเฉิงก็หายดีเป็นปกติแล้ว

ในตอนท้าย อวิ๋นหลิงเสริมว่า “วันหลังหากท่านเห็นเขามาที่เรือนหลันชิง ก็ให้หยุดเขาเอาไว้เป็นพอ อย่าให้เขาเข้ามาได้เด็ดขาด”

เพื่อไม่ให้ถูกจับได้อย่างเช่นวันนี้อีก

เมื่อพระเจ้าหลวงได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาค่อยๆ กล่าวอย่างสบายใจว่า “เหตุใดเจ้าจึงไม่อยากพบเขาแล้วเล่า? แม้ข้าจะไม่ชอบเจ้าหมาอ๋อง แต่จากหลายวันที่ผ่านมานี้ ข้าเห็นเขาใช้ชีวิตอย่างราบรื่นไม่น้อย ไม่ทำตัวลับๆ ล่อๆ อย่างเช่นปกติ ไม่ถือว่า หมดหนทางที่จะเยียวยา”

“แม้เขาจะจนไปหน่อย รูปร่างหน้าตาจะดูเหมือนสุนัขไปบ้าง หากเจ้ายินยอม ข้าก็ไม่ห้ามให้เจ้าไปมาหาสู่กับเขาหรอก”

พระเจ้าหลวงพูดถึงเซียวจิ้งเฉิงในทางที่ดี นี่พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกหรืออย่างไรกัน?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ