ไป๋ชวนกะด้วยสายตา หนังสือเล่มนี้หนากว่าฝ่ามือของเขาเสียอีก ใบหน้าอันหล่อเหลาก็เขียวคล้ำทันที
“ข้ารู้ภาษาเหมียวโบราณดีก็จริง แต่ข้าเขียนอักษรจีนไม่เก่ง นับประสาอะไรกับเจ็ดวันเจ็ดคืน ต่อให้ท่านจะให้เวลาข้าสี่สิบเก้าวันก็ยังแปลไม่เสร็จหรอก.. ”
สมัยเป็นเด็กเขารักสนุกไม่ชอบร่ำเรียน พูดภาษาดินแดนจงหยวนคล่องแคล่ว แต่เขียนอักษรจีนไม่เอาไหนเลย
เขาอ่านหนังสือนิยายในสำนักศึกษาชิงอี้ก็เพื่อฆ่าเวลา แต่มักจะเลือกหนังสือที่มีภาพเยอะๆ ตัวอักษรน้อยๆ
อวิ๋นหลิงเคาะนิ้วเรียวยาวบนหนังสือ แล้วเอ่ยเสียงเฉียบขาด “เจ็ดสิบเจ็ดวันก็ได้ หรือไม่ก็ห้าเดือนหรือสามปีไปเลย แปลเสร็จสิ้นเมื่อใดก็จะปล่อยตัวออกจากคุกเมื่อนั้น!”
ไป๋ชวนสวมหน้ากากแห่งความเจ็บปวดในฉับพลัน
“ได้โปรดฆ่าข้าให้สะใจไปเลยเถิด”
หากเขาทำผิด โปรดใช้กฎหมายอาญาลงโทษเขา แต่อย่าเอาการเขียนอักษรจีนมาทรมานเขา
เซียวปี้เฉิง “...หรือว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรที่คู่ควรให้เจ้าอาลัยอาวรณ์อีกแล้ว?”
อาลัยอาวรณ์อย่างนั้นหรือ
นัยน์ตาสิ้นหวังของไป๋ชวนลุกวาวขึ้นอีกครั้ง “จะหารือกันหน่อยดีหรือไม่ ข้าแปลหนังสือเล่มนี้ก็ได้ แต่อย่าขังข้าไว้ในศาลต้าหลี่ได้หรือเปล่า ให้ข้าอยู่ที่สำนักศึกษาชิงอี้เป็นอย่างไร ข้าไม่ได้อยากได้อะไร สนแต่เรื่องอาหารเท่านั้น!”
เขากลืนน้ำลาย ในหัวนึกถึงอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะตอนเที่ยงของวันนี้แต่กินไม่ได้ จู่ๆ ก็เกิดแรงจูงใจจะมีชีวิตขึ้นอีกครั้ง
ทันทีที่พูดจบ ท้องไส้ของไป๋ชวนก็ส่งเสียงโครกครากวูบหนึ่ง และร้องจ๊อกๆ เป็นจังหวะประมาณสิบวินาที
อวิ๋นหลิงจำได้ว่านี่เป็นอีกคนหนึ่งที่ชื่นชอบอาหารของสำนักศึกษาชิงอี้
นางมองประเมินอย่างละเอียดลออถึงสองสามครั้ง ไป๋ชวนดูเหมือนจะอ้วนกลมกว่าตอนแรกเจอเมื่อเดือนที่แล้วไม่น้อย คล้ายจะมีคางสองชั้นนิดๆ ด้วย
“ที่จริงก็ใช่ว่าจะไม่ได้ เอาอย่างนี้แล้วกัน เจ้าแปลเนื้อหาอย่างน้อยห้าหน้าทุกวัน ถ้าไม่เสร็จ วันรุ่งขึ้นก็ได้กินแค่หมั่นโถว!”
นางไม่เคยคิดจะใช้ไม้แข็งกับไป๋ชวน อย่างไรเสียยามนี้เขาก็เป็นคนเดียวที่เคยร่ำเรียนทั้งภาษาเหมียวโบราณและภาษาจีน
ต้องใช้แนวทางเชิงบวกเพื่อจูงใจอีกฝ่ายให้แปลสมุดบันทึกมนุษย์พิษให้เสร็จโดยเร็วที่สุด นี่จะเป็นประโยชน์ต่อพวกเขา
ไป๋ชวนเหลือบมองหนังสือเล่มหนาเตอะ ก่อนอดถามไม่ได้ว่า “หนังสือเล่มนี้มีประมาณกี่หน้า”
“อย่างน้อยๆ น่าจะเกินร้อยหน้าเห็นจะได้”
ไป๋ชวนงอนิ้วนับคำนวณ ก็เพียงพอจะประคับประคองให้เขาอยู่กินอาหารในสำนักศึกษาชิงอี้ได้แค่ไม่ถึงหนึ่งเดือน
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าหนังสือเล่มนี้ยังบางไปหน่อย
“แล้ว...ถ้าข้าแปลหนังสือเล่มนี้เสร็จเล่า”
อวิ๋นหลิงตอบว่า “ข้าไม่เคยผิดสัญญา ไว้ทำภารกิจเสร็จข้าจะปล่อยเจ้าเป็นอิสระ จากนั้นกลับไปยังที่ที่เจ้ามา!”
“ข้าไม่ไปได้หรือไม่”
เมื่อไป๋ชวนลั่นประโยคนี้ออกมา ทุกคนก็มองไปทางเขา
“อันที่จริงข้ามีความคิดหนึ่ง ไม่รู้ว่าทุกท่านคิดอย่างไร” ไป๋ชวนกระแอมให้คอโล่ง “บิดาข้าคืออ๋องเหมียวเจียง ครั้งนี้ฟงอิ๋งอิ๋งทำงานล้มเหลวเสียหายอย่างหนัก เขาจะต้องคิดแก้แค้นเป็นแน่ ถึงทุกท่านจะมีพลังวิเศษ และไม่ใส่ใจกับกลอุบายเล็กๆ น้อยๆ ของชาวเหมียว แต่ถ้าพวกเขาทำกลอุบายบางอย่างลับหลัง ทุกท่านจะรู้สึกว่ามันน่ารำคาญอยู่เหมือนกัน”
“ข้าเป็นลูกชายสายตรงเพียงคนเดียวของบิดา หากข้าถูกจับเป็นตัวประกัน ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของราชสำนักแคว้นต้าโจว เขาจะไม่มีวันคิดทำอะไรง่ายๆ อีกต่อไป”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...