พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 667

ท้องนภายามรัตติกาลมืดมิด แสงจันทร์สลัวราง

ในพระที่นั่งบำรุงฤทัยมีกลิ่นหอมลอยอ้อยอิ่ง บนโต๊ะวางเต้าหู้อัลมอนด์ที่ดูเนียนนุ่มและสวยงามราวกับหยกขาวอยู่ชามหนึ่ง

แต่จักรพรรดิจาวเหรินกัดเพียงไม่กี่คำแล้วผลักออกไปอย่างหมดความสนใจ

“ไม่อร่อยเท่าของแม่นางหลีทำเลย ให้คนยกออกไปเถอะ”

ฝูกงกงรู้สึกงุนงงเล็กน้อย “แต่ก่อนฝ่าบาทไม่ชอบขนมหวาน แล้วเหตุใดหมู่นี้จึงทรงจู้จี้จุกจิกกับของว่างของห้องเครื่องหลวง”

“เฮ้อ ผ่านช่วงเวลายากลำบากมาโชกโชน คนเราก็จะชอบของหวาน”

“…”

ฝูกงกงพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง นี่คือคำพูดของพระเจ้าหลวง เขาคิดว่าจักรพรรดิจาวเหรินตั้งแต่ทรงพระเยาว์จนเติบใหญ่ก็ไม่เคยใช้ชีวิตลำบากตรากตรำเลยนี่นา

เขาเป็นคนสุดท้อง ตอนเกิดมานั้นพระเจ้าหลวงก็เป็นฮ่องเต้แล้ว

“กระหม่อมรู้สึกว่าช่วงนี้พระองค์ดูกระชุ่มกระชวยยิ่งนัก”

ไม่ได้ไปว่าราชกิจช่วงเช้าด้วยซ้ำ วิ่งไปสำนักศึกษาชิงอี้ตลอดทั้งวัน ผู้ที่ไม่รู้จะคิดว่าเขาสละราชสมบัติแล้ว

จักรพรรดิจาวเหรินถอนพระทัย “นั่นมันอยู่นอกวัง แต่พอกลับเข้าวัง ข้าก็รู้สึกเหนื่อยหน่าย”

การเมืองเป็นเรื่องรอง แต่เป็นเพราะเขาทนหลี่กุ้ยเฟยที่มาพัวพันไม่ได้จริงๆ นับวันจะยิ่งเจ้าอารมณ์ขึ้นเรื่อยๆ

อวิ๋นหลิงกล่าวว่านี่เรียกว่าวัยหมดประจำเดือนจะเกิดกับผู้หญิงที่เข้าสู่ช่วงวัยนี้

แต่จักรพรรดิจาวเหรินไม่เห็นด้วย แม่นางหลีอายุน้อยกว่าหลี่กุ้ยเฟยเพียงสามปี เหตุใดนางจึงดูอ่อนโยนและเป็นกันเองได้เล่า

แม้ตัวเขาจะเป็นฮ่องเต้ แต่ครึ่งค่อนชีวิตนี้ก็มีความกังวล ความกลุ้มใจ และความเสียใจไม่น้อย

ในบรรดาผู้คนมากมาย แม่นางหลีเป็นคนเดียวที่ยินดีรับฟังอย่างอดทน ทั้งยังให้คำแนะนำและปลอบโยนเขาหลายครั้ง

เมื่ออยู่กับแม่นางหลี จักรพรรดิจาวเหรินรู้สึกว่าเป็นช่วงเวลาที่มีแต่ความอ่อนโยนและเงียบสงบ ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายและสงบมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ยิ่งเป็นเช่นนี้ เขาก็ยิ่งไม่อยากกลับวัง ไม่อยากเผชิญหน้ากับหลี่กุ้ยเฟย

หลังจากให้คนเอาเต้าหู้อัลมอนด์ออกไป จักรพรรดิจาวเหรินก็อยากจะพักผ่อน พรุ่งนี้จะได้ไปสำนักศึกษาชิงอี้แต่เช้า

แต่เพิ่งจะถอดเสื้อตัวนอกออก นางกำนัลก็เข้ามารายงานว่าเฉียวเย่ที่รออยู่นอกตำหนักจะขอเข้าเฝ้า

จักรพรรดิจาวเหรินขมวดคิ้วพลางตรัสว่า “ให้เขาเข้ามา”

เฉียวเย่เป็นคนของตำหนักบูรพา จะไม่มาพบเขาเพียงลำพังเว้นแต่จะมีเรื่องสำคัญ

หลังจากนางกำนัลพาเฉียวเย่เข้ามา เขาก็ไล่นางกำนัลออกไป แล้วกระซิบสองสามคำที่หน้าเตียงจักรพรรดิจาวเหรินด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“เจ้าว่าอะไรนะ! เป็นเรื่องนี้จริงหรือ”

จักรพรรดิจาวเหรินตกพระทัยจนแทบจะกลิ้งตกเตียง เสียงอันดังลั่นก็ทะลุหลังคาไปเรียบร้อย

สีหน้าท่าทางของเฉียวเย่นั้นยากจะอธิบายเช่นกัน “ทั้งหมอหลวงและพระชายารัชทายาทได้ตรวจสอบแล้ว ยืนยันว่าหลี่เมิ่งเอ๋อร์ตั้งครรภ์ได้สองเดือน นอกจากนี้...รัชทายาทยังพบผงรัญจวนในตำหนักหลิวอวิ๋น และหลี่เมิ่งเอ๋อร์ยังมอบหมายให้นางกำนัลไปเชิญองค์ชายหกมาพบเป็นการส่วนตัวเพื่อขอคำแนะนำเรื่องเย็บปักถักร้อย”

เมื่อเชื่อมโยงทุกอย่างเข้าด้วยกัน คนฉลาดย่อมจะเดาได้ว่าหลี่เมิ่งเอ๋อร์กำลังวางแผนอะไรอยู่

จักรพรรดิจาวเหรินฟังแล้วกริ้วจนแทบจะเป็นลมล้มพับไป

“เสนาบดีหลี่เจ้าเฒ่าคนนี้หมายจะหลอกใช้ข้าอย่างนั้นหรือ!”

เขามีน้ำโหจนเกือบจะขาดสติไป รู้สึกว่าด้วยอุปนิสัยของหลี่เมิ่งเอ๋อร์ คงไม่กล้าทำสิ่งที่ใจกล้าบ้าบิ่นเช่นนี้

เขานึกสงสัยว่าเสนาบดีขวาหลี่วางแผนอยู่เบื้องหลัง องค์หญิงเชื่อมสัมพันธ์อะไรนั่นก็เป็นแค่ข้ออ้าง พยายามจะหาโอกาสส่งลูกสาวตระกูลหลี่เข้ามาในพระราชวัง

เสนาบดีขวาหลี่หมายปองลูกชายหลายคนของเขา จักรพรรดิจาวเหรินก็รู้เรื่องนี้ดี

แต่ไม่นึกว่าหลี่เมิ่งเอ๋อร์จะถูกกำหนดให้มีดวงกินลูกกินผัว กระนั้นเขายังไม่ยอมถอดใจ ตั้งเป้าไปที่องค์ชายหก

“ให้เจ้าเฒ่าคนนี้เข้าวังมาทั้งกลางคืนเดี๋ยวนี้!”

จักรพรรดิจาวเหรินทรงพระพิโรธ ข่มกลั้นความวู่วามที่จะพลิกโต๊ะระบายความเดือดดาล รีบสวมเสื้อคลุมไปตำหนักหลิวอวิ๋นทันที

ในตำหนักหลิวอวิ๋นเกิดความชุลมุนวุ่นวาย หลี่เมิ่งเอ๋อร์นั่งอยู่กับพื้น ร่ำไห้คร่ำครวญอย่างสิ้นหวัง

เซียวปี้เฉิงยืนอยู่ข้างๆ ด้วยใบหน้าบึ้งตึงราวกับเทพชั่วร้าย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ