ถังจูซิงหลุบตาลง พูดเสียงแผ่วเบา “ขออภัยที่ลูกศิษย์ทำตัวไม่ดี จูซิงเป็นเพียงปุถุชนธรรมดา ยากจะควบคุมความรู้สึกได้ จือซู่เป็นคนน่าสงสาร เขาไม่เคยเรียกร้องอะไรจากกระหม่อม กระหม่อมเป็นคนเริ่มก่อนเอง”
ตอนแรกเขาสับสน ไม่เข้าใจว่าความรู้สึกแบบนั้นคืออะไร ทว่าหลังจากรู้หัวใจตัวเอง หัวใจของเขาก็พองโต งอกเงยจนกลายเป็นต้นรักแล้ว
ถังจูซิงไม่คิดเลยว่าตัวเองจะรู้สึกพิเศษต่อบุรุษได้
พูดอีกมุมหนึ่งก็คือ สำหรับเขาแล้วหลิ่วจือซู่จะเป็นเพศอะไรก็ไม่สำคัญอีกต่อไป
หลิ่วจือซู่คิดว่าตัวเองเป็นเพศใด เขาก็จะเห็นอีกฝ่ายเป็นอย่างนั้น
“เป็นเรื่องปกติ ถ้าคนเราควบคุมความรู้สึกได้ งั้นก็ไม่เรียกว่าคนแล้ว” อวิ๋นหลิงปลอบใจเขา ถามว่า “สำหรับหรงรั่ว เจ้าคิดอย่างไรบ้าง?”
ไม่รักกับมีคนอื่นมันคนละเรื่องเลย
ถังจูซิงฉายความละอายใจในนัยน์ตา “กระหม่อมเห็นอารั่วเป็นน้องสาวเท่านั้น ไม่เคยคิดเกินเลยกว่านี้ ก่อนหน้านี้ลูกศิษย์อาจจะแต่งงานกับนางด้วยการจับคู่ของบิดามารดา แต่หลังจากลูกศิษย์รู้หัวใจตัวเอง ก็ไม่อาจแต่งงานกับอารั่วได้อีก”
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องเขาชอบหญิงหรือชอบชาย ต่อให้หลิ่วจือซู่ไม่ยอมคบกับเขา เขาก็ยังคงหาวิธีถอนหมั้นอยู่ดี เพราะเขาไม่อาจมอบหัวใจให้แม่นางผู้นี้แล้ว
หากไม่เกิดเรื่องนี้ เขาก็จะทำตามคำสั่งของบุพการี แต่งงานกับหรงรั่ว แล้วดีต่อนาง พยายามชอบนาง
เพราะแม่นางผู้นี้นอกจากใจร้อนแล้วก็เป็นคนดี ทั้งยังรักเขามากด้วย
หรงรั่วรู้ว่าเขาอยากทำเช่นไร ทว่าแม่นางผู้นี้มีความมั่นใจในตัวเองสูง ทั้งยังไม่เก็บไปใส่ใจด้วย
ทางกลับกันยังดึงแขนเสื้อเขาแล้วพูดเต็มปากเต็มคำว่า “ทั่วทั้งเมืองหลวง ก็ไม่อาจหาสตรีที่เพียบพร้อมทั้งชาติตระกูลและรูปโฉมแล้ว ทั้งยังมีความรู้ความสามารถด้านบู๊และบุ๋นอีกต่างหาก ถ้ามองหน้าข้าแล้วยังมีผู้ใดต้องตาเจ้าได้อีก?”
“แล้วพวกเราก็เป็นคู่หมั้นกันด้วย ชาตินี้เจ้าต้องเป็นของข้าเพียงผู้เดียว ต้องชอบข้าสักวันแน่ ยอมรับโชคชะตาเถอะ”
อวิ๋นหลิงได้แต่ถอนหายใจแล้วอุทานว่ายังเด็กเกินไปต่อเรื่องนี้
พระสนมหลี่ใช้เวลายี่สิบกว่าปี ซึ่งเกือบเอาชีวิตของตัวเองเข้าแลก แต่ก็ไม่อาจครองใจจักรพรรดิจาวเหริน
หนังสือหมั้นหมายฉบับนี้จึงยิ่งจะผูกมัดใครไว้ได้
ฉะนั้นควรสนับสนุนให้คบหาดูใจกันอย่างอิสระจะดีกว่า การคลุมถุงชนจะทำให้สองผัวเมียไม่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน และไม่มีความสุขในชีวิตคู่ ซึ่งเป็นเยี่ยงนี้ตั้งแต่ครั้งโบราณกาล
อวิ๋นหลิงเข้าใจรักสามเศร้านี้แล้วก็เงยหน้ามองทุกคน แล้วเขย่าน้ำชาในถ้วยเบา ๆ
“ในเมื่อรู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้แล้ว พวกเจ้ามีวิธีแก้ไขปัญหาไหม?”
ก่อนที่พวกถังจูซิงจะเสนอทางออก นางก็เสริมหนึ่งประโยคว่า
“ห้ามเสนอวิธีที่ต้องเสียสละตัวเอง ข้าไม่อยากฟัง”
“ฟังให้ดี นับจากวันแรกที่พวกเจ้าเข้าสำนักศึกษาชิงอี้ ทุกการกระทำของพวกเจ้าไม่ได้หมายถึงแค่พวกเจ้าเอง ตอนนี้พวกเจ้าเป็นคนของข้า แต่เกิดปัญหาขึ้น ผลได้ผลเสียย่อมมีผลต่อตำหนักบูรพาทั้งสิ้น”
เซียวปี้เฉิงพยักหน้า “พวกเจ้าไม่ใช่เด็กๆแล้ว อย่าให้ข้ากับพระชายาพูดมาก ไม่ต้องกังวลต่อความคิดของอาจารย์และผู้ดูแล ข้าจัดการเอง พวกเจ้าแก้ไขปัญหาของตัวเองได้ก็พอ”
ถังจูซิงอึ้ง แปลกใจที่พวกเขาไม่ตำหนิ
“ทำไม ไม่ยินดีรึ?” อวิ๋นหลิงพูดติดตลก “สำนักศึกษาชิงอี้ ไม่ใช่พวกเจ้าคิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไป”
ถ้ายังไม่ทำงานสามปีที่กำหนดไว้ให้ครบ เด็กกลุ่มนี้ก็อย่าหวังจะหนีไปไหนเลย
ถังจูซิงส่ายหน้า รีบเอ่ยว่า “รัชทายาทกับพระชายายินดีให้ลูกศิษย์อยู่ต่อ ลูกศิษย์ย่อมซาบซึ้งใจ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...