พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 73

“ไม่ ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน”

หรงจั้นยังคงไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ เขาประสานมือด้วยเคารพและกล่าวว่า “เรียนท่านอ๋องตามตรง เมื่อสองสามวันก่อน ข้าน้อยนอนล้มป่วยอยู่กลางถนน โชคยังดีที่แม่นางหลินมาช่วยเอาไว้ ข้าน้อยจึงรอดชีวิตมาได้ ข้าน้อยต้องขอบคุณแม่นางหลินด้วยตนเอง แต่น่าเสียดายที่ไม่รู้ว่าแม่นางหลินอยู่ที่ใด เพียงรู้ว่านางกล่าวว่าตนเองอาศัยอยู่ทางทิศตะวันออกของเมือง”

“หลังจากตามสืบข้อมูลมาแล้ว ข้าน้อยก็กลับไม่พบจวนของตระกูลหลินอยู่เลย คนเดียวที่มีนามสกุลหลินซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ก็มีเพียงอาจารย์หลินซินจากจวนจิ้งอ๋อง ข้าน้อยจึงอยากเรียนถามว่า อาจารย์หลินมีเครือญาติหรือสหายในเมืองหลวงหรือไม่ขอรับ”

ใบหน้าของเซียวปี้เฉิงมืดลง ซุกซ่อนความโกรธไว้ในดวงตา “ไม่ ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย อาจารย์หญิงเป็นเด็กกำพร้า มีลูกชายเพียงคนเดียว ไม่มีญาติคนอื่นเลย”

เขาปฏิเสธความคิดของหรงจั้นและออกคำสั่งให้เขาออกไปอย่างไม่มีพิธีรีตอง

“ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย ไม่สามารถพูดคุยเป็นเวลานานได้มากนัก ได้โปรดเข้าใจด้วย”

หรงจั้นพยักหน้าด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย “ขออภัยที่มารบกวนขอรับ ท่านอ๋องโปรดยกโทษให้ด้วยขอรับ”

เขาเห็นสีหน้าของเซียวปี้เฉิงไม่ดีเท่าใดนัก จึงไม่อะไรคิดมาก เพียงสันนิษฐานว่าเป็นเพราะอาการบาดเจ็บที่ไม่ได้รับการรักษาทำให้เขาเป็นเช่นนี้ เขาทิ้งยาบำรุงเอาไว้และเตรียมจะจากไป

ก่อนจากไป หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน หรงจั้นก็หันกลับมา “ท่านอ๋องมักติดต่อกับหมอผู้ชำนาญในเมืองหลวง ข้าน้อยขอร้องท่านช่วยติดตามข่าวสารเกี่ยวกับแม่นางหลินอวิ๋น หากพบข้อมูลใด ๆ โปรดแจ้งข้าน้อยโดยเร็ว ข้าน้อยจะขอบคุณท่านอย่างมากขอรับ”

ใบหน้าของเซียวปี้เฉิงดูเย็นชาเป็นอย่างมาก “ในโลกนี้ การพบกันระหว่างผู้คนล้วนถูกชี้นำโดยโชคชะตา หากเจ้าไม่พบนางอีก ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าไม่ได้มีวาสนาต่อกัน จะยังยื้อไว้อยู่ทำไมกัน”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ รอยยิ้มของหรงจั้นก็แฝงไปด้วยความเศร้าโศก ทำให้เห็นเสน่ห์อันโดดเด่นยิ่งไปอีก “มีความงดงามที่หากพบเจอครั้งหนึ่งแล้วก็ไม่อาจลืมเลือนได้ไปชั่วชีวิต ไม่ได้พบนางเพียงวันเดียว ก็โหยหานางแทบตายแล้ว... หากท่านอ๋องรู้สึกเช่นข้าน้อยในตอนนี้ ท่านก็คงเข้าใจได้ไม่ยากนัก”

คำพูดของเขาบ่งบอกถึงการตามหาความรักอย่างชัดเจน ทำให้สีหน้าของเซียวปี้เฉิงซีดลงในทันที

ถ้าไม่ใช่เพราะไม่มีหอกอยู่บริเวณโดยรอบ เขาก็คงจะแทงหรงจั้นให้เป็นรูไปแล้ว !

“เจ้าเคยคิดถึงความเป็นไปได้ที่สตรีผู้นั้นจะแต่งงานหรือมีความรักกับชายอื่นไปแล้วหรือไม่”

หรงจั้นแสดงออกถึงความประหลาดใจเล็กน้อย เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นจริง ๆ

เซียวปี้เฉิงคิดว่าตนเองทำให้เขาหมดกำลังใจได้สำเร็จ ภายในใจก็รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก ทว่าในไม่ช้า เขาก็ได้ยินหรงจั้งพูดขึ้นด้วยความมุ่งมั่นว่า

“แม่นางหลินไม่ได้แต่งตัวคล้ายกับสตรีที่แต่งงานแล้วในวันที่ข้าพบนาง ดังนั้นนางจึงน่าจะยังไม่ได้แต่งงาน ไม่ว่านางจะมีคนที่หมายปองไว้แล้วหรือไม่ ข้าน้อยก็ต้องหานางให้พบและกล่าวขอบคุณออกไป มันถึงจะทำให้จิตใจของข้าน้อยสงบลงได้”

ใบหน้าของเซียวปี้เฉิงจริงจังขึ้นมา เขากัดฟันพร้อมกล่าวขึ้น “ถ้าเช่นนั้นข้าก็ขอให้รัฐทายาทหรงสมปรารถนาในเร็ววัน ! ”

ฝันไปเถอะ ! ไปกินอุจจาระเสียเถอะ !

หรงจั้นไม่ได้เห็นถึงความโกรธที่แฝงอยู่ในแววตาของเซียวปี้เฉิงเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงคิดว่า แม้เซียวปี้เฉิงจะได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ แต่ก็ยังบังคับตัวเองให้ปลอบโยนเขา เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสะเทือนใจ

เดิมทีพวกเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์กันมากนัก แต่ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกอยากเป็นเพื่อนกับเซียวปี้เฉิงขึ้นมาหน่อยแล้ว

“ขอบคุณที่ท่านอ๋องเป็นห่วงขอรับ ข้าน้อยเข้าใจเจตนาของท่านดี ในเมื่อท่านยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ ข้าน้อยก็จะไม่รบกวนอีกต่อไป เมื่อท่านหายดีแล้ว ข้าน้อยจะไปเยี่ยมอีกครั้งนะขอรับ”

อีกครั้งหรือ

เซียวปี้เฉิงโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก เขาคิดว่าหรงจั้นมีเจตนาไม่ดี เขาได้แต่ระงับแรงกระตุ้นที่อยากพูดออกไปว่า “ไสหัวไปซะ” ทว่าเขาทำได้เพียงเรียกเฉียวเย่อย่างเคร่งขรึม

“ใต้เท้าเฉียว ท่านไปส่งรัฐทายาทหรงออกจากจวนเสียหน่อย”

หรงจั้นจากไปพร้อมกับพัดของเขา นัยน์ตาแสดงถึงความรู้สึกผิดหวังและโหยหาที่ไม่อาจลบออกได้ แม้แต่จวนจิ้งอ๋องก็ไม่สามารถให้ข้อมูลใด ๆ ได้ สรุปแล้วแม่นางหลินอยู่ที่ใดกันแน่

เมื่อหรงจั้นจากไปแล้ว เซียวปี้เฉิงก็สั่งให้คนส่งของทุกอย่างไปที่เรือนของเยี่ยนอ๋องในทันที เพียงชายตาไปมองเขาก็รู้สึกทนรับไม่ได้แล้ว

เขาโกรธจนรู้สึกเจ็บที่หน้าอก กลับไปยังเรือนหลันชิงโดยไม่พูดอะไรสักคำ

อวิ๋นหลิงจงใจแต่งหน้าให้เขาเพื่อให้ดูเหมือนคนอ่อนแอที่กำลังฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บสาหัส ใบหน้าที่ซีดขาวบวกกับผิวที่ฟกช้ำ ทำให้มันดูสมจริงอยู่ไม่น้อย

อย่างไรก็ตาม อวิ๋นหลิงที่ไร้ซึ่งความกังวลกลับมองเขาด้วยความสับสน “ท่านเป็นอะไรไป เมื่อครู่ยังสบายดีอยู่เลย บัดนี้กลับทำตัวเหมือนไก่ตัวผู้ที่เกรี้ยวกราด หรงจั้นพูดอะไรกับท่านหรือ”

เซียวปี้เฉิงหรี่ตาลงเล็กน้อย ตอบกลับอย่างหงุดหงิดว่า “ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันสนใจในตัวเจ้าเข้าให้แล้ว เขาแม้กระทั่งขอให้ข้าช่วยตามหาอีกด้วย ช่างไร้ยางอายจริงๆ ! ”

อวิ๋นหลิงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ท่านเข้าใจอันใดผิดไปหรือเปล่า ข้าแทบจะไม่รู้จักหรงจั้นเลยเสียด้วยซ้ำ บางทีเขาอาจจะแค่ต้องการขอบคุณข้าที่ช่วยชีวิตเขาไว้ก็เป็นได้”

“ในฐานะบุรุษ ข้าจะมองเขาไม่ออกได้อย่างไรกัน”

นอกจากนี้ เขายังท่องบทกวีอันขมขื่นเหล่านั้น ทำให้ความตั้งใจของเขาชัดเจนมากทีเดียว!

เมื่อนึกถึงใบหน้าอันหล่อเหลาของหรงจั้นซึ่งเหมาะสมกับรูปลักษณ์ที่แท้จริงของอวิ๋นหลิงเป็นอย่างมาก เซียวปี้เฉิงก็รู้สึกกระวนกระวายในใจ

หรงจั้นเป็นที่นิยมในหมู่สตรีภายในเมืองหลวงมาโดยตลอด ไม่รู้เลยว่าอวิ๋นหลิงไปรู้จักกับเขาได้อย่างไรกัน

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ถามขึ้นอย่างช้า ๆ “เจ้าคิดว่าหรงจั้นคนผู้นี้เป็นอย่างไร”

“ข้าไม่ได้สนิทกับเขามากนัก แต่ที่แน่ ๆ คือเขามีใบหน้าที่หล่อเหลาอยู่พอตัว”

ใบหน้าเซียวปี้เฉิงมืดลง พึมพำอย่างแผ่วเบา “เมื่อเทียบข้ากับเขาแล้ว ผู้ใดหล่อเหลากว่ากัน”

ใบหน้าของอวิ๋นหลิงปรากฏกล้ามเนื้อที่กำลังกระตุกอยู่เล็กน้อย นี่มันเป็นคำพูดหวงก้างที่ราวกับเป็นการแข่งขันเพื่อแย่งชิงนางหรืออย่างไรกัน

“พวกท่านไม่ใช่คนประเภทเดียวกัน ไม่อาจเปรียบเทียบกันได้หรอก”

เซียวปี้เฉิงยังคงถามต่อไป “เช่นนั้นเจ้าชอบแบบไหนมากกว่ากันหรือ”

อวิ๋นหลงตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา “แน่นอนว่าต้องเป็นชายกล้ามโตที่มีซิกแพคอยู่แล้ว”

หรงจั้นมีความสง่างามและเสน่ห์ที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้ แต่นั่นไม่ใช่บุรุษแบบที่นางชอบ อวิ๋นหลิงไม่ได้ชอบบุรุษน่ารักที่บอบบางเช่นเขา

เมื่อได้ฟังคำพูดของอวิ๋นหลิง จิตใจที่กระวนกระวายของเซียวปี้เฉิงก็ค่อย ๆ บรรเทาลง รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของเขาอย่างควบคุมไม่ได้

“เช่นนั้นหากหรงจั้นมีใจให้เจ้าจริงๆ เจ้าก็จะไม่หวั่นไหวใช่หรือไม่”

สีหน้าของอวิ๋นหลิงยังคงความไม่แยแส ขณะที่ตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า “แต่ไหนแต่ไรข้าก็ไม่เคยเชื่อในรักแรกพบอยู่แล้ว เหมือนที่เคยมีคนกล่าวไว้ รักแรกพบก็เป็นเพียงการถูกดึงดูดด้วยรูปร่างหน้าตาเท่านั้น”

“ถ้าเขาเห็นรูปลักษณ์ที่น่ารังเกียจของข้า แม้ว่าจะไม่ได้ดูหมิ่นข้า แต่ก็คงไม่ได้มีใจให้ข้าเช่นกัน”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซียวปี้เฉิงก็เงียบไปครู่หนึ่ง กล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ข้าไม่ได้ถูกรูปลักษณ์ของเจ้าดึงดูด”

แม้ว่าอวิ๋นหลิงจะยังดูเหมือนลูกเป็ดขี้เหร่ในสายตาขา แต่เขาก็ไม่สามารถยับยั้งความรักที่มีต่อนางได้

อวิ๋นหลิงเผยรอยยิ้มอย่างอ่อนโยน “ใช่แล้ว ท่านอ๋องต่างจากเขา”

ภายในใจเซียวปี้เฉิงรู้สึกอ่อนลง เมื่อครุ่นคิดถึงการที่ในใจของอวิ๋นหลิงมองเขาต่างจากหรงจั้น มันทำให้เขามีความสุขเป็นอย่างมาก

ก่อนที่เขาจะได้มีความสุข ก็ได้ยินอวิ๋นหลิงกล่าวขึ้น “รสนิยมของท่านค่อนข้างพิเศษ จิตใจของท่านดูปกติดีแม้ว่าท่านจะเผชิญกับใบหน้าเช่นนี้”

เซียวปี้เฉิง “...”

ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น ก็มีคนกลุ่มใหญ่มาเยี่ยมเยียนที่จวนจิ้งอ๋องอีกครั้ง คราวนี้มากันเป็นขบวนเลยทีเดียว

เซียวปี้เฉิงนอนลงบนเตียงอย่างรวดเร็ว แสร้งทำดวงตาไร้ชีวิตชีวา ร่างหายดูซีดเซียวและอ่อนแอ

อวิ๋นหลิงมองไปทางหน้าเรือนผ่านหน้าต่าง เบื้องหน้าของกลุ่มผู้มาเยือนก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากรุ่ยอ๋อง ด้านหลังเขามีกับชายหนุ่มสองคนยืนอยู่

หนึ่งในนั้นคือชายหนุ่มในเสื้อคลุมสีม่วงเข้ม ริมฝีปากเป็นสีดอกกุหลาบ มีฟันขาวใส ใบหน้าราวกับหยก อย่างไรก็ตาม แววตาของเขาช่างดูเด็ดเดี่ยวและกล้าหาญ เขาตามหลังรุ่ยอ๋องอยู่ไกล ๆ เมื่อเขาเข้ามาในจวนก็จับจ้องไปที่เหล่าสาวใช้ผู้งดงามในทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ