พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 74

รุ่ยอ๋องเห็นเขาเป็นเช่นนี้จึงพูดด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิดเล็กน้อย “เจ้าห้า วันนี้เรามาเยี่ยมเจ้าสามนะ เจ้าก็เพลา ๆ ลงบ้างเถอะ!”

ดูเหมือนบุคคลผู้นี้จะเป็นองค์ชายห้าที่มีข่าวลือว่าประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่งเมื่ออายุได้เจ็ดขวบ แต่ภายหลังกลับไม่เป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิเนื่องจากความสัมพันธ์ของเขากับสาวใช้ในวัง

องค์ชายห้ายิ้มขึ้น ยักไหล่อย่างเมินเฉย “พี่ใหญ่ก็กล่าวเกินไป ข้าแค่ดูเฉยๆ ไม่ได้ทำอันใดเสียหน่อย สาวใช้ในวังของข้าสวยกว่านี้มาก ท่านเห็นด้วยหรือไม่พี่รอง”

ได้ยินเช่นนั้น เสียนอ๋องและพระชายาซึ่งเดินนำอยู่ข้างหน้าก็หยุดลง

จู่ ๆ เจ้าชายผู้ทรงคุณธรรมก็ถูกเรียก เขายังคงตกตะลึงอยู่สองสามวินาทีก่อนที่จะหันกลับมา เผยให้เห็นรอยยิ้มที่เรียบง่ายและจริงใจ

“น้อง...ห้า...เรียก...ข้าหรือ”

“ใช่แล้วพี่รอง สาวใช้ในจวนของข้าสวยกว่าสาวใช้ในจวนของพี่สามใช่หรือไม่”

เสียนอ๋องผงกศีรษะอย่างกระฉับกระเฉง จากนั้นจึงค่อย ๆ กล่าวว่า “แต่... อาชิ่น...คือ...ผู้ที่...งดงามที่สุด”

ตั้งแต่ตกจากที่สูงตอนอายุสิบสองปี เขาก็กลายเป็นผู้พิการทางสมอง เขาพูดแต่ละคำอย่างช้า ๆ

สิ่งเดียวที่สามารถพูดได้อย่างลื่นไหล ก็มีเพียงชื่อของพระชายาเสียนอ๋อง

พระชายาเสียนอ๋องไม่เคยรังเกียจที่เขาเป็นคนพิการเลยแม้แต่น้อย นางเพียงจ้องมองอย่างเอาจริงเอาจังไปที่องค์ชายห้า เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจกับพฤติกรรมที่ไร้เหตุผลของเขา

องค์ชายห้าก็หาได้สนใจไม่ เพียงพึมพำกับตัวเองพลางลูบคางไปด้วย “พูดก็พูดเถอะ เหตุใดภายในจวนของพี่สามถึงได้มีองครักษ์มากถึงเพียงนี้ ทว่าสาวใช้กลับน้อยนิด อีกทั้งสาวใช้ที่งดงามยิ่งมีน้อยลงไปอีก หรือว่าจะเป็นคำสั่งของอาซ้อสาม”

นับตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นกับชิวซวง เซียวปี้เฉิงก็ได้จัดระเบียบจวนจิ้งอ๋องใหม่ทั้งหมด สาวใช้ที่มีรูปร่างหน้าตางดงามได้รับมอบหมายให้ไปอยู่ที่ด้านนอกเรือน

ความหมายเบื้องหลังคำพูดขององค์ชายห้าคืออวิ๋นหลิงนั้นเป็นคนขี้อิจฉา รุ่ยอ๋องขมวดคิ้วกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ

“อาซ้อสามของเจ้าไม่ใช่คนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีเท่าใดนัก ระวังนางจะได้ยินเจ้า มิฉะนั้นเจ้าก็อาจมีปัญหาตามมาได้”

องค์ชายห้ามองรุ่ยอ๋องด้วยความประหลาดใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินพี่ชายผู้ใจดีพูดถึงสตรีในลักษณะนี้

ยิ่งไปกว่านั้น ฉู่อวิ๋นหลิงเป็นคนที่หลงรักพี่ใหญ่มาหลายปี อีกทั้งเอาใจใส่เขามากไม่ใช่หรืออย่างไร

ด้วยเหตุผลบางประการ เขากลับรับรู้ได้ถึงความไม่พอใจอยู่บางส่วนในน้ำเสียงของรุ่ยอ๋อง...

ตลอดการสนทนา ชายหนุ่มอีกคนในเสื้อคลุมสีน้ำเงินที่ดูอ่อนกว่าวัยเพียงเดินตามหลังรุ่ยอ๋องไปติด ๆ เขาก้มศีรษะลงเล็กน้อย ไม่ได้กล่าววาจาอะไรเลย ราวกับว่าเป็นคนที่ไม่รับรู้สิ่งรอบข้างอย่างไรอย่างนั้น

อวิ๋นหลิงมีพลังจิตที่กล้าแกร่ง ด้วยประสาทสัมผัสทางการมองเห็นและการได้ยินที่เหนือกว่าคนธรรมดา ทุกคำพูดของรุ่ยอ๋องจึงไปถึงหูนาง ทำให้นางรู้สึกขบขันยิ่งนัก

นางได้ยินเสียงหัวเราะที่อดกลั้นไว้ของเซียวปี้เฉิง “หลังจากเหตุการณ์ที่เรือนซู่สือครั้งก่อน ดูเหมือนว่าตอนนี้พี่ใหญ่จะกลัวเจ้ามากเลยนะ”

รุ่ยอ๋องมีใบหน้าที่บางเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังโต้เถียงกับผู้คนไม่เก่ง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับอวิ๋นหลิงผู้ดื้อรั้นและเจ้าปัญหา เขาก็ไม่มีทางจัดการกับนางได้เลยแม้แต่น้อย

อวิ๋นหลิงเลิกคิ้วขึ้น ดวงตาแสดงความประหลาดใจ “ท่านได้ยินด้วยหรือ”

เซียวปี้เฉิงผงะ หยุดนิ่งไปชั่วครู่ “ได้ยินอะไรหรือ”

ระยะห่างระหว่างห้องนี้กับเรือนด้านนอกประมาณสิบห้าหรือสิบหกเมตร อีกทั้งรุ่ยอ๋องยังจงใจลดเสียงลงเมื่อพูด ทำให้คนธรรมดาไม่มีทางได้ยินอย่างแน่นอน

ก่อนที่อวิ๋นหลิงจะตอบ รุ่ยอ๋องและคนอื่น ๆ ก็มาถึงหน้าประตูแล้ว

องค์ชายห้าก้าวข้ามธรณีประตู เสียงของเขาเต็มไปด้วยพลัง “พี่สาม ! น้องหกและข้ามาเยี่ยมท่านแล้ว ท่านรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง”

ใบหน้าซีดสาวของเซียวปี้เฉิงดูค่อนข้างเหนื่อยล้า แต่การแสดงออกของเขายังคงแน่วแน่เช่นเคย

“ตอนนี้ยังไม่ใช่ปัญหาใหญ่อันใด เจ้าไม่ต้องกังวล”

รุ่ยอ๋องจงใจหลีกเลี่ยงการสบตากับอวิ๋นหลิง เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เจ้าสบายดีก็ดีแล้ว”

อย่างไรเสียพวกเขาก็เป็นพี่น้องกัน แม้ว่าพวกเขาจะเคยทะเลาะกันมาก่อนเพราะเรื่องของอวิ๋นหลิงและฉู่อวิ๋นหาน แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาเสียหาย

“คารวะ อาซ้อสาม”

องค์ชายห้าก้าวไปข้างหน้าและโค้งคำนับ ขณะที่ชายหนุ่มชุดคลุมสีน้ำเงินที่อยู่เบื้องหลังรุ่ยอ๋องก็มองไปที่อวิ๋นหลิงเช่นกัน เผยให้เห็นรอยยิ้มที่เขินอายเล็กน้อย

“คารวะ อาซ้อสาม”

อวิ๋นหลิงพยักหน้า ดูเหมือนว่าชายหนุ่มชุดคลุมสีน้ำเงินผู้ไร้ตัวตนคนนี้ ก็คือองค์ชายหกผู้ไม่เคยได้รับความสนใจใด ๆ นั่นเอง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ