คราวนี้เว่ยฉือเลี่ยเป็นฝ่ายมององค์หญิงหกอย่างตกตะลึงพรึงเพริด
เขาจ้องมองหญิงงามตรงหน้าอย่างตะลึงงัน แทบไม่เชื่อหูตนเอง
เดิมทีสิ้นหวังไปหมดแล้ว แต่ทันใดนั้นองค์หญิงหกก็บอกว่าอยากไปกับเขาอย่างนั้นหรือ
เว่ยฉือเลี่ยไม่ได้ปลาบปลื้มใจในทันที แต่มองนางอย่างเคร่งขรึม
“เหตุใดจู่ๆ องค์หญิงจึงตกปากรับคำกับข้า”
“ข้าอยู่ที่นี่แล้วไม่มีความสุข ข้าพำนักอยู่ในวังลึกมาสิบเจ็ดปี ที่ไกลสุดที่ข้าเคยไปคือสำนักศึกษาชิงอี้ที่อยู่นอกเมือง ตอนนี้ข้าอยากเห็นโลกที่ท่านบอกว่าไร้ความกังวลผืนนั้นสักครา”
นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนของเว่ยฉือเลี่ยเอ่อท้นไปด้วยความปีติยินดี
เขากล่าวเตือนให้แน่ใจอีกครั้ง “องค์หญิง ถึงทุ่งหญ้าดินแดนโม่เป่ยจะสวยงาม แต่ชีวิตก็ไม่สุขสบายเท่าการอยู่ในเมืองหลวงของแคว้นต้าโจว ท่านจะต้องไม่หุนหันพลันแล่นและตัดสินใจลวกๆ เช่นนี้”
องค์หญิงหกอดคลี่ยิ้มละไมไม่ได้ “ท่านนี่ทึ่มจริงเชียว ท่านไม่ได้ขอให้ข้าไปแดนทุ่งหญ้ากับท่านก่อนหรอกหรือ ไม่ง่ายเลยกว่าข้าจะเห็นด้วย แต่นี่ท่านกลับเริ่มลังเลเสียเอง หรือว่าที่ท่านพร่ำพูดไปเมื่อครู่นั้นเป็นการหลอกลวงข้า?”
“ไม่ใช่แน่นอน ข้าย่อมหวังว่าองค์หญิงจะไปกับข้า แต่ก็กลัวว่าจะทำให้ท่านต้องทนทุกข์ทรมานเช่นกัน”
“แล้วท่านจะปล่อยให้ข้าทุกข์ทรมานหรือเปล่า” องค์หญิงหกถามเขาเสียงแผ่วเบา
สายตาของเว่ยฉือเลี่ยจริงจังและกระจ่างใส “ถ้าองค์หญิงแต่งงานกับข้าเป็นชายา ข้าผู้แซ่เลี่ยจะปกป้ององค์หญิงไปตราบจนชั่วชีวิต จะไม่ทำให้ท่านรู้สึกเศร้าเสียใจแม้แต่น้อย จนกว่าข้าจะตายจากไป นี่คือคำพูดจากก้นบึ้งหัวใจของข้า จะรักษาสัจจะไม่คืนคำแน่นอน”
“...ดี เช่นนั้นข้าจะบอกท่านอย่างจริงจัง ที่ลั่นวาจาไปเมื่อครู่ ข้าจะรักษาสัญญาด้วยเช่นกัน”
เมื่อให้คำมั่นสัญญากันแล้วจะไม่กลับคำ
แววตาขององค์หญิงหกก็แน่วแน่ขึ้น ไม่หวั่นไหวแต่อย่างใด มุ่งมั่นและไม่เสียใจเหมือนเมื่อครั้งที่เว่ยฉือเลี่ยเห็นนางครั้งแรก
ในที่สุดเว่ยฉือเลี่ยก็อดยิ้มไม่ได้ แผ่นอกสั่นสะท้านเล็กน้อย ใบหน้าเผยให้เห็นความปรีดิ์เปรมและความอ่อนโยนอย่างไม่อาจปิดบัง
“องค์หญิง ข้าถามท่านไปแล้วสามรอบ ดังนั้นท่านจะไม่มีทางกลับคำได้แล้ว ชาตินี้ข้าเว่ยฉือเลี่ยจะต้องแต่งงานกับท่าน หาไม่แล้วจะไม่มีวันยอมแพ้เด็ดขาด!”
องค์หญิงหกเงยหน้าขึ้นมองสายตาที่ตรงไปตรงมาและอบอุ่นของเขา จากนั้นก็ค่อยๆ รู้สึกว่าพวงแก้มร้อนผ่าว หัวใจเต้นแรงโครมคราม
ไม่นึกว่านางจะออกเรือนไปเช่นนี้กับบุรุษแปลกหน้าที่รู้จักกันไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ
“ท่านข่าน บนแดนทุ่งหญ้ามีลูกแกะขนฟูเยอะแยะเลยจริงหรือไม่ ข้าไม่เคยเห็นลูกแกะตัวจริงมาก่อน ขนของพวกมันลูบแล้วจะนุ่มมือกว่าของเสวี่ยตูตูกับเสี่ยวทั่นทั่นหรือเปล่า”
เว่ยฉือเลี่ยอดนึกขำไม่ได้ “ใช่แล้ว ขนของพวกมันนุ่มนิ่มราวกับปุยเมฆ ถ้าท่านอยากสัมผัสละก็ ลองลูบผมของข้าดูก็ได้ ถึงจะไม่นุ่มละมุน แต่ก็หยิกเป็นลอนไม่ต่างจากของพวกมันเลย”
ขณะพูด เขาก็เผยรอยยิ้มอันลึกซึ้งและอ่อนโยนให้หญิงสาวที่เงยหน้าขึ้นมองเขา
ชายร่างสูงโย่งหนึ่งเมตรเก้าสิบ นั่งยองๆ ลงต่อหน้าองค์หญิงหกที่ร่างอรชรอ้อนแอ้น ก้มหน้าที่ยามปกติจะเชิดให้ดูสูงศักดิ์ลงเล็กน้อย
เว่ยฉือเลี่ยเก็บความหยิ่งทะนงตนทั้งหมดไว้ ย่อตัวลงประหนึ่งอัศวินผู้สุดแสนภักดี เต็มใจยอมจำนนต่อองค์หญิงอันเป็นที่รัก
องค์หญิงหกยื่นมือไปลูบผมหยิกสีน้ำตาลเข้มของเขาอย่างอดมิได้ ฝ่ามือสัมผัสลูบไล้เรือนผมที่เรียบเนียนและอ่อนโยนราวกับสายลมยามเย็น
“มิน่าจึงตั้งชื่อให้ท่านว่าเหมาเหมา”
นางหัวเราะคิกคัก ในน้ำเสียงกระจ่างใสค่อยๆ สลายความโศกเศร้าจางหายไป
นี่อาจเป็นเรื่องพลิกธรรมเนียมที่สุดที่นางเคยทำมาในชีวิต
การกระทำที่กล้าบ้าบิ่นเช่นนี้ทำให้ใจของนางสั่นสะท้านไม่หาย
ราวกับมีบางอย่างที่ถูกสะกดไว้ถูกปลดปล่อยออกมาตามธรรมชาติ และอยู่นอกเหนือการควบคุม
อนาคตเป็นเรื่องสับสน ยังไม่รู้และคาดเดาไม่ได้
แต่นางก็ใฝ่ฝันหา ตั้งตารอคอย และไม่เคยเสียใจเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...