สำหรับท่านป้าเฉียว นางไม่อยากให้หลานชายต้องทนทุกข์ทรมานอย่างแน่นอน
ถ้าเป็นไปได้ ก็ไม่อยากตัดนิ้วของจั๋วเอ๋อร์ออกไป แต่ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้เขาได้รับการปฏิบัติเหมือนเด็กปกติคนหนึ่ง
แต่ตอนนี้แม้จะไม่ได้ตัดนิ้วนั้นออกก็ตาม ทั้งนางและจั๋วเอ๋อร์ต่างก็ได้รับสิ่งที่พวกเขาต้องการแล้ว
ถึงแม้จะมีผู้คนจำนวนมากยังคงมองจั๋วเอ๋อร์ด้วยสายตาแปลกๆ แต่ท่ามกลางผู้คนนับหมื่นจะมีคนอย่างพระชายารัชทายาทแค่คนเดียวก็เพียงพอแล้ว
เห็นชัดว่าจั๋วเอ๋อร์ดีใจลิงโลด เด็กชายตัวน้อยที่เงียบๆ และขี้อายมาตลอด คราวนี้เริ่มมีชีวิตชีวาขึ้นมาบ้าง
ถึงอย่างไรก็ยังเป็นเด็ก หลังจากได้รับคำชมก็อยากใช้ความสามารถพิสูจน์ตัวเอง
เขาก้าวขาสั้นๆ เข้าไปหยิบเครื่องดนตรีขนาดเล็กหลายชิ้นออกมาจากห้อง แล้วบรรเลงให้อวิ๋นหลิงฟังทีละอย่างๆ
อวิ๋นหลิงมองด้วยสายตาประหลาดใจ “เขายังไม่เคยร่ำเรียนจริงจังก็สามารถเล่นได้เข้าท่าดีทีเดียว?”
ปฏิกิริยาของนางทำให้ท่านป้าเฉียวรู้สึกภูมิใจเล็กน้อย แย้มยิ้มพลางพยักหน้า
“ตอนพ่อของเขาอยู่บ้าน จะให้คำแนะนำบ้างเป็นครั้งคราว คิดว่าอีกสักสองปีเมื่อลูกโตขึ้น ก็จะเชิญนักดนตรีที่เชี่ยวชาญมาสอนเขา”
จั๋วเอ๋อร์บรรเลงเครื่องดนตรีเสร็จ ก็กระแอมให้คอโล่งแล้วร้องเพลงประจำเมืองหลวงให้อวิ๋นหลิงฟัง เสียงใสกังวานไพเราะเพราะพริ้งราวกับเสียงนกขมิ้นก็ไม่ปาน
แม้แต่คนที่แยกแยะเสียงสูงต่ำของดนตรีไม่ได้อย่างอวิ๋นหลิงก็ฟังออกว่าเขาร้องได้เป็นจังหวะจะโคนชัดถ้อยชัดคำและไพเราะเสนาะโสต
เด็กอัจฉริยะ น่ากลัวเช่นนี้นี่เอง!
เมื่อฉุกนึกถึงฮั่วถวนเอ๋อร์ อวิ๋นหลิงก็สัมผัสได้อย่างลึกซึ้งอีกครั้งว่าอะไรที่เรียกว่าลูกของคนอื่น
ทนนั่งรอต่อไปอีกทั้งบ่ายก็ถึงเวลาเย็นพลบค่ำแล้วที่ต้องเดินทางกลับวัง
อวิ๋นหลิงนั่งอยู่บนรถสามล้อไม้ พูดซุบซิบอย่างอดไม่ได้
“จวบจนกระทั่งบัดนี้เฉียวเย่ยังไม่คิดต่อสายพิณแต่งงานใหม่ใช่หรือไม่ สถานะยามนี้ของเขาไม่ดีเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ไม่น่าจะถึงกับหาภรรยาไม่ได้กระมัง”
ตำแหน่งขุนนางดูแลตำหนักบูรพานั้นจะอย่างไรก็เป็นถึงขุนนางขั้นสาม
ในฐานะคนสนิทของรัชทายาท เขามีอนาคตสดใส จะไม่มีคุณหนูบ้านไหนหรือผู้ใหญ่ท่านใดสนใจเขาบ้างเลยหรือ
เซียวปี้เฉิงหยักโค้งมุมปาก “เวลานี้ย่อมไม่มีอะไรดีไปกว่าเมื่อก่อน ปกติตอนที่ข้าเดินออกงานสังคม มีหลายต่อหลายคนเข้ามาเลียบเคียงถามถึงความคิดของเฉียวเย่จากข้า แต่ก็ถือได้ว่าตรงกับที่เจ้าพูดไว้ก่อนหน้านี้ แต่ก่อนพวกเขาไม่ชอบเฉียวเย่ แต่บัดนี้เฉียวเย่อยู่สูงจนเอื้อมไม่ถึงไปเสียแล้ว”
ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายเป็นเพียงหัวหน้าในจวนท่านอ๋องตาบอดคนหนึ่ง ภรรยาด่วนจากไป ลูกชายเกิดมาก็เคราะห์ร้าย ตระกูลดีๆ จะไม่ผลักไสลูกสาวมาเข้ากองไฟเป็นอันขาด
ตอนนี้สถานะของเฉียวเย่สูงขึ้น ย่อมมีคนตาร้อนผ่าวอยากเกาะแข้งเกาะขา แต่เฉียวเย่กลับปฏิเสธ
“อันที่จริงตั้งแต่พวกเราเข้าพำนักที่ตำหนักบูรพา มีแม่สื่อเข้ามาเยี่ยมเยือนตระกูลเฉียวหัวกระไดไม่แห้ง ท่านป้าเฉียวก็ดูตัวหญิงสาวแทนเขาไปไม่น้อย แต่ยังหาสตรีที่ถูกใจไม่ได้สักที”
“ตัดเรื่องที่ไม่สำรวมตัวพวกนั้นออกไปก่อน ตระกูลเฉียวเองก็ค่อนข้างไม่พอใจกับท่าทีของบ้านฝ่ายหญิงที่กำลังจะออกเรือนที่มีต่อจั๋วเอ๋อร์ ทั้งวางมาดไม่เจียมตัว รู้สึกว่าหากแต่งเข้ามาจริงๆ จะทำให้เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ ความจริงต้องให้ตระกูลเฉียวเป็นฝ่ายพูดเกลี้ยกล่อมจึงจะถูก”
ยามปกติเฉียวเย่จะดูแลงานตำหนักบูรพา ไหนเลยจะมีเวลาไปปลูกต้นรักคุยกะหนุงกะหนิงอย่างสมัยหนุ่มๆ ได้มากนัก
ที่ผู้ใหญ่พูดล้วนคือความจริง เขาไม่อาจมอบความรักอย่างหนุ่มสาวในจินตนาการให้อีกฝ่ายได้
“รองลงมาก็เป็นหญิงม่ายที่ผ่านชีวิตแต่งงานมาแล้ว ส่วนใหญ่มีลูกติดกันทั้งนั้น เฉียวเย่กังวลว่าเขาจะไม่ได้ดูแลเรือนหลังอย่างใกล้ชิด กลัวว่าจั๋วเอ๋อร์จะถูกกลั่นแกล้ง สุดท้ายก็ล้มเลิกไป เขาจะสื่อว่าไม่ว่าอย่างไรจั๋วเอ๋อร์สำคัญเป็นอันดับแรก หากแต่งภรรยาจะทำให้จั๋วเอ๋อร์รู้สึกน้อยใจ เช่นนั้นมิสู้ไม่แต่งจะดีเสียกว่า อย่างมากก็แค่รอจนกว่าจั๋วเอ๋อร์โตขึ้น ยืนหยัดมั่นคงแล้ว เขาค่อยทบทวนเรื่องของตัวเองอีกที”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...