พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 757

อวิ๋นหลิงคลี่ยิ้มเล็กน้อย “นางหนูตงชิงโตขึ้นมาก ตอนนี้รับภาระแต่เพียงผู้เดียวได้แล้ว เจ้าก็วางใจได้มาก”

ซวงหลีเอ่ยด้วยความขัดเขิน “หม่อมฉันเกรงว่าจะทำได้ไม่ดี จะทำให้พระชายารัชทายาทเสียความตั้งใจและผิดหวัง”

“ซวงหลี อย่าดูถูกตัวเอง เจ้าฉลาดกว่านางหนูตงชิงเป็นไหนๆ จัดการงานต่างๆ ในตำหนักบูรพาได้อย่างง่ายดาย ข้าคิดๆ ดูแล้วก็รู้สึกว่าไม่มีใครเหมาะสมกับตำแหน่งผู้อำนวยการมากไปกว่าเจ้าแล้ว”

โรงเรียนอนุบาลหลวงต่างจากสำนักศึกษาชิงอี้ เนื่องจากไม่ได้เน้นความสามารถด้านวรรณกรรมสูงนัก ที่สำคัญกว่านั้นคือสอนให้คนรู้จักวิธีจัดการกับเรื่องต่าง ๆ และสามารถปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลง

ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ที่จะเข้าเรียนในภายภาคหน้าล้วนเป็นลูกหลานของพวกขุนนางและชนชั้นสูง

การอยู่กับเด็กเล็กเหล่านี้ไม่เพียงต้องใช้ความอดทนและทักษะความสามารถ แต่ยังต้องใช้ความฉลาดทางอารมณ์ที่สูงอีกด้วย สิ่งเหล่านี้คือจุดแข็งของซวงหลี

แม้จะเป็นเด็กสาวอย่างหลิ่วชิงเยี่ยนกับหลี่เมิ่งชูมาทำงานที่ต้องใช้ความฉลาดหลักแหลมเช่นนี้ ก็อาจทำได้ไม่ดีเท่าซวงหลี

ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ซวงหลีเป็นหนึ่งในคนสนิทที่นางไว้เนื้อเชื่อใจ อีกฝ่ายก็ควรเป็นตัวแทนของนางอยู่ในโรงเรียนอนุบาลหลวง

“ตอนที่ข้าเปิดสำนักศึกษาชิงอี้ก่อนหน้านี้ ก็เคยคิดไว้แล้วว่าด้วยความสามารถของเจ้า จะให้เป็นกูกูผู้ดูแลอยู่ในวังก็น่าเสียดาย หากไปฝึกปรือที่สำนักศึกษาสักสองสามปี เจ้าอาจไม่ด้อยไปกว่าลูกศิษย์กลุ่มนั้นของข้าเลย”

“แต่ข้าคนเดียวเรี่ยวแรงมีจำกัด พูดอย่างเห็นแก่ตัวเลยว่าอยากให้เจ้าไปทำงานอื่นๆ แทนข้า ตอนนั้นไม่ได้ให้โอกาสเจ้าเข้าสำนักศึกษา ตอนนี้ข้ายกตำแหน่งผู้อำนวยการให้เจ้า นอกจากยอมรับความสามารถของเจ้าแล้ว จะยังชดเชยความรู้สึกทางใจในเรื่องนั้นให้เจ้าด้วย

อวิ๋นหลิงพูดอย่างจริงใจและตรงไปตรงมา ซวงหลีก็ชะงักไป

ไม่ใช่ว่านางจะไม่เคยอิจฉาและตั้งตารอสถานที่อย่างสำนักศึกษาชิงอี้ แต่นางเข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่นางได้รับตอนนี้เป็นผลมาจากความรักและความเมตตาของพระชายารัชทายาท

ด้วยเหตุนี้นางจะไม่ขออะไรอย่างโลภโมโทสันแน่นอน

แต่ไม่นึกว่าอวิ๋นหลิงจะจดจำเรื่องนี้ไว้ในใจเสมอมา

ดวงหน้าเรียวเล็กที่สุภาพและเยือกเย็นของซวงหลีเผยความตื้นตันใจครู่หนึ่ง “พระชายารัชทายาท...”

อวิ๋นหลิงระบายยิ้มพลางยกมือขึ้นตัดบทนาง “เอาละ เจ้ากับข้ารู้จักกันมานานแล้ว ไม่ต้องพูดอะไรที่หวานหูชวนเลี่ยนพวกนั้นหรอก ข้ายังมีเจตนาอีกเรื่องหนึ่งจึงได้ทำเช่นนี้ จะบอกเจ้าเลยแล้วกัน”

“ปีนี้เจ้าอายุสิบเก้าปี จวนจะยี่สิบแล้วสินะ ตอนนี้ตงชิงกับลู่ฉีได้ตกล่องปล่องชิ้นกันแล้ว แต่เรื่องแต่งงานของเจ้ายังไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ข้าย่อมกังวลอยู่บ้างเป็นธรรมดา ข้ารู้ว่าเจ้ามาจากวังของหยวนโม่ ได้รับการอบรมบ่มเพาะมาตั้งแต่เด็ก มีวิชาติดตัวอยู่ไม่น้อย และเป็นคนชอบศึกษาหาความรู้ กลุ่มทหารใหม่และองครักษ์ในวังก็ไม่เข้าตาเลยสักคน”

“อีกสองปีครึ่ง ศิษย์ชุดแรกของสำนักศึกษาชิงอี้จะเรียนจบและส่งไปทำภารกิจ ศิษย์บางส่วนในนั้น ภายหน้าข้าจะจัดให้พวกเขาฝึกงานสอนอยู่ในโรงเรียนอนุบาลห้าแห่งของเมืองหลวง นอกวังจะไม่เข้มงวดเหมือนในเมืองหลวง เจ้าจะเดินไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ หากในช่วงห้าปีนี้สามารถหาคนที่จะใช้ชีวิตที่เหลือร่วมกันได้ ข้าจะโล่งใจแน่นอน”

นางกำนัลในวังหลายคนไม่อาจตัดสินใจแต่งงานได้ด้วยตนเอง หากได้พบกับผู้เป็นนายที่ใจดี นับว่าโชคดีที่บั้นปลายจะฝากผีฝากไข้ไว้ได้

แต่คำว่าอิสระไม่เกี่ยวอะไรกับพวกนางเลย

เรื่องของลู่ฉีกับตงชิงนั้น หากซวงหลีพูดจากใจว่าไม่อิจฉาคงจะพูดปด แต่นางก็รู้สึกว่าด้วยสถานะของทั้งสองคน การจะคบกันก็ถูกทำนองคลองธรรมแล้ว ดูเป็นเรื่องปกติยิ่งนัก

นางรู้ว่าอวิ๋นหลิงจะไม่ทารุณนางเป็นแน่ แต่ไม่เคยคิดเลยว่าอวิ๋นหลิงจะมอบสิ่งที่ผู้คนนับไม่ถ้วนในวังลึกได้แต่เฝ้าหวังกับนาง นั่นก็คืออิสรภาพ

ถึงแม้ซวงหลีจะเป็นคนสุขุมนุ่มลึกมาตลอด ขอบตาพลันแดงเรื่อเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้ไปครู่หนึ่ง

นางกลั้นน้ำตาอันขมขื่นแล้วคลี่ยิ้มพูดเป็นเชิงติดตลก “พระชายารัชทายาทไม่ต้องการหม่อมฉันแล้วต่างหาก ท่านไม่คิดหรือว่าถ้าหม่อมฉันเจอคนที่รักจริงหวังแต่งขึ้นมาจริงๆ ต่อไปจะกลับเข้าวังไม่ได้แล้ว?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ