พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 761

สรุปบท ตอนที่ 761 ตีภรรยาเป็นเรื่องในครอบครัวข้า: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ

สรุปตอน ตอนที่ 761 ตีภรรยาเป็นเรื่องในครอบครัวข้า – จากเรื่อง พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ โดย Anchali

ตอน ตอนที่ 761 ตีภรรยาเป็นเรื่องในครอบครัวข้า ของนิยายโรแมนติกโบราณเรื่องดัง พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ โดยนักเขียน Anchali เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

จาวอวี้ซูลุกขึ้นมาด้วยท่าทีน่าสมเพช ลูบรอยเลือดที่ไหลออกมาจากจมูก เกิดความโมโหขึ้นมาทันที

“บังอาจ เป็นหญิงป่าเถื่อนมาจากไหนกัน ถึงกล้าลงมือกับข้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าพ่อช้าเป็น......”

เขาอวดเบ่งอย่างโมโห หลิวฉิงเตะเข้าที่คางของเขาอีกครั้งอย่างแม่นยำ

จางอวี้ซูล้มลงกับพื้นอีกครั้ง กรามบนและล่างกระแทกเข้าหากันอย่างรุนแรง เกือบทำให้ฟันของเขาร่วงออกมา

การแตะครั้งนี้ทำให้เขาไม่ทันระวังจนกัดลิ้นตัวเองเข้า ความเจ็บปวดกะทันหันทำให้น้ำตาไหลออกมา ปากชาไปหมดจนพูดไม่ออกสักคำ ได้แต่สูดลมหายใจเย็นอยู่กับพื้นอย่างทนไม่ไหว

“ทำไม พ่อเจ้าใหญ่นักหรืออย่างไร ข้าไม่สนว่าพ่อเจ้าเป็นใคร ลงมือทุบตีคนท้องกลางถนนก็สมควรถูกสั่งสอน”

หลิ่วฉิงพูดด้วยเสียงเย็นยะเยือก ดวงตาคมกริบจ้องมองไปที่ใบหน้าของจางอวี้ซู

“ได้ยินเจ้าพูดเมื่อกี้นี้ นั่นเป็นภรรยาเจ้าอย่างนั้นหรือ แม้แต่ลูกเมียตัวเองยังลงมือได้ คนอย่างเจ้า แค่เตะและต่อยยังนับว่าเบาไป”

เพราะคิดว่ายังอยู่ในดินแดนต้าโจว ดาบที่เหน็บข้างเอวจึงไม่ได้ออกจากฝัก

มิเช่นนั้นหากทำตามกฎหมายของเป่ยฉิน ด้วยสถานะแม่ทัพซวนหยางของหลิวฉิง มีสิทธิ์ที่จะฟันหูข้างหนึ่งของเขาทิ้งเพื่อเป็นการลงโทษ

น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำเย็นชานี้ดังขึ้น เหล่าคนคุ้มกันของตระกูลจางที่ยืนดูอย่างตกตะลึงที่สุดก็ได้สติกลับคืนมา

พ่อบ้านมีหนวดเอ่ยด้วยน้ำเสียงตกใจปนขุ่นเคืองว่า “บังอาจ กล้าลงมือกับคุณชาย ยังไม่รีบจับตัวผู้หญิงคนนี้อีก”

พูดจบ ชายหนุ่มร่างกายกำยำทั้งหกก็พุ่งเข้าไปหาหลิวฉิงด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร

เมื่อเห็นว่าหญิงสาวรูปร่างผอมบางกำลังจะถูกผู้ชายสูงใหญ่ล้อมโจมตี ชาวบ้านที่ถูกไล่ออกไปไกลไม่มีใครไม่รู้สึกตื่นตกใจ

สองสามีภรรยาอวิ๋นหลิงกลับไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องของจางอวี้ซู

เดินไปทางด้านหลังของหลี่เมิ่งเอ๋อร์ สายตาที่แหลมคมของเซียวปี้เฉิงเหลือบไปเห็นร่องรอยเลือดหยดเล็กๆที่ซึมออกมาจากเสื้อของนาง

นางเจ็บจนเป็นลมสลบแล้ว ไม่ได้สติแล้ว

“หลิงเอ๋อร์ เจ้ารีบไปดูอาการของนางว่าเป็นอย่างไรบ้าง”

แม้จะไม่ชอบหลี่เมิ่งเอ๋อร์ และทั้งสองก็เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาไม่น้อย แต่ที่สุดแล้วอีกฝ่ายก็เป็นหญิงที่ยังอยู่ในช่วงตั้งครรภ์

เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจและโกรธเคืองต่อสิ่งที่หลี่เมิ่งเอ๋อร์ต้องเผชิญ

อวิ๋นหลิงรีบเจ้าไปตรวจสอบลมหายใจและชีพจรของหลี่เมิ่งเอ๋อร์ แล้วใช้พลังจิตในการตรวจสอบอาหารของทารกที่อยู่ในครรภ์ของนาง

“อาหารไม่ค่อยดีเท่าไหร่ นางมีเลือดออกแล้ว อีกอย่างเหมือนว่าน้ำ คร่ำของนางจะแตก ก่อนอื่นต้องคิดหาวิธีพานางไปยังโรงหมอที่ใกล้ที่สุด”

ลู่ฉีรีบพูดขึ้นว่า “พระชายารัชทายาท ที่ใกล้จุดนี้มากที่สุดก็คือโรงยาของพวกเรา”

“ไม่สามารถนั่งรถม้าได้ คิดหาวิธีเอาแปลหามมา ให้นางนอนราบกลับไป”

อวิ๋นหลิงพูดจบ แล้วก็เสริมขึ้นมาว่า “เอาเบาะรองในรถม้าออกมาให้ข้า”

ลู่ฉีรีบพยักหน้าและทำตามคำสั่งทันที

เซียวปี้เฉิงตัดสินใจทันที สั่งการลูกน้องที่ติดตามสองคน ไปยืมผ้าสองสามผืนจากร้านขายเสื้อผ้าข้างถนนมา กางออกเพื่อล้อมตัวหลี่เมิ่งเอ๋อร์เอาไว้ ปิดกั้นสายตาของชาวพวกชาวบ้าน ปกป้องชื่อเสียงและเกียรติของนาง

ภายใต้การขอความช่วยเหลือของพวกเขา มีชาวบ้านใจดีช่วยหาแปลหามมาให้

เซียวปี้เฉิงทำเรื่องทั้งหมดให้เรียบร้อย ก่อนจะกลับไปอยู่ข้างการภรรยา

“เป็นอย่างไรบ้าง เห็นนางไม่ได้สติ จะเป็นอันตรายถึงชีวิตหรือไม่”

“นางอายุน้อยเกินไป ทั้งยังเป็นการตั้งครรภ์ครั้งแรก อายุครรภ์ยังไม่ครบกำหนด จำเป็นต้องใช้ขาช่วยในการคลอด ข้าจะฉีดยาระงับปวดให้นางก่อน”

เวลานี้ อวิ๋นหลิงที่ท้องโตไม่สะดวกจะนิ่งลง ได้แต่เอาเบาะนุ่มที่รองรถเข็นไม้ออกมา คุกเข่าตรงหน้าหลี่เมิ่งเอ๋อร์เพื่อฉีดยา

มองดูผมเผ้าที่รุงรังและใบหน้าที่บวมแดงของอีกฝ่าย ยังมีใบหน้าที่ซีดเผือดและดวงตาที่ปิดสนิท ในใจอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสับสน

เซียวปี้เฉิงมองลงไปที่เขา สายตามีแววเย็นชาขุ่นเคือง

“จางอวี้ซู เจ้าบังอาจยิ่งนัก ที่นี่อยู่ห่างจากศาลต้าหลี่แค่หนึ่งช่วงถนน เจ้าถึงกับกล้าก่อเหตุทำร้ายร่างกายกลางถนน อีกทั้งยังเป็นการทำร้ายภรรยาของตนเองที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ด้วย ไม่ต่างอะไรกับสัตว์เดรัจฉานจริงๆ ไม่คำนึงถึงจริยธรรมใดๆ ไม่เห็นกฎหมายและอำนาจของฮ่องเต้อยู่ในสายตา”

สองขาของจางอวี้ซูอ่อนระทวยราวกับนุ่น ทันใดนั้นก็รีบคุกเข่าลงอย่างตื่นตระหนก พูดจาสะเปะสะปะอธิบายแก้ต่างให้ตนเอง

ในใจก็ร้องโอดครวญไม่หยุด ก็ไม่รู้ว่าทำไมตนเองจึงได้ดวงซวยเช่นนี้ ถึงได้พบเข้ากับรัชทายาท

“องค์รัชทายาท กระหม่อมสติเลอะเลือนไปชั่วขณะ เมิ่งเอ๋อร์นางตั้งครรภ์แปดเดือนแล้วยังวิ่งออกมากลางถนน.....ข้า ข้าก็แค่รู้สึกเป็นห่วง......ไม่ผิด รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาชั่วขณะ โกรธที่นางไม่เชื่อฟัง เกรงว่าจะกระทบลูกในครรภ์ จึงได้มีอารมณ์รุนแรงไปหน่อย”

หลิวฉิงฟังเขาที่พูดจาเหลวไหลเพื่อแก้ต่าง เข้าไปยกมือตบไปที่ใบหน้าเขาอีกครั้งอย่างแรง

ตอนนี้จางอวี้ซูผมเผ้ายุ่งเหยิง แก้มทั้งซ้ายขาล้วนถูกนางตบจนบวมเบ่งราวกับหัวหมู ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเลือดดูแล้วน่าสมเพชกว่าหลี่เมิ่งเอ๋อร์ด้วยซ้ำ

“ขออภัย คำพูดพล่อยๆของเจ้าก็ทำให้รู้สึกอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นมาชั่วขณะเหมือนกัน”

หลิวฉิงพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ดวงตาไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆทั้งสิ้น

จางอวี้ซูตอบโต้ทันควัน “ข้าทำร้ายภรรยาเป็นเรื่องในครอบครัวของข้า ผู้หญิงไม่เชื่อฟังต้องตีเท่านั้นถึงจะได้ผล เจ้าจะไปรู้อะไร เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร มาสอดอะไรกับเรื่องในตระกูลจางของข้า”

“องค์รัชทายาท ผู้หญิงคนนี้ต่างหากที่เป็นคนทำร้ายผู้อื่นกลางถนน ทรงรีบให้องครักษ์จับตัวนางเอาไว้เถอะ ข้าจะไปฟ้องร้องนางที่ศาลต้าหลี่”

เซียวปี้เฉิงคร้านแม้แต่จะค้อนให้กับเจ้าคนไม่เอาไหนคนนี้

เขาเบี่ยงตัวเชิดคางขึ้นเล็กน้อย สั่งการองครักษ์ลาดตระเวนด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เวลากลางวันเสกๆ จางอวี้ซูประทุษร้ายภรรยาที่ตั้งครรภ์ต่อหน้าฝูงชน การกระทำนี้ร้ายแรงและน่าขุ่นเคือง รีบนำตัวเขาไปส่งที่ศาลต้าหลี่เพื่อคุมขังและรอการไต่สวน”

“พวกเจ้าไปส่งข่าวให้จวนจาง บอกว่าจางอวี้ซูลบหลู่แม่ทัพซวนหยางแห่งเป่ยฉิน ไม่เคารพแขกคนสำคัญของต้าโจว ให้รองเสนาบดีจางรีบเข้าวังเพื่อรับโทษทันที”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ จางอวี้ซูก็ตกตะลึงตาค้าง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ