พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 763

สรุปบท ตอนที่ 763 เมิ่งชูมาแล้ว: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ

ตอนที่ 763 เมิ่งชูมาแล้ว – ตอนที่ต้องอ่านของ พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ

ตอนนี้ของ พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ โดย Anchali ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนติกโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 763 เมิ่งชูมาแล้ว จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

เมื่อถึงเวลาค่ำ หลี่เมิ่งเอ๋อร์ก็รู้สึกปวดท้องถี่ขึ้นเรื่อยๆ

อวิ๋นหลิงตอนนี้ก็เป็นคนที่เคยมีประสบการณ์มาแล้ว ให้คนเตรียมน้ำร้อนไว้ให้พร้อมตลอดเวลา อีกทั้งยังเชิญนางผดุงครรภ์โดยเฉพาะมาช่วยดูแล

แม่ครัวของโรงยาทำเกี๊ยวน้ำและน้ำแกงไข่ไก่ที่มีรสชาติอ่อน เพื่อให้แน่ใจว่าเวลาคลอดลูกจะได้มีพละกำลัง

หลี่เมิ่งเอ๋อร์นอนอยู่บนตั่งด้วยสีหน้าตายด้าน ปล่อยให้ท่านหมอหญิงและนางผดุงครรภ์จัดการได้ตามใจ ตั้งแต่ถูกช่วยเหลือกลับมายังโรงหมอก็ไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว

กระทั่งท้องยิ่งอยู่ก็ยิ่งปวดขึ้นมา จึงอดไม่ได้ที่จะครางออกมา

“พระชายารัชทายาท นางใกล้จะคลอดแล้ว ดูแล้วไม่ใช่ปัญหาใหญ่ ท่านไปพักผ่อนข้างๆเถอะ ที่นี่มอบให้พวกเราจัดการก็พอ”

นางผดุงครรภ์พูด ขอร้องให้อวิ๋นหลิงไปพักผ่อนที่เรือนด้านข้าง

การที่หญิงสาวคลอดลูกสำหรับคนทั่วไปแล้วถือเป็นเรื่อง”สกปรก” ผู้ชายดูไม่ได้ ผู้สูงศักดิ์ก็ดูไม่ได้

ยิ่งไปกว่านั้นในท้องของพระชายายังมีลูกที่ยังไม่ลืมตาดูโลก ถ้าเกิดดวงชงขึ้นมาจะทำอย่างไร

อวิ๋นหลิงมองคนที่นองอยู่บนเตียงแวบหนึ่ง ลักษณะท่าทีนิ่งสงบมาก

สมแล้วที่เคยเป็นอันดับหนึ่งของสำนักศึกษาเป่ยลู่ ฝีมือการขี่ม้ายิงธนูก็ไม่แพ้ผู้ชาย สุขภาพร่างกายก็แข็งแรงมาก

บวกกับนางอายุยังน้อยร่างกายจึงมีพื้นฐานที่ดี แม้จะคลอดก่อนกำหนด สถานการณ์ก็ไม่ได้อันตราย กระทั่งยังดีกว่าหญิงอ่อนแอทั่วไปด้วยซ้ำ

เมื่อมั่นใจแล้ว อวิ๋นหลิงก็พยักหน้า จะไปกินของว่างสองสามชิ้นให้อิ่มท้องในห้องข้างๆ

จู่ๆก็ได้ยินเสียงหลี่เมิ่งเอ๋อร์เอ่ยปากขึ้นมา ด้วยเสียงอ่อนแอ

“วันนี้ไม่มีใครมาตามหาข้าที่โรงหมอเลยหรือ”

อวิ๋นหลิงชะงักไป ตอบว่า “คนตระกูลจางตอนนี้แทบจะเอาตัวไม่รอดแล้ว เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง”

“ท่านรู้ดีแก่ใจ ข้าไม่ได้ถามถึงตระกูลจาง” หลี่เมิ่งเอ๋อร์หันมา มองนางด้วยสายตาที่ไร้ชีวิตชีวา เอ่ยถามเสียงเบาว่า “พวกท่านส่งข่าวให้ตระกูลหลี่แล้ว ใช่หรือไม่”

บรรยากาศหนักอึ้งขึ้นมาทันที

หลี่เมิ่งเอ๋อร์หัวเราะเสียงต่ำ แสงในแววตาหม่นหมองลง

“เป็นอย่างที่คิดจริงๆด้วย ข้ารู้ตั้งแต่แรกแล้ว กลับยังพูดมากเอ่ยถาม......ซี้ด......”

นางพูดได้เพียงครึ่งเดียว ก็อดไม่ได้ที่จะร้องอย่างเจ็บปวดขึ้นมา องคาพยพทั้งใบหน้าบิดเบี้ยวไปหมดเพราะความเจ็บปวด

ที่สุดแล้วอวิ๋นหลิงก็ไม่ได้จากไปไหน แต่ใช้มือประคองเอวตัวเองเดินอ้อมฉากกั้น นั่งลงบนเก้าอี้ไม้หน้าประตูเพื่อเฝ้าสังเกตการณ์

“พวกเจ้าดูแลนางด้วย ข้าจะนิ่งหน้าประตูรับลมสักหน่อย มีอะไรผิดปกติให้รีบบอกข้าทันที”

นางพูดอย่างรู้สึกเหนื่อยอยู่บ้าง ร้องเรียกให้พี่ฉิงช่วยเอาของว่างและน้ำอุ่นมาให้

พอตั้งครรภ์ก็มักจะเป็นเช่นนี้ ไม่ทันระวังก็หิวเร็วมาก

หลังจากที่หลิวฉิงเอาของมาให้ นั่งลงข้างกายนางก่อนจะถามเสียงต่ำว่า “น้องสาวคนนี้ใช่ศัตรูหัวใจของเจ้าก่อนหน้านี้ใช่หรือไม่ ทำไมนางจึงได้มีสภาพน่าสมเพชเช่นนี้”

เมื่อได้ยินลู่ฉีบ่นอยู่หลายครั้ง ในที่สุดนางก็จำคนที่ชื่อหลี่เมิ่งเอ๋อร์ได้แล้ว

เหมือนก่อนหน้านี้เคยอยากจะเป็นพระชายารองรัชทายาท ยังเคยถูกเด็กซนอย่างเสวียนจีเผาเส้นผมด้วย

“อธิบายสองสามประโยคคงไม่เข้าใจ ประเดี๋ยวค่อยๆเล่าให้ท่านฟังแล้วกัน”

หลิวฉิงพยักหน้า ได้ยินเสียงที่ดังขึ้นมาจากด้านใจ ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นอีกว่า “เด็กคลอดออกมาแล้วจะทำอย่างไร นางถูกฮ่องเต้ประทานงานแต่งงานให้ ไม่มีทางที่จะเอ่ยเรื่องหย่าได้เอง”

“ถ้าถูกคนตระกูลจางเอาตัวกลับไป ไหนเลยจะเป็นเรื่องที่ดีได้ โรงยาของเจ้าสามารถให้นางพักได้เพียงชั่วคราวระยะหนึ่งเท่านั้น ไม่มีทางให้นางอยู่ที่นี่ตลอดไปได้”

สมัยโบราณก็เป็นเช่นนี้ทั้งนั้น หญิงสาวที่แต่งงานแล้วต้องอยู่ที่บ้านสามี แม้ความรู้สึกจะไม่ลงรอยกันและแยกกันอยู่ ก็ต้องกลับไปอยู่ที่บ้านมารดา อีกทั้งยังเป็นเรื่องที่มักจะถูกคนอื่นวิจารณ์ว่าเป็นเรื่องน่าอาย

หลี่เมิ่งเอ๋อร์ในตอนนี้หนึ่งไร้ทรัพย์สินสองไร้ที่พึ่ง นางไม่มีทางจะมีชีวิตที่หลุดพ้นจากตระกูลจางได้

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีทารกแรกเกิดอีกคน

“สถานการณ์ของตระกูลตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง เจ้ารู้หรือไม่”

หวนเอ๋อร์พยักหน้า รีบเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนออกมาทันที

“เช้านี้หลังจากที่คนในจวนได้รู้ข่าวจากองครักษ์ลู่ คุณชายใหญ่อยากจะเร่งเดินทางไปที่โรงยาของพระชายารัชทายาททันที แต่ไม่ว่าอย่างไรฮูหยินกับนายท่านก็ไม่ยอม บอกว่าท่านเสนาบดีมีคำสั่งไม่ให้ใครยุ่งเรื่องนี้ มิเช่นนั้นจะนำเคราะห์ร้ายมาสู่ตระกูลหลี่ ถ้าหากใครไปก็จะถูกไล่ออกจากตระกูลหลี่”

“คุณชายใหญ่ได้ยินแล้วก็ยังดึงดันจะไป นายท่านกับฮูหยินรู้สึกร้อนใจมาก จึงเรียกให้บ่าวที่เฝ้าเรือนมาตีคุณชายใหญ่ให้สลบก่อนจะขังเอาไว้ในเรือน”

“ก่อนหน้านี้คุณหนูได้คอยกำชับข้าให้คอยจับตาข่าวคราวของคุณหนูเมิ่งเอ๋อร์ เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ บ่าวมิกล้าชักช้า จึงฉวยโอกาสตอนค่ำที่คนในจวนต่างก็พักผ่อนแล้ว แอบไปส่งข่าวที่สำนักศึกษา”

เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นสองสามีภรรยาอวิ๋นหลิงในระยะใกล้ หวนเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น แต่ก็เล่าทุกอย่างออกมาได้อย่างชัดถ้อยชัดคำ เห็นได้ชัดว่าเป็นหญิงสาวปราดเปรื่องคนหนึ่ง

หลังจากที่อวิ๋นหลิงได้ยิน ก็ยากจะบิดปังอารมณ์ที่สับสนในใจเอาไว้ได้

ไม่รู้ว่าควรทอดถอนใจต่อความเห็นแก่ตัวไร้น้ำใจของคนตระกูลหลี่ หรือควรทอดถอนใจกับตระกูลที่เป็นเช่นนี้ แต่ก็ยังเลี้ยงดูหลี่เมิงชูกับหลี่หยวนเส้าที่”แตกต่าง”ออกมาได้

หลี่เมิ่งชูดื่มชาหมดแล้ว จึงทำการคำนับอวิ๋นหลิง

“พระชายารัชทายาท ข้าขอไปดูเมิ่งเอ๋อร์ก่อน แม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเราสองคนจะขัดแย้งไม่พอใจกัน แต่ที่สุดแล้วก็เป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน เวลานี้สามารถอยู่เป็นเพื่อน

พูดจบ นางก็รีบก้าวเท้าเข้าไปในห้องที่มีกลิ่นไม่ค่อยดี หวนเอ๋อร์รีบเดินตามไปติดๆ

บนเตียง หลี่เมิ่งเอ๋อร์ที่ร้องครางด้วยความเจ็บปวดมีเหงื่อออกเต็มร่าง เส้นผมยุ่งเหยิงแนบไปกับใบหน้า

นางผดุงครรภ์คอยปลอบและให้กำลังใจอยู่ข้างๆไม่หยุด แต่นางกลับฟังไม่เข้าหูเลยสักคำ สับสนวุ่นวายอยู่ในวังวนแห่งความเจ็บปวด

ทันใดนั้น มีเสียงร้องเรียกที่ทั้งรู้สึกคุ้นเคยและไม่รู้จักดังขึ้นข้างหู

“เมิ่งเอ๋อร์......”

นางสะท้านไปทั้งร่าง ได้สติขึ้นมาทันที หันไปมองยังต้นเสียงด้วยจิตใต้สำนึก

เสี้ยววินาทีที่เห็นเงาร่างที่คุ้นเคย ริมฝีปากของหลี่เมิ่งเอ๋อร์สั่นเล็กน้อย สายตามีแววไม่คาดคิดวาบผ่าน แม้แต่เสียงร้องเจ็บปวดก็ลืมไปชั่วขณะ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ