พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 77

เซียวปี้เฉิงมึนงงไปชั่วขณะ ใช้เวลานานนับนาที จึงจะประมวลผลเรื่องน่าตกใจจากอวิ๋นหลิง

“ได้เป็นเจ้าของพลังแข็งแกร่งเช่นนี้แล้ว นับว่าเป็นคนหรือปีศาจร้ายกันล่ะ?”

เมื่อจู่ๆ ก็ได้ครอบครองพลังเช่นนี้ เขาไม่ได้ดีอกดีใจแต่กลับมีความรู้สึกสับสนวุ่นวายยากจะอธิบายได้

นี่มันช่างเหนือความคิดของมนุษย์โลกจริงๆ

มนุษย์นั้นแต่ไหนแต่ไรมาก็กลัวสิ่งลี้ลับเป็นทุนเดิม อวิ๋นหลิงนั้นเข้าใจในความสับสนกังวลของเซียวปี้เฉิงเป็นอย่างดี ครั้นนึกไปถึงตอนที่นางพึ่งฟื้นขึ้นมา นางเองก็มีปฏิกิริยาเช่นเดียวกันกับเขาไม่มีแม้ความตื่นเต้นหรือดีอกดีใจ มีเพียงแต่ความสับสนกังวล รู้สึกเหมือนตนเป็นตัวประหลาด

พร่ำคิดเพียงแต่ว่าตนนั้นไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งที่ถูกวิจัยมาจากยาที่ไม่รู้แหล่งที่มา

ยิ่งมองท่าทางของเขาแล้ว อวิ๋นหลิงก็อดไม่ได้ที่จะพูดปลอบเขาอย่างอ่อนโยน “พลังเช่นนี้เดิมทีล้วนมีอยู่ในตัวมนุษย์อยู่แล้วท่านแค่ต้องค่อยๆ เปิดใจยอมรับมัน”

“จากนี้ไป ทุกๆ คืนท่านต้องพักที่เรือนของข้า ข้าจะใช้หินอุกกาบาตช่วยให้ท่านฟื้นฟูร่างกายให้เต็มที่ รวมทั้งข้าจะแนะนำวิธีการใช้และควบคุมพลังนี้ด้วย”

อวิ๋นหลิงไม่ได้พูดปลอบโยนเขามากนัก รอให้เขาปรับตัวและชินกับพลังไปเองดีกว่า

เซียวปี้เฉิงสูดหายใจเข้าปอด มองท่าทางที่ใจเย็นของอวิ๋นหลิง จิตใจก็พลันสงบนิ่งลงไม่น้อย

เขาพยักหน้ารับรู้ “อืม!”

มนุษย์เกิดมาก็กลัวความโดดเดี่ยว แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่กังวลว่าตนนั้นจะเข้ากับคนอื่นๆ ได้หรือไม่ การได้พบกับคนที่เหมือนกันในโลกที่ไม่คุ้นเคยเช่นนี้ อวิ๋นหลิงเองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโล่งใจและสบายใจเมื่อได้พบเขา

เซียวปี้เฉิงเองก็คิดเช่นกัน

……

ยามพลบค่ำ เซียวปี้เฉิงพักอยู่ภายในเรือนหลันชิง

บ่าวประจำโรงฟืนที่ยกน้ำร้อนมา และตงชิงที่นำเสื้อผ้าอาภรณ์มาให้ เมื่อเห็นเซียวปี้เฉิงก็อยู่ในห้องของอวิ๋นหลิงด้วย พวกนางก็ตกใจจนต้องรีบเอามืออุดปากกลัวว่าจะหลุดเสียงกรี๊ดตื่นเต้นออกมา

คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะยอมมานอนร่วมห้องกับพระชายาแล้ว! ช่างน่าทึ่งจริงๆ!

“รีบไปอาบน้ำเถิด อาบเสร็จแล้วข้าจะพาท่านทำสมาธิ”

นี่ก็ไม่นับว่าเป็นพิธีกรรมอะไร เป็นเพียงแค่การอาบน้ำชำระพลังจิตเพื่อช่วยผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ ช่วยให้เข้าถึงการทำสมาธิได้อย่างลึกซึ้งเพียงเท่านั้น

อวิ๋นหลิงพูดว่าการทำสมาธินั้นต้องมีจิตที่สงบจึงจะสำเร็จ แต่เซียวปี้เฉิงกลับเอาแต่เหม่อมองถังน้ำร้อนอย่างไม่วางตา ไม่มีจิตที่สงบเลยสักนิด

เขากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ พูดขึ้นนิ่งๆ ว่า “ให้ข้าช่วยถูหลังให้เจ้าไหม?”

ไหนๆ ก็เป็นสามีภรรยากันแล้ว นอนก็นอนด้วยกันมาแล้ว แค่อาบน้ำถูหลังให้กันก็คงจะเป็นเรื่องปกติกระมัง?

อวิ๋นหลิงยังคงปิดเปลือกตาสนิท “ไม่ต้อง อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าท่านกำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนหน้านี้ท่านแสร้งทำเป็นตาบอดเพื่อหลอกข้า แถมยังแอบดูข้าตอนอาบน้ำอีก นี่ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีกับท่านเลยนะ!”

เห็นได้ชัดว่าอวิ๋นหลิงคาดโทษเรื่องที่เขาหลอกนาง ไม่ใช่เรื่องที่แอบดูนางตอนอาบน้ำ

สำหรับนางแล้ว เรื่องแรกคงจะร้ายแรงกว่าเรื่องหลังมาก

เซียวปี้เฉิงหน้าเจื่อน กัดฟันพยายามอธิบายอย่างกล้าหาญ “เพราะคืนนั้นจู่ๆดวงตาข้าก็ดีขึ้นมากะทันหัน ใครเล่าจะรู้ว่าเจ้าอาบน้ำอยู่ในห้องของข้าพอดี ที่ข้าไม่ส่งเสียงพูดอะไรไปเพราะเกรงว่าเจ้าจะเขินอาย…”

“จู่ๆ ก็เป็นคนดีขึ้นมางั้นหรือ? ข้าเห็นว่าท่านก็ปรับตัวได้ดีหนิ แอบดูข้าอยู่ทุกคืนด้วยหน้าตาเฉย”

เซียวปี้เฉิงเม้มปากเงียบกริบ

เขารู้ว่าตนเองบริสุทธิ์ใจ มีฉากกั้นบังอยู่เขาจะเห็นอะไรกันล่ะ?

เขามองไม่เห็นอะไรเลยแท้ๆ แต่โดนหาว่าเป็นไอ้บ้ากามจนได้

“ท่านไปสงบจิตสงบใจในเรือนเถอะ หากใจท่านยังว่อกแว่กเช่นนี้ก็กลับเรือนซู่สือของท่านไป อย่าเสียเวลามารบกวนการนอนของข้า”

อวิ๋นหลิงเอ่ยออกมาขนาดนี้แล้ว เซียวปี้เฉิงมีหรือจะกล้าอยู่ต่อ รีบกลับไปสงบสติอารมณ์ในเรือนทันที

เขาเงยมองดวงจันทร์อย่างขมขื่น พลางนั่งตากลมพลางถอนหายใจ

รู้เช่นนี้ เมื่อครู่เขาลงไปอาบน้ำเย็นเสียดีกว่า

เซียวปี้เฉิงนั่งรับลมเย็นยามค่ำคืนอยู่นานสองนานกว่าอารมณ์ร้อนรุ่มภายในกายจะดับไปก็ค่ำมืดเสียแล้ว

อวิ๋นหลิงที่กำลังเช็ดผมหลังจากอาบน้ำเสร็จ เพราะโบราณว่าผมเป็นสิ่งสำคัญต่อความงามของหญิง และเหล่าสาวงามก็ห้ามตัดผมเองตามอำเภอใจ

ร่างร่างนี้ก็ถือว่ามีผมที่ดกดำเงางาม แต่เอาเข้าจริงเมื่อต้องมาดูแลร่างอันสมบูรณ์แบบเช่นนี้แล้วก็ยุ่งยากอยู่เหมือนกัน

เซียวปี้เฉิงเมื่อเห็นท่าทางที่เงอะงะของนาง เขาก็หยิบเอาผ้าเช็ดหน้ามายืนซ้อนด้านหลังของนางทันที “ให้ข้าช่วยเจ้าเถอะ”

อวิ๋นหลิงไม่ปฏิเสธความช่วยเหลือของเขา นางนั่งอยู่หน้ากระจกทองแดงปล่อยให้เขาช่วยเช็ดผมให้

แสงเทียนที่กำลังวูบไหว อยู่บนกระจกทองแดงสะท้อนใบหน้าหล่อเหลาของเซียวปี้เฉิงจางๆ

ภายใต้แสงสลัวๆ ใบหน้าอันเคร่งขรึมของเขาก็ดูอ่อนโยนผิดปกติ อวิ๋นหลิงเมื่อเห็นเช่นนั้นก็หวั่นไหวเล็กน้อย

เส้นหนาผมนุ่มที่กำลังเปียกหมาดๆเมื่อสัมผัสที่มือเขา เซียวปี้เฉิงเองก็รู้สึกเงียบสงบและอบอุ่นภายในใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

มีคนคอยปรนนิบัติรับใช้กว่ายี่สิบปี และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับใช้หญิงผู้นี้ เขาหัวเราะในใจ ใครจะไปคิดกันล่ะว่าจะมีวันนี้?

สายตาอันแหลมคมจ้องมองไปที่ลำคอระหงของอวิ๋นหลิงอย่างไม่รู้ตัว แม้จะสวมเสื้อตัวในอยู่ เซียวปี้เฉิงก็ยังมองเห็นแผ่นหลังเรียบเนียนกับรอยแผลเป็นที่น่ากลัวได้จางๆ

หัวใจของเขาบีบรัดอย่างหนักจนแทบพูดอะไรไม่ออก

อวิ๋นหลิงเมื่อเห็นถึงสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเขาก็เอ่ยถามขึ้น “เป็นอะไรไป?”

เซียวปี้เฉิงชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นก็เช็ดผมให้นางต่อ พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “บาดแผลที่หลังคงจะสาหัสมากเลยใช่ไหม?”

บาดแผลนี้ก็ถือว่าสาหัสอยู่เหมือนกัน แม้จะทาโสมหิมะน้ำค้างหยกไปแล้ว ก็ไม่สามารถทำให้รอยแผลเป็นจางลงได้เลย

แส้โบยลงที่หลังของนางอย่างแรงยี่สิบครั้งเต็มๆ เซียวปี้เฉิงไม่อยากจะคิดเลยว่าแผ่นหลังของนางในตอนนั้นจะดูน่ากลัวถึงเพียงใด

อวิ๋นหลิงลอบสังเกตดวงตาคม เอี้ยวหน้ากลับมามองที่เขา “ทำไม รังเกียจมันงั้นหรือ”

เซียวปี้เฉิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียงดัง “ข้าไม่ได้หมายถึงเช่นนั้น ข้าก็แค่…รู้สึกเสียใจ…”

รู้สึกเสียใจที่ตอนนั้นเขาทำอะไรหุนหันพลันแล่น ไม่ทันฟังเหตุฟังผล ก็สั่งโบยฉู่อวิ๋นหลิงที่เดิมทีก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ทำให้นางต้องเจ็บตัวอย่างอยุติธรรม เขาละอายใจต่อนางจริงๆ

“ตอนนั้นเจ้าต้องเจ็บมากแน่ๆ”

เขาแทบไม่อยากนึกถึง ตอนที่อวิ๋นหลิงถูกโยนเข้าไปในห้องโดยไม่มีคนคอยรับใช้ดูแล คอยต้มยา คอยทำแผลให้นาง

เซียวปี้เฉิงจำได้ว่า ยาจินช่วงที่ตงชิงนำมาให้อวิ๋นหลิง เป็นยาที่นางขโมยมาจากห้องของเยี่ยนอ๋องด้วยตัวเอง ในระหว่างที่ทายา เขาก็ยังเข้าใจอวิ๋นหลิงผิด ทั้งยังตบนางด้วยโทสะอีกด้วย

เมื่อนึกคิดถึงเรื่องนี้ แววตาของเซียวปี้เฉิงก็เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

“ท่านไม่ต้องเก็บเรื่องนี้มาคิดมาก แผลเล็กแค่นี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”

อวิ๋นหลิงบิดเอวยืดเส้นยืดสาย ด้วยสีหน้าสดใสไร้ความกังวล

“องค์กรของพวกเราไม่ได้มีดีแค่หน้าตานะ ยังมีประสิทธิภาพมากอีกด้วย”

แม้ว่าจะถูกกระสุนเจาะเข้ากระดูก นางก็ไม่มีทางที่จะร้องออกมาสักแอะ

เซียวปี้เฉิงเมื่อได้ฟัง อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “ตอนเจ้าอยู่ในองค์กรได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่บ่อยครั้งงั้นหรือ?”

“มันเป็นภารกิจและหน้าที่ที่ข้าได้รับไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้”

อวิ๋นหลิงพูดพลางหยิบหวีไม้ขึ้นมา ค่อยๆสางผมดำอันเงางามอย่างละเมียดละไม

“แต่หน้าที่หลักๆ ข้าก็มีเพียงแค่ช่วยรักษาและตรวจอาการ ช่วยเหลือเหล่าทหารที่ถูกโจมตี แผลที่ได้มาส่วนมากก็ไม่ค่อยร้ายแรงอะไรมาก ทว่าก็มีที่สาหัสอยู่ครั้งนึง แต่มันก็เป็นเพียงแค่แผลที่โดนท่อนเหล็กหนาสามนิ้วแทงที่สะบัก”

เพียงแค่งั้นหรือ?

เซียวปี้เฉิงรู้สึกหน่วงในอก ชาไปทั้งตัวเมื่อได้ฟัง ในกองทัพหากได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ แล้วไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

เขาไม่กล้าคิดจริงๆ ว่าชีวิตที่ผ่านมาของอวิ๋นหลิงน่าอนาถถึงเพียงใด

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ