เซียวปี้เฉิงมึนงงไปชั่วขณะ ใช้เวลานานนับนาที จึงจะประมวลผลเรื่องน่าตกใจจากอวิ๋นหลิง
“ได้เป็นเจ้าของพลังแข็งแกร่งเช่นนี้แล้ว นับว่าเป็นคนหรือปีศาจร้ายกันล่ะ?”
เมื่อจู่ๆ ก็ได้ครอบครองพลังเช่นนี้ เขาไม่ได้ดีอกดีใจแต่กลับมีความรู้สึกสับสนวุ่นวายยากจะอธิบายได้
นี่มันช่างเหนือความคิดของมนุษย์โลกจริงๆ
มนุษย์นั้นแต่ไหนแต่ไรมาก็กลัวสิ่งลี้ลับเป็นทุนเดิม อวิ๋นหลิงนั้นเข้าใจในความสับสนกังวลของเซียวปี้เฉิงเป็นอย่างดี ครั้นนึกไปถึงตอนที่นางพึ่งฟื้นขึ้นมา นางเองก็มีปฏิกิริยาเช่นเดียวกันกับเขาไม่มีแม้ความตื่นเต้นหรือดีอกดีใจ มีเพียงแต่ความสับสนกังวล รู้สึกเหมือนตนเป็นตัวประหลาด
พร่ำคิดเพียงแต่ว่าตนนั้นไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งที่ถูกวิจัยมาจากยาที่ไม่รู้แหล่งที่มา
ยิ่งมองท่าทางของเขาแล้ว อวิ๋นหลิงก็อดไม่ได้ที่จะพูดปลอบเขาอย่างอ่อนโยน “พลังเช่นนี้เดิมทีล้วนมีอยู่ในตัวมนุษย์อยู่แล้วท่านแค่ต้องค่อยๆ เปิดใจยอมรับมัน”
“จากนี้ไป ทุกๆ คืนท่านต้องพักที่เรือนของข้า ข้าจะใช้หินอุกกาบาตช่วยให้ท่านฟื้นฟูร่างกายให้เต็มที่ รวมทั้งข้าจะแนะนำวิธีการใช้และควบคุมพลังนี้ด้วย”
อวิ๋นหลิงไม่ได้พูดปลอบโยนเขามากนัก รอให้เขาปรับตัวและชินกับพลังไปเองดีกว่า
เซียวปี้เฉิงสูดหายใจเข้าปอด มองท่าทางที่ใจเย็นของอวิ๋นหลิง จิตใจก็พลันสงบนิ่งลงไม่น้อย
เขาพยักหน้ารับรู้ “อืม!”
มนุษย์เกิดมาก็กลัวความโดดเดี่ยว แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะไม่กังวลว่าตนนั้นจะเข้ากับคนอื่นๆ ได้หรือไม่ การได้พบกับคนที่เหมือนกันในโลกที่ไม่คุ้นเคยเช่นนี้ อวิ๋นหลิงเองก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโล่งใจและสบายใจเมื่อได้พบเขา
เซียวปี้เฉิงเองก็คิดเช่นกัน
……
ยามพลบค่ำ เซียวปี้เฉิงพักอยู่ภายในเรือนหลันชิง
บ่าวประจำโรงฟืนที่ยกน้ำร้อนมา และตงชิงที่นำเสื้อผ้าอาภรณ์มาให้ เมื่อเห็นเซียวปี้เฉิงก็อยู่ในห้องของอวิ๋นหลิงด้วย พวกนางก็ตกใจจนต้องรีบเอามืออุดปากกลัวว่าจะหลุดเสียงกรี๊ดตื่นเต้นออกมา
คิดไม่ถึงว่าท่านอ๋องจะยอมมานอนร่วมห้องกับพระชายาแล้ว! ช่างน่าทึ่งจริงๆ!
“รีบไปอาบน้ำเถิด อาบเสร็จแล้วข้าจะพาท่านทำสมาธิ”
นี่ก็ไม่นับว่าเป็นพิธีกรรมอะไร เป็นเพียงแค่การอาบน้ำชำระพลังจิตเพื่อช่วยผ่อนคลายร่างกายและจิตใจ ช่วยให้เข้าถึงการทำสมาธิได้อย่างลึกซึ้งเพียงเท่านั้น
อวิ๋นหลิงพูดว่าการทำสมาธินั้นต้องมีจิตที่สงบจึงจะสำเร็จ แต่เซียวปี้เฉิงกลับเอาแต่เหม่อมองถังน้ำร้อนอย่างไม่วางตา ไม่มีจิตที่สงบเลยสักนิด
เขากลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ พูดขึ้นนิ่งๆ ว่า “ให้ข้าช่วยถูหลังให้เจ้าไหม?”
ไหนๆ ก็เป็นสามีภรรยากันแล้ว นอนก็นอนด้วยกันมาแล้ว แค่อาบน้ำถูหลังให้กันก็คงจะเป็นเรื่องปกติกระมัง?
อวิ๋นหลิงยังคงปิดเปลือกตาสนิท “ไม่ต้อง อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าท่านกำลังคิดอะไรอยู่ ก่อนหน้านี้ท่านแสร้งทำเป็นตาบอดเพื่อหลอกข้า แถมยังแอบดูข้าตอนอาบน้ำอีก นี่ข้ายังไม่ได้คิดบัญชีกับท่านเลยนะ!”
เห็นได้ชัดว่าอวิ๋นหลิงคาดโทษเรื่องที่เขาหลอกนาง ไม่ใช่เรื่องที่แอบดูนางตอนอาบน้ำ
สำหรับนางแล้ว เรื่องแรกคงจะร้ายแรงกว่าเรื่องหลังมาก
เซียวปี้เฉิงหน้าเจื่อน กัดฟันพยายามอธิบายอย่างกล้าหาญ “เพราะคืนนั้นจู่ๆดวงตาข้าก็ดีขึ้นมากะทันหัน ใครเล่าจะรู้ว่าเจ้าอาบน้ำอยู่ในห้องของข้าพอดี ที่ข้าไม่ส่งเสียงพูดอะไรไปเพราะเกรงว่าเจ้าจะเขินอาย…”
“จู่ๆ ก็เป็นคนดีขึ้นมางั้นหรือ? ข้าเห็นว่าท่านก็ปรับตัวได้ดีหนิ แอบดูข้าอยู่ทุกคืนด้วยหน้าตาเฉย”
เซียวปี้เฉิงเม้มปากเงียบกริบ
เขารู้ว่าตนเองบริสุทธิ์ใจ มีฉากกั้นบังอยู่เขาจะเห็นอะไรกันล่ะ?
เขามองไม่เห็นอะไรเลยแท้ๆ แต่โดนหาว่าเป็นไอ้บ้ากามจนได้
“ท่านไปสงบจิตสงบใจในเรือนเถอะ หากใจท่านยังว่อกแว่กเช่นนี้ก็กลับเรือนซู่สือของท่านไป อย่าเสียเวลามารบกวนการนอนของข้า”
อวิ๋นหลิงเอ่ยออกมาขนาดนี้แล้ว เซียวปี้เฉิงมีหรือจะกล้าอยู่ต่อ รีบกลับไปสงบสติอารมณ์ในเรือนทันที
เขาเงยมองดวงจันทร์อย่างขมขื่น พลางนั่งตากลมพลางถอนหายใจ
รู้เช่นนี้ เมื่อครู่เขาลงไปอาบน้ำเย็นเสียดีกว่า
เซียวปี้เฉิงนั่งรับลมเย็นยามค่ำคืนอยู่นานสองนานกว่าอารมณ์ร้อนรุ่มภายในกายจะดับไปก็ค่ำมืดเสียแล้ว
อวิ๋นหลิงที่กำลังเช็ดผมหลังจากอาบน้ำเสร็จ เพราะโบราณว่าผมเป็นสิ่งสำคัญต่อความงามของหญิง และเหล่าสาวงามก็ห้ามตัดผมเองตามอำเภอใจ
ร่างร่างนี้ก็ถือว่ามีผมที่ดกดำเงางาม แต่เอาเข้าจริงเมื่อต้องมาดูแลร่างอันสมบูรณ์แบบเช่นนี้แล้วก็ยุ่งยากอยู่เหมือนกัน
เซียวปี้เฉิงเมื่อเห็นท่าทางที่เงอะงะของนาง เขาก็หยิบเอาผ้าเช็ดหน้ามายืนซ้อนด้านหลังของนางทันที “ให้ข้าช่วยเจ้าเถอะ”
อวิ๋นหลิงไม่ปฏิเสธความช่วยเหลือของเขา นางนั่งอยู่หน้ากระจกทองแดงปล่อยให้เขาช่วยเช็ดผมให้
แสงเทียนที่กำลังวูบไหว อยู่บนกระจกทองแดงสะท้อนใบหน้าหล่อเหลาของเซียวปี้เฉิงจางๆ
ภายใต้แสงสลัวๆ ใบหน้าอันเคร่งขรึมของเขาก็ดูอ่อนโยนผิดปกติ อวิ๋นหลิงเมื่อเห็นเช่นนั้นก็หวั่นไหวเล็กน้อย
เส้นหนาผมนุ่มที่กำลังเปียกหมาดๆเมื่อสัมผัสที่มือเขา เซียวปี้เฉิงเองก็รู้สึกเงียบสงบและอบอุ่นภายในใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
มีคนคอยปรนนิบัติรับใช้กว่ายี่สิบปี และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับใช้หญิงผู้นี้ เขาหัวเราะในใจ ใครจะไปคิดกันล่ะว่าจะมีวันนี้?
สายตาอันแหลมคมจ้องมองไปที่ลำคอระหงของอวิ๋นหลิงอย่างไม่รู้ตัว แม้จะสวมเสื้อตัวในอยู่ เซียวปี้เฉิงก็ยังมองเห็นแผ่นหลังเรียบเนียนกับรอยแผลเป็นที่น่ากลัวได้จางๆ
หัวใจของเขาบีบรัดอย่างหนักจนแทบพูดอะไรไม่ออก
อวิ๋นหลิงเมื่อเห็นถึงสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเขาก็เอ่ยถามขึ้น “เป็นอะไรไป?”
เซียวปี้เฉิงชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นก็เช็ดผมให้นางต่อ พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “บาดแผลที่หลังคงจะสาหัสมากเลยใช่ไหม?”
บาดแผลนี้ก็ถือว่าสาหัสอยู่เหมือนกัน แม้จะทาโสมหิมะน้ำค้างหยกไปแล้ว ก็ไม่สามารถทำให้รอยแผลเป็นจางลงได้เลย
แส้โบยลงที่หลังของนางอย่างแรงยี่สิบครั้งเต็มๆ เซียวปี้เฉิงไม่อยากจะคิดเลยว่าแผ่นหลังของนางในตอนนั้นจะดูน่ากลัวถึงเพียงใด
อวิ๋นหลิงลอบสังเกตดวงตาคม เอี้ยวหน้ากลับมามองที่เขา “ทำไม รังเกียจมันงั้นหรือ”
เซียวปี้เฉิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียงดัง “ข้าไม่ได้หมายถึงเช่นนั้น ข้าก็แค่…รู้สึกเสียใจ…”
รู้สึกเสียใจที่ตอนนั้นเขาทำอะไรหุนหันพลันแล่น ไม่ทันฟังเหตุฟังผล ก็สั่งโบยฉู่อวิ๋นหลิงที่เดิมทีก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ทำให้นางต้องเจ็บตัวอย่างอยุติธรรม เขาละอายใจต่อนางจริงๆ
“ตอนนั้นเจ้าต้องเจ็บมากแน่ๆ”
เขาแทบไม่อยากนึกถึง ตอนที่อวิ๋นหลิงถูกโยนเข้าไปในห้องโดยไม่มีคนคอยรับใช้ดูแล คอยต้มยา คอยทำแผลให้นาง
เซียวปี้เฉิงจำได้ว่า ยาจินช่วงที่ตงชิงนำมาให้อวิ๋นหลิง เป็นยาที่นางขโมยมาจากห้องของเยี่ยนอ๋องด้วยตัวเอง ในระหว่างที่ทายา เขาก็ยังเข้าใจอวิ๋นหลิงผิด ทั้งยังตบนางด้วยโทสะอีกด้วย
เมื่อนึกคิดถึงเรื่องนี้ แววตาของเซียวปี้เฉิงก็เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“ท่านไม่ต้องเก็บเรื่องนี้มาคิดมาก แผลเล็กแค่นี้ทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”
อวิ๋นหลิงบิดเอวยืดเส้นยืดสาย ด้วยสีหน้าสดใสไร้ความกังวล
“องค์กรของพวกเราไม่ได้มีดีแค่หน้าตานะ ยังมีประสิทธิภาพมากอีกด้วย”
แม้ว่าจะถูกกระสุนเจาะเข้ากระดูก นางก็ไม่มีทางที่จะร้องออกมาสักแอะ
เซียวปี้เฉิงเมื่อได้ฟัง อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “ตอนเจ้าอยู่ในองค์กรได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่บ่อยครั้งงั้นหรือ?”
“มันเป็นภารกิจและหน้าที่ที่ข้าได้รับไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้”
อวิ๋นหลิงพูดพลางหยิบหวีไม้ขึ้นมา ค่อยๆสางผมดำอันเงางามอย่างละเมียดละไม
“แต่หน้าที่หลักๆ ข้าก็มีเพียงแค่ช่วยรักษาและตรวจอาการ ช่วยเหลือเหล่าทหารที่ถูกโจมตี แผลที่ได้มาส่วนมากก็ไม่ค่อยร้ายแรงอะไรมาก ทว่าก็มีที่สาหัสอยู่ครั้งนึง แต่มันก็เป็นเพียงแค่แผลที่โดนท่อนเหล็กหนาสามนิ้วแทงที่สะบัก”
เพียงแค่งั้นหรือ?
เซียวปี้เฉิงรู้สึกหน่วงในอก ชาไปทั้งตัวเมื่อได้ฟัง ในกองทัพหากได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ แล้วไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
เขาไม่กล้าคิดจริงๆ ว่าชีวิตที่ผ่านมาของอวิ๋นหลิงน่าอนาถถึงเพียงใด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...
ชอบมากเลยค่ะ นางเอกเก่ง❤...
สนุกมากค่ะ...
5555555 ตลก พ่อพระเอก...
สะใจนางเอกทันตลอด ชอบค่ะ...
I awaiting your update new chapter...
ตบได้ดี ฮ่าๆๆ สนุกๆๆ...