นัยน์ตาของหลี่หยวนเส้าพลันทอประกายวาวโรจน์
วิธีนี้ดีเป็นสิ่งที่เขาถนัด เมื่อก่อนตอนยังอยู่ในตระกูลหลี่ เขามักจะเปิดสอนกลุ่มเล็กๆ ให้เหล่าน้องชายน้องสาวในครอบครัว
เขาสอบระดับจวี่เหรินได้ตั้งแต่อายุยังน้อย แม้กระทั่งพี่ชายในตระกูลหลายคนก็มักจะมาขอคำแนะนำจากเขา
วิธีการนี้ไม่เพียงทำเงินได้มาก แต่ยังรักษาศักดิ์ศรีของปัญญาชนไว้ได้อีกด้วย
การเอาชีวิตรอดเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก หลี่หยวนเส้าไม่สนใจความกินแหนงแคลงใจที่ต้องเผชิญหน้ากับเฟิงอู๋จี จึงตอบตกลงทันที
“เช่นนี้ดียิ่ง! ถ้าเจ้ายินดีช่วย ข้าจะรับน้ำใจนี้ไว้ รู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก พรุ่งนี้ข้าจะไปดูสถานที่ หาเช่าบ้านที่เหมาะๆ สักหลังตามตรอกซอกซอยเล็กๆ ตรงหัวถนนทางใต้ของเมืองเอามาใช้สอน”
ค่าเช่าบ้านทางตอนใต้ของเมืองค่อนข้างถูก เมิ่งชูช่วยจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าหนึ่งเดือนให้เขาได้ก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา
เฟิงอู๋จีฟังแล้วก็พูดต่อ “ทางใต้ของเมืองออกจะไกลจากที่นี่ไปหน่อย ไม่สะดวกที่ท่านจะดูแลน้องสาว อีกอย่างบ้านเรือนส่วนใหญ่ที่นั่นสร้างไม่ค่อยดี เวลานี้ใกล้จะย่างเข้าหน้าร้อนแล้ว สภาพแวดล้อมที่ร้อนอับชื้นเกินไปจะส่งผลต่อการเรียนของลูกศิษย์”
“ข้ามีบ้านพักส่วนตัวอยู่ใกล้ๆ ที่ทางไม่เล็กนัก ตอนนี้ฮั่นม่อยืมสถานที่นั้นมาใช้สอน เขาใช้เพียงลานเดียว อีกสองลานที่เหลือก็ว่างอยู่ มิสู้ท่านใช้ที่นั่นสอนก็ได้เช่นกัน”
“ฮั่นม่อจะคิดเงินหนึ่งตำลึงต่อคนหากเรียนทั้งวัน ราคาไม่ถูก แต่ก็ยังมีคนแย่งชิงกันเรียนนับไม่ถ้วน จะเห็นได้ว่าทุกคนก็รู้สึกเช่นเดียวกันว่าขอเพียงได้สถานที่สบายๆ สักหน่อย จะได้ตั้งใจร่ำเรียน จ่ายแพงสักนิดก็ไม่นับเป็นอะไร
ยิ่งกว่านั้น หลี่หยวนเส้าจะได้สอนอย่างไม่ลำบากนัก
หลี่หยวนเส้าได้ยินถ้อยคำนี้ก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจ เห็นอาหารเช้าเลิศรสวางเรียงรายเต็มโต๊ะ แต่เขาแทบจะกินไม่ลงเลย
แต่ก่อนเขาเคยไม่ชอบเด็กคนนี้ พอรู้ว่าอีกฝ่ายเกือบจะทำลายชื่อเสียงของหลี่เมิ่งเอ๋อร์ เขาแทบอยากจะทุบตีอีกฝ่ายให้ตายคามือทันที
ติดที่ตระกูลสูงศักดิ์คอยหนุนหลังเฟิงอู๋จี รวมถึงหลี่เมิ่งชูพยายามโน้มน้าวและปลอบใจหลายครั้ง หลี่หยวนเส้าจึงไม่กระทำการรุนแรง
หลังจากนั้นอีกนาน เมื่อเขาค่อยๆ รู้ตัวว่าเข้าใจเฟิงอู๋จีผิดไป ก็ทั้งเสียใจและเสียหน้าสุดที่จะทนได้
แต่ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ ขืนเขายังไม่ทำอะไรสักอย่าง ก็ดูจะไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย
ครั้นคิดได้เช่นนี้ หลี่หยวนเส้าจึงค่อยๆ หยัดกายลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าเคร่งขรึมแล้วโค้งคำนับไปทางเขา
“เฟิงอู๋จี เมื่อก่อนข้าเข้าใจเจ้าผิดไป ด้วยเหตุนี้จึงกลั่นแกล้งเจ้าหลายครั้ง บัดนี้เมื่อข้าเข้าตาจน แต่เจ้ากลับไม่ถือสาเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่า เอาชนะความแค้นด้วยความดี ข้าจะจดจำตราตรึงไว้ในใจเสมอ”
"ขอบคุณมากที่ก่อนหน้านี้เจ้าออกหน้าเพื่อเมิ่งชูต่อหน้าจางอวี้ซู ตอนนี้ยังยินดีจะให้ข้ายืมบ้านส่วนตัวอีก ภายหน้าข้าจะปันเงินหนึ่งในสิบที่ได้รับจากการสอนมาเป็นสินน้ำใจ และถือเป็นการจ่ายค่าเช่าที่ให้กับเจ้าด้วย”
พูดจบ เขาก็โค้งคำนับให้เฟิงอู๋จีอย่างเรียบร้อยเพื่อเป็นการขอโทษ
เซียวปี้เฉิงเห็นภาพนี้กับตา พร้อมกับพยักหน้าเบาๆ
ชายหนุ่มผู้นี้นับว่าใช้ได้ สำนึกผิดและยอมรับผิดนับว่าดีเยี่ยม พวกเขาก็ถือว่าช่วยไม่ผิดคน
เฟิงอู๋จีเองต้องการปฏิเสธ แต่คิดดูอีกที สุดท้ายก็พยักหน้า
“ได้ เช่นนั้นก็เป็นอันตกลง ส่วนเรื่องที่ผ่านๆ มานั้น ในเมื่อเป็นความเข้าใจผิด พวกเราก็ไม่ควรเก็บมาใส่ใจ”
เขาคิดในใจว่าด้วยชาติกำเนิดของหลี่หยวนเส้า ย่อมมีความหยิ่งทะนงตนอยู่ในกระดูก
อีกฝ่ายเคยได้รับความโปรดปรานอย่างมาก มีบ้านส่วนตัวหลายแห่งที่เป็นชื่อของเขา แต่เมื่อตัดสินใจจะออกจากตระกูลหลี่ เขาก็ละทิ้งทุกอย่างที่มีในอดีตไปจนหมดสิ้นจริงๆ
เขายอมทำงานที่ต้องยิ้มเข้าสู้เอาใจประจบอย่างการขายของ ก็ดีกว่าไปรับเงินของตระกูลหลี่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...