พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 778

สรุปบท ตอนที่ 778 แทงใจดำ: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ

ตอนที่ 778 แทงใจดำ – ตอนที่ต้องอ่านของ พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ

ตอนนี้ของ พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ โดย Anchali ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายโรแมนติกโบราณทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 778 แทงใจดำ จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

หลังจากที่จางอวี้ซูได้รู้ข่าว ก็โมโหจนเป็นร้อนในเกิดตุ่มสองตุ่มขึ้นมาในปากในเวลาแค่คืนเดียว

ตอนนี้บาดแผลทั้งภายในและภายนอกมีครบ ทำเอาร่างกายร่วงโรยนอนอยู่พื้นห้องขัง หมดสภาพอย่างสิ้นเชิง

หลี่หยวนเส้าก็ใจดำมาก ได้ประกาศเรื่องที่จางอวี้ซูถูกสวมเขาให้คนภายนอกได้รับรู้ ตอนนี้ถูกพูดถึงอย่างสนุกปากไปทั่วทุกตรอกซอกซอย

คนในหอนางโลมต่างก็พูดจาปากไม่มีหูรูด ไม่ว่าอะไรก็กล้าพูด

เพื่อเอาใจแขกผู้มีพระคุณ เหล่านางโลมต่างก็เอาเรื่องบนเตียงของจางอวี้ซูมาพูดเป็นเรื่องขำขัน บรรยายอย่างละเอียดลึกซึ้งมาก

อวิ๋นหลิงแค่เดินผ่านและได้ยินไม่กี่ประโยคโดยบังเอิญ ก็รู้สึกว่าต้องตัดใบหูทิ้งซะแล้ว

แต่จากการบรรยายอย่างละเอียดไม่ธรรมดาของนางโลมเหล่านั้น นางวินิจฉัยได้ว่าจางอวี้ซูมีความเป็นไปได้ที่จะมีอาการอสุจิไม่เคลื่อนที่

“จางอวี้ซูร่างกายอ่อนแอขนาดนั้น นอกจากเป็นเพราะว่าเขาใช้ชีวิตสำมะเลเทเมาตั้งแต่อายุน้อยๆ ก็เกี่ยวกับการที่ต้องจำคุกและทำให้ร่างกายขาดสมดุล ข้าประมาณการว่าถ้าเขาอยู่ในคุกต่อไปอีกสามปี ชาตินี้คงยากจะมีทายาทสืบทอดแล้ว”

ในคุกหลวงสิ่งแวดล้อมไม่ได้สะดวกสบาย แม้จะไม่ถึงกับสกปรกเลอะเทอะ มีหนูและแมลงวิ่งขวักไขว่เต็มพื้นเหมือนที่เขียนเอาไว้ในนิยาย มีคนทำความสะอาดตามสม่ำเสมอ แต่มืดและอับชื้นนั้นเป็นเรื่องจริง

แม้แต่คนที่มีสุขภาพแข็งแรงเข้าไปอยู่หนึ่งเดือน ก็ต้องพกโรคภัยออกมาด้วย

เซียวปี้เฉิงได้ยินดังนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ร่างกายอ่อนแอหรือไม่เป็นเรื่องเล็ก ตอนนั้นไข่เหล็กก็เคยบอกแล้ว ห่านหัวโตมีดวงกินผัว สามีในอนาคตจะตายก่อนวัยอันควร จางอวี้ซูจะสามารถมีชีวิตออกมาจากคุกหรือไม่ก็ไม่รู้ ถึงตอนนั้น เสี่ยวเติงเพ่าเป็นสายเลือดเพียงคนเดียวของจางอวี้ซู เช่นนี้ตระกูลจางยิ่งไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆ”

อวิ๋นหลิงกลับพูดว่า “ทางตระกูลจางไม่ได้น่ากลัว เทียบกับพวกเขา ข้าเป็นห่วงห่านหัวโตมากกว่า ที่ท่านกับข้ายื่นมือช่วยนาง มีสาเหตุมากมาย แต่กลับไม่รู้ว่าการที่นางเจอเรื่องราวเช่นนี้ จะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ข้าไม่เชื่อเรื่องดวงชะตา แต่ไข่เหล็กเป็นคนพิลึกพิลั่นอยู่บ้าง ถ้าหากห่านหัวโตจะเป็นอุปสรรคของเสี่ยวเติงเพ่าในภายหน้า......”

เฟิ่งเหมียนเคยทำนายเอาไว้ ที่บอกว่าดวงกินผัวกินลูก หมายถึงจะเป็นอุปสรรคในเรื่องเงินทองและอนาคตการเป็นขุนนางของสามี ส่วนดวงกินลูกคือจะกระทบต่อการเรียนและชีวิต

แม้ว่าพ่อแม่ของเสี่ยวเติงเพ่าจะไม่เป็นที่ชื่นชอบ แต่เด็กน้อยนั้นบริสุทธิ์ อวิ๋นหลิงหวังว่าเด็กคนนี้จะสามารถเติบโตภายใต้สภาพแวดล้อมที่ดีในภายหน้า

เซียวปี้เฉิงดวงตาลึกล้ำขึ้น “ไข่เหล็กบอกไว้ว่า ดวงชะตาของนางใช่ว่าจะแก้ไขไม่ได้ ขอเพียงสามารถละทิ้งจิตใจที่เห็นแก่ผลประโยชน์ ก็จะรักษาวาสนาในครึ่งหลังของชีวิตเอาไว้ได้”

คำพูดนี้เขาก็บอกกับหลี่หยวนเส้าเหมือนกัน อยากจะเตือนสติหลี่เมิ่งเอ๋อร์ หวังว่าอีกฝ่ายยังจำได้

อวิ๋นหลิงถอนหายใจเบาๆ “ต้องดูพฤติกรรมของนางหลังจากนี้แล้ว ถ้าหากยังเป็นเหมือนเดิม ข้าไม่มีทางเป็นคนดีตลอดไปแน่”

เซียวปี้เฉิงพยักหน้า กำชับให้ผู้ใต้บังคับบัญชาจับตาดีสถานการณ์ของหลี่เมิ่งเอ๋อร์ให้ดี

แต่เมื่อดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ หลี่เมิ่งเอ๋อร์ไม่ได้ทำเรื่องนอกกรอบอะไร

เพียงแต่สายตามีแววเงียบขรึมเหมือนผ่านโลกมาอย่างโชกโชนมากขึ้น ไม่มีความสดใสมีเสน่ห์เหมือนแต่ก่อน ไม่ชอบพูดคุยกับคนอื่น

สำหรับเสี่ยวเติงเพ่าที่เป็นลูกชาย ตั้งแต่ช่วงแรกที่มีการปฏิเสธและไม่ชอบอยู่หลายส่วน ช่วงนี้ก็เปลี่ยนเป็นค่อยๆยอมรับ เริ่มดูแลเอาใจใส่มากขึ้น

ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นเลือดเนื้อของนาง แม้จะเกลียดชังจางอวี้ซู เป็นผลกรรมที่นางกับอีกฝ่ายเป็นคนสร้างขึ้นมา

ทุกคนต้องรับผิดชอบต่อความผิดที่ก่อขึ้น ลูกเป็นคนที่บริสุทธิ์ที่สุด

สองสามีภรรยาเห็นนางทำตัวสงบเสงี่ยมมากตั้งแต่เข้ามาอยู่ในโรงหมอ ก็รู้สึกวางใจมากขึ้น ไม่ได้เฝ้าสังเกตการณ์เป็นพิเศษ

……

แค่ชั่วพริบตา ก็เป็นช่วงปลายเดือนห้าแล้ว

ปลายฤดูใบไม้ผลิต้นฤดูร้อนเช่นนี้ ในที่สุดตงชิงก็แต่งงานในวันที่มีแสงแดดเจิดจ้า

นี่เป็นวันมงคลที่ทางพ่อแม่ตระกูลลู่เลือกสรรมาเป็นอย่างดี ก่อนหน้านี้ได้มีการเตรียมงานแต่งงานเป็นเวลาเกือบครึ่งปีแล้ว

ตงชิงถูกขายให้กับจวนเหวินกั๋วกงตั้งแต่เด็ก พ่อแม่ที่แท้จริงไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนแล้ว ดังนั้นขบวนส่งเจ้าสาวจึงออกจากจวนเหวินกั๋วกง

เพราะเกี่ยวข้องกับอวิ๋นหลิง พวกหลิวฉิงจึงมาร่วมงานด้วย

ลู่ฉีสวมชุดสีแดงทั้งตัว เสริมให้ใบหน้าที่มีคิ้วคมตาโตของเขาดูหล่อเหลามากขึ้น เสียดายพอเอ่ยปากพูด ลักษณะนิสัยซื่อบื้อก็ถูกเปิดเผยออกมาจนหมด

“ฮ่าๆๆ......คิดไม่ถึงจริงๆ พวกจินอ๋องให้เกียรติมาร่วมงานแต่งก็แล้วไปเถอะ แม้แต่จักรพรรดิเสี่ยวฉินก็มาด้วย”

งานแต่งงานที่”ยิ่งใหญ่”นี้ เขาสามารถเอาไปโม้ได้จนถึงวาระที่ต้องเข้าไปนอนในโลงศพ

สีหน้าของลู่ฉีเต็มไปด้วยความตื้นตัน ตื่นเต้นจนเดินแกว่งมือและขาพร้อมกัน ท่าทางการเดินแปลกประหลาดมาก

ไอ้เด็กคนนี้สร้างเรื่องมากมายเพื่อจะได้นั่งบัลลังก์อย่างมั่นคง บีบให้เจ้าอ๋องต้องจากไป ตอนนี้พอเขาได้บัลลังก์ กลับไม่ให้ความสำคัญ ไม่ใส่ใจเลยสักนิด

ปฏิบัติต่อฟงเสี่ยวเม่ยเช่นนี้ ปฏิบัติต่อแผ่นดินก็เช่นนี้

คนประเภทนี้สมควรโดยสั่งสอน

บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเย็นยะเยือกลงทันที มีเพียงกู้ฉางเซินที่เอาแต่ยิ้มไม่พูดจาสายตามีแววอบอุ่นขึ้น

กู้จื่ออวี๋ไม่ยอมไปจากแคว้นต้าโจวเสียที ไม่มีใครรู้เหตุผลดีเท่ากับเขา

แต่กู้ฉางเซินกลับไม่รู้สึกร้อนใจเลยสักนิด เพราะระหว่างหลานชายกับหลิวฉิงไม่สามารถเป็นไปได้อย่างแน่นอน

กงจื่อโยวโบกพัดในมือ ยังคงใช้สมองอย่างสุดความสามารถเพื่อทำให้บรรยากาศผ่อนคลาย

“โธ่เอ๊ย ที่จริง......”

“ที่จริงอ๋องน้อยไม่ยอมกลับเป่ยฉินเสียที ก็เพราะวางใจเจ้าไม่ลง” หลงเย่เอ่ยตัดบทคำพูดของสามีที่ซื่อบื้อของตนเอง จ้องมองหลิวฉิงด้วยรอยยิ้มสดใส “เอ้อร์หลีว์ อย่างน้อยก็เคยเป็นสามีภรรยากัน เขาใส่ใจเจ้า อย่าทำให้สถานการณ์ระหว่างกันตึงเครียดเลย”

อวิ๋นหลิงรีบหยุดการกินข้าวและทำท่าจะดูละครฉากเด็ด แอบหูผึ่งรอฟัง

พี่ใหญ่เอ่ยหัวข้อสนทนาที่แสนจะอ่อนไหวบนโต๊ะกินข้าว ต้องมีเลศนัยไม่ธรรมดา

เป็นอย่างที่คิด วินาทีต่อมาก็ได้ยินหลงเย่ใช้น้ำเสียงที่อ่อนโยนแทงใจดำกู้จื่ออวี๋

“ข้าแนะนำให้ท่านรีบคิดเรื่องใหญ่ของชีวิต ทางที่ดีควรจัดงานแต่งงานก่อนที่อ๋องน้อยจะเดินทางกลับ ถ้าหากเขาเป็นสักขีพยานแห่งความสุขในงานแต่งด้วยตัวเอง ก็จะสามารถจากไปอย่างสบายใจ เช่นนี้ระหว่างพวกเจ้าก็ถือว่าจากกันด้วยดี ไม่ทิ้งความเสียใจเอาไว้”

กู้จื่ออวี๋ “......”

ชีวิตนี้ของเขาไม่เคยเห็นหญิงคนใดแค้นฝังใจเท่ากับพระชายาจินอ๋อง

ตอนเจอกันครั้งแรกก็แค่เยาะเย้ยกงจื่อโยวไปสองสามคำ ถึงตอนนี้ยังคงถือสาอยู่ในใจ

อยากจะขอร้องเขาให้กลับเป่ยฉินสามารถพูดออกมาตรงๆเลย ไม่จำเป็นต้องออกอุบายแทงใจดำเช่นนี้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ