พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 779

สรุปบท ตอนที่ 779 น่องไก่และข้าวห่อไข่รสชาติแปลกๆ: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ

ตอน ตอนที่ 779 น่องไก่และข้าวห่อไข่รสชาติแปลกๆ จาก พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 779 น่องไก่และข้าวห่อไข่รสชาติแปลกๆ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายโรแมนติกโบราณ พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ ที่เขียนโดย Anchali เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

หลิวฉิงได้ยินดังนั้น ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มเย็นชาไม่พอใจออกมา

“ระหว่างพวกเราไม่จำเป็นต้องจากกันด้วยดี แทบจะไม่เคยอยู่ด้วยกัน จะพูดเรื่องจากกันทำไม ส่วนที่ว่าทิ้งความเสียใจเอาไว้ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง ใครกล้าพูดบ้างว่าการที่เขาได้พบข้าในชาตินี้ ไม่ใช่วาสนาของเขา”

อวิ๋นหลิงจุ๊ปากอยู่ในใจ พี่ฉิงไม่ไว้หน้าจักรพรรดิเสี่ยวฉินเลยแม้แต่น้อย

ไม่เพียงแต่ไม่ไว้หน้า ยังฉีกหน้าไม่เหลือซาก ตั้งใจจะให้อีกฝ่ายตกอยู่ในสถานการณ์ที่อับอาย กระทั่งขายหน้าจนไม่มีที่อยู่

เป็นอย่างที่คาดไว้ ยากมากที่จะเห็นกู้จื่ออวี๋สีหน้าแดงก่ำขึ้นมาเล็กน้อย ท่าทีเหมือนอยากจะโมโหแต่ก็ยืนได้ไม่มั่นคง

ที่สุดก็ดับโทสะไปเงียบๆ

ไม่ว่าจะเป็นฟงหลิวฉิงหรือว่าหลิวฉิง ชาตินี้เขาติดหนี้พวกนางเยอะมาก

เมื่อเห็นว่าบรรยากาศบนโต๊ะอาหารตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง อวิ๋นหลิงอยากจะแกล้งหลิวฉิงสักหน่อย

“พี่ใหญ่เร่งให้ท่านแต่งงานท่านคิดเห็นอย่างไร พี่ฉิงเคยคิดหรือไม่ว่าจะแต่งงาน”

หลิวฉิงเหลือบไปมองกู้ฉางเซินโดยไม่มีใครทันสังเกต เอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ข้าตัวคนเดียวก็ดีมาก อีกอย่างก็มีพวกเจ้าอยู่นี่นา”

อวิ๋นหลิงและหลงเย่ต่างก็ไม่พลาดที่จะสังเกตแววตาจากจิตใต้สำนึกของนาง ต่างก็มองเห็นแสงสีเขียวเบาบางในสายตา

“แต่ว่าข้ากับพี่ใหญ่ต่างก็แต่งงานแล้ว หรือปกติแล้วพี่ฉิงไม่รู้สึกหรือว่าเพราะเป็นโสดจึงทำให้เข้ากับพวกเราไม่ได้”

หลิวฉิง “.......”

ไหนบอกว่าจะเป็นพี่น้องกันชั่วชีวิตอย่างไรเล่า

ร่างกายที่มีอุณหภูมิสามสิบหกองศาทำไมจึงสามารถพูดจาเย็นชาเช่นนี้ออกมาได้

“อีกอย่าง......เรื่องเช่นนี้จะรีบร้อนไม่ได้”

น้ำเสียงของหลิวฉิงฟังแล้วยังคงเย็นชาเอื่อยเฉื่อยเหมือนที่ผ่านมา มีเพียงอวิ๋นหลิงกับหลงเย่เท่านั้นที่สามารถเข้าใจว่าอีกฝ่ายมีอารมณ์ดีใจแค่ไหน

ถ้าพี่ฉิงพูดเช่นนี้ นั่นเท่ากับว่านางเคยคิดถึงเรื่องแต่งงานจริงๆ

นั่นหมายความว่า ต้นไม้เหล็กมีดอกไม้บานแล้ว

กงจื่อโยวโบกพัดในมือ เสริมขึ้นข้างๆราวกับเข้าใจทุกอย่าง

“ใช่แล้ว รีบไม่ได้รีบไม่ได้ วาสนาแต่งงานฟ้ากำหนด ทุกอย่างล้วนสำเร็จได้เมื่อเงื่อนไขสุกงอม”

บรรยากาศในงานเลี้ยงกลับสู่ความปกติและคึกคัก กู้จื่ออวี๋สีหน้าดีขึ้นไม่น้อย จิตใจก็รู้สึกผ่อนคลายลง

เขายอมรับอย่างต่ำช้า แม้ว่าชาตินี้จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับหลิวฉิงอีก แต่ก็รับรู้ได้ว่ากู้ฉางเซินมีความเป็นไปได้สูงว่าจะไม่ได้ดังหวัง เขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก

ยอมปล่อยดินแดนที่แสนงดงาม แลกกับอิสระของหลิวฉิง แต่กลับไม่สามารถแลกเปลี่ยนหัวใจของนางมาได้

เสด็จอา ชีวิตนี้ถึงที่สุดแล้ว ท่านจะเสียใจหรือไม่

กู้จื่ออวี๋เผลอมองไปทางกู้ฉางเซิน กลับเห็นเขายังคงมีใบหน้าเรียบเฉยพร้อมรอยยิ้มเหมือนตอนแรก เทเหล้าฮัวเตียวที่มีกลิ่นหอมรุนแรงให้หลิวฉิง แล้วก็คีบอาหารบ้านเกิดที่นางชอบกินที่สุดนั่นก็คือน่องไก่ทอดให้

“ฝีมือการทำอาหารของพ่อครัวในจวนองครักษ์ลู่ดีมาก ได้รับการสืบทอดความรู้จากน้องสามมากกว่าข้าเสียอีก ก่อนหน้านี้ให้พวกท่านต้องทนกินของทอดรสชาติแปลกๆตั้งนาน ต้องขอโทษจริงๆ”

ได้ยินคำพูดประโยคนี้ องครักษ์ลับอย่างเยว่อิ่งและซิงเฉินที่ก้มหน้ากินข้างอยู่โต๊ะข้างๆ ต่างก็ตัวสั่นสะท้านขึ้นมา

ต่างก็คิดถึงครึ่งปีที่ผ่านมานี้ ความหวาดกลัวที่ถูกน่องไก่ทอดมรณะควบคุมชีวิต

หลังจากที่กู้ฉางเซินได้เรียนรู้ทักษะการทอดน่องไก่จากอวิ๋นหลิง กลับไปยังเป่ยฉิยเขาก็เข้าครัวเป็นประจำ ยังชี้แนะพ่อครัวในจวนด้วยตัวเอง

แต่ต่อมรับรสของเขาในตอนนั้นแตกต่างจากคนทั่วไป ส่วนผสมที่ศึกษาปรับปรุงแก้ไขเองก็มีปัญหา แต่เหล่าพ่อครัวไม่มีใครกล้าคัดค้านเลยแม้แต่คำเดียว

เพราะอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนเป็นคนบอกเองว่า เขาเรียนรู้การทำอาหารว่างรสชาติพิเศษจากบ้านเกิดของพระชายารัชทายาทแห่งแคว้นซีโจว

ดังนั้นปกติแล้วเมื่อต้อนรับขุนนางใหญ่ทั้งหลาย ในจวนจะยกอาหารที่เป็นภัยจานนี้......ออกมารับแขก แม้แต่กู้จื่ออวี๋ก็หนีน่องไก่ทอดรสชาติแปลกประหลาดไม่พ้น

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ชาวเป่ยฉินเกิดการอภิปรายและศึกษานิสัยการกินของชาวแคว้นจ้าโจวขึ้นมา

เสียดายที่ตอนนั้นเขาเกรงว่าหลิวฉิงจะวางยาพิษ เพื่อเป็นการผ่อนคลายความสัมพันธ์กับหลิวฉิง ได้แต่แสร้งทำเป็นกินต่อหน้าไปครึ่งคำ แต่ไม่ได้กลืนเข้าไป

หลังจากนั้นยังคายข้าวครึ่งคำที่อมเอาไว้ในปากออกมาด้วย เอาที่เหลือไปเทให้กับสุนัขขาวที่เลี้ยงไว้ทดลองพิษกินจนหมด

สุนัขขาวไม่ตาย แต่หลิวฉิงรู้เรื่องนี้แล้ว

เผชิญกับคำถามของหลิวฉิง ตอนนั้นทั้งๆที่กู้จื่ออวี๋รู้สึกผิดในใจ แต่กลับพูดอย่างมีเหตุผลตรงไปตรงมา

เขายิ้มเย็นพลางพูดว่า “เพราะเจ้าลอบสังหารข้านับครั้งไม่ถ้วน อยากจะทำให้ข้าตาย ข้าย่อมไม่เชื่อว่าอาหารที่เจ้าส่งมาจะไม่มีปัญหา”

หลิวฉิงไม่ได้โกรธ พึมพำสองสามคำว่าเสียดายฟืนไฟและไข่สองฟอง ถามเหตุผลจบแล้วก็จากไป

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พวกเขาก็ไม่เคยอยู่ด้วยกันอย่างสันติเหมือนคืนนั้นอีกเลย

หลังจากนั้นอีกนานแสนนาน ทุกครั้งที่กู้จื่ออวี๋คิดถึงข้าวห่อไข่จานนั้น ในใจมักจะสะกดความรู้สึกเสียใจเอาไว้ไม่ได้

เขาจะลืมได้อย่างไร

ก่อนหน้านั้นหลิวฉิงเคยลอบสังหารเขารวมแล้วแปดสิบแปดครั้ง

เป็นการใช้ดาบทุกครั้ง แทงเข้าที่ตำแหน่งเดิมทุกครั้ง และจบลงด้วยความล้มเหลวทุกครั้ง

เขาช่างโง่จริงๆ ทำไมจึงคิดว่าอีกฝ่ายจะวางยาพิษในอาหารของเขาเล่า

แม้ว่าทุกคนบนโลกที่เกลียดเขาจะวางยาพิษให้เขา แต่หลิวฉิงไม่มีทางทำอย่างนั้นแน่

นางเป็นคนตรงไปตรงมาจนซื่อคนหนึ่ง แม้แต่ความรู้สึกรังเกียจเขายังแสดงออกมาอย่างง่ายดายตรงไปตรงมาเช่นนี้ แม้ร่างจะอาบไปด้วยเลือด ก็ยังคงบริสุทธิ์ชัดเจนอย่างไม่น่าเชื่อ

เหมือนหินหยาบในลำธาร จับแล้วรู้สึกแข็งกระด้าง แต่ก็เรียบง่ายบริสุทธิ์

กู้จื่ออวี๋คิด เดิมทีเขามีโอกาสที่จะได้อัญมณีที่ซ่อนอยู่ในหินหยาบก้อนนี้มาอยู่ในมือ

แต่เมื่อเขาเก็บขึ้นมาแล้ว กลับโยนทิ้งไปไกลแสนไกล

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ