ในงานแต่งงาน ผู้คนในงานเลี้ยงต่างมีความคิดแตกต่างกัน
หลิวฉิงนั่งอยู่บนที่นั่ง ดื่มเหล้าฮัวเตียวรวดเดียวจนหมด ดูสีหน้าเรียบเฉยเป็นปกติ แต่ในใจกลับไม่สงบ
เมื่อก่อนนางไม่เคยคิดที่จะชอบใครสักคน หรือว่าอยู่กับใครนอกเหนือจากพี่น้อง
แม้ว่าหลังจากที่อวิ๋นหลิงแต่งงานแล้ว นางก็รู้สึกว่าไม่ได้แตกต่างไปจากเมื่อก่อน มักจะเบียดเซียวปี้เฉิงให้ไปอยู่อีกฝั่ง ทำตัวติดกันกับอีกฝ่ายเหมือนที่ผ่านมา
หลังจากที่อีกฝ่ายแต่งงานมีลูก ในรอยยิ้มมีความสุขและความพอใจชนิดหนึ่งแฝงอยู่อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
ตอนนั้นหลิวฉิงไม่เข้าใจ สิ่งที่แฝงอยู่ในรอยยิ้มนั้นคืออะไร เพราะถึงแม้ว่าอวิ๋นหลิงจะแต่งงานแล้ว ความสัมพันธ์ของพวกนางก็ไม่เคยจางลงไปเลยแม้แต่น้อย กลับยิ่งทวีความลึกซึ้งมากขึ้น
กระทั่งช่วงที่ผ่านมา หลังจากกลับมาถึงแคว้นต้าโจว ได้เห็นหลงเย่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ราวกับพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน จึงรับรู้ได้อย่างแท้จริงถึงความแตกต่าง
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ มีเพียงตอนที่อยู่ต่อหน้าพวกนางเท่านั้น พี่ใหญ่จึงจะเผยรอยยิ้มที่ผ่อนคลายและจริงใจออกมา
ตอนนี้ขอเพียงมีกงจื่อโยวอยู่ข้างกาย ไม่ว่าเวลาไหน นางก็จะเผยรอยยิ้มเช่นนี้ออกมาให้ทุกคนได้เห็น
หลิวฉิงยังคงไม่เข้าใจ แต่ก็เหมือนจะเข้าใจอยู่บ้าง
นางเป็นคนหัวอ่อน ความคิดบริสุทธิ์ ไม่เหมือนหลงเย่ที่ชอบวิเคราะห์เจาะลึกลงไป แต่นางเป็นหนึ่งคนที่แต่ไหนแต่ไรมา กล้าเผชิญหน้ากับความรู้สึกและความปรารถนาภายในใจอย่างเยือกเย็น
หลิวฉิงสามารถรับรู้ได้ว่า ภายในจิตใจของตนเองเกิดความใฝ่หาที่เหมือนกัน
นางอยากให้ข้างกายมีคนเช่นนี้อยู่ด้วยสักคน ในทุกค่ำคืนที่กลับไป จะมีคนถือโคมไฟมองนางด้วยรอยยิ้ม
และเมื่อคิดเช่นนี้ จู่ๆก็พบว่าในส่วนลึกของจิตใจ ได้มีเงาร่างที่ชัดเจนสายหนึ่งแฝงอยู่ตั้งนานแล้ว
เพียงแต่......
หลิวฉิงคิดถึงสถานการณ์ของตัวเองในตอนนี้ รู้สึกกังวลและรำคาญใจอยู่หลายส่วนอย่างที่ยากจะได้เห็น
รู้จักกันมาหลายปี ความผิดปกติของนางหนีไม่พ้นการรับรู้ของอวิ๋นหลิง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลงเย่ที่ฉลาดทันคน
สองคนสบตากัน ส่งสายตาให้กันอย่างรู้ใจ
คืนนั้น อวิ๋นหลิงหลบเลี่ยงเซียวปี้เฉิง ลากตัวหลิวฉิงไปขอนอนที่จวนอ๋องจิน
เซียวปี้เฉิงเขยิบเข้ามาหามองด้วยตาปริบๆ “ทำไมไม่พาข้าไปด้วย”
“พวกเราสามคนมีเรื่องต้องคุยกัน จะพาท่านไปทำไม ท่านไม่สามารถมุดเข้าไปใต้ผ้าร่วมพูดคุยสัพเพเหระกับพวกเราได้เสียหน่อย”
เซียวปี้เฉิงอยากจะบอกว่า แม้ว่าเขาจะไม่สามารถมุดเข้าไปปรึกษาหารือร่วมกันใต้ผ้าห่มได้ แต่ก็สามารถร่วมรับฟังได้ในระยะที่ห่างออกไปเป็นร้อยเมตร
แต่เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้อวิ๋นหลิงไม่อยากจะให้เขาได้ยินเรื่องส่วนตัวระหว่างหญิงสาว เขาได้แต่พากู้จื่ออวี๋กลับวังไปอย่างคอตก
กลางดึกในลานด้านในของจวนอ๋องจิน หลิวฉิงรู้สึกแค่ว่าถูกสองคนตรงหน้าจ้องมองจนขนสันหลังลุกซู่
“พวกเธอสองคนมีอะไรจะพูดกับฉันกันแน่”
อวิ๋นหลิงอดรนทนไม่ไหว เอ่ยตรงไปตรงมาว่า “พี่ฉิง พี่ชอบเจ้าอ๋องหรือเปล่า อยากจะแต่งงานกับเขาไหม”
หลิวฉิงอึ้งไม่ชั่วครู่ ตอบสนองอย่างตรงไปตรงมาเหมือนเคย
“พวกเธอก็ดูออกเหรอ”
ใบหน้าของหลงเย่มีรอยยิ้มค่อยๆผุดขึ้นมา “เอ้อร์หลีว์หวั่นไหวจริงๆด้วย คืนนี้ดูท่าทีของเธอตอนอยู่ในงานเลี้ยง พี่ก็รู้แล้วว่าเดาไม่ผิด กู้ฉางเซินเป็นคนมีความสามารถจริง ถึงกับทำให้ก้อนหินหลอมละลายได้”
หลิวฉิงไม่ได้สะทกสะท้านและไม่ยอมรับ เอ่ยด้วยเสียงขรึมต่ำว่า “สำหรับฉันแล้ว เขาไม่เหมือนกับคนอื่นจริงๆ เขาเป็นคนพิเศษที่สุดเท่าที่เคยเจอมาในสองชาติภพของฉัน”
อวิ๋นหลิงเอามือเท้าคาง มองนางด้วยรอยยิ้ม “ถึงว่าก่อนหน้านี้ได้ยินพี่บ่นว่าอยากจะตัดผมสั้น สุดท้ายจนถึงตอนนี้แล้วก็ยังไม่ตัด”
“ตอนนี้ฉัน......ชินแล้ว”
ได้ยินอย่างนั้น หลิวฉิงก็เผลอยื่นมือไปจับไรผมสีดำข้างแก้ม ผมยาวที่มีความแข็งกระด้างอยู่บ้าง ชั่วขณะนั้นความคิดล่องลอยไปไกล
……
ตอนแรกนางรู้สึกว่าเส้นผมเกะกะมาก หลายครั้งที่อยากจะใช้ดาบฟันทิ้ง แต่ก็ถูกลวี่อีและคนรอบข้างห้ามเอาไว้ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ
จะมีอัพต่อจนจบไหมค่ะแอด...
นึกว่าจะอัพจนจบเสียอีกค่ะ กำลังสนุกเข้มข้นเชียว...
รบกวนแอดช่วยอับต่อไปให้จบเรื่องได้ไหมคะ รออ่านอยู่น้า...
ตอนต่อไปอ่านที่ไหนคะ...
ตอนต่อไป อัพช่วงไหนคะ 😭😭😭...
อัพต่อเถอะนะคะ...กำลังสนุกเลยค่ะ😅😄😊😘...
สนุกมากค่ะ..เดินเรื่องเร็ว..พระเอกไม่โง่..นางเอกฟาดแรงสะใจ...อ่านแล้วบันเทิงมาก55555......
ขอบคุณค่ะ...
รีบมาต่อนะคะ กำลังสนุกเลย...
ขอบคุณน้าค้า ที่ลงทุกวันเลยสนุกมากค่ะ...