พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ นิยาย บท 780

สรุปบท ตอนที่ 780 อะไรคือความอ่อนโยน: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ

สรุปเนื้อหา ตอนที่ 780 อะไรคือความอ่อนโยน – พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ โดย Anchali

บท ตอนที่ 780 อะไรคือความอ่อนโยน ของ พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ ในหมวดนิยายโรแมนติกโบราณ เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Anchali อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ในงานแต่งงาน ผู้คนในงานเลี้ยงต่างมีความคิดแตกต่างกัน

หลิวฉิงนั่งอยู่บนที่นั่ง ดื่มเหล้าฮัวเตียวรวดเดียวจนหมด ดูสีหน้าเรียบเฉยเป็นปกติ แต่ในใจกลับไม่สงบ

เมื่อก่อนนางไม่เคยคิดที่จะชอบใครสักคน หรือว่าอยู่กับใครนอกเหนือจากพี่น้อง

แม้ว่าหลังจากที่อวิ๋นหลิงแต่งงานแล้ว นางก็รู้สึกว่าไม่ได้แตกต่างไปจากเมื่อก่อน มักจะเบียดเซียวปี้เฉิงให้ไปอยู่อีกฝั่ง ทำตัวติดกันกับอีกฝ่ายเหมือนที่ผ่านมา

หลังจากที่อีกฝ่ายแต่งงานมีลูก ในรอยยิ้มมีความสุขและความพอใจชนิดหนึ่งแฝงอยู่อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

ตอนนั้นหลิวฉิงไม่เข้าใจ สิ่งที่แฝงอยู่ในรอยยิ้มนั้นคืออะไร เพราะถึงแม้ว่าอวิ๋นหลิงจะแต่งงานแล้ว ความสัมพันธ์ของพวกนางก็ไม่เคยจางลงไปเลยแม้แต่น้อย กลับยิ่งทวีความลึกซึ้งมากขึ้น

กระทั่งช่วงที่ผ่านมา หลังจากกลับมาถึงแคว้นต้าโจว ได้เห็นหลงเย่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ราวกับพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน จึงรับรู้ได้อย่างแท้จริงถึงความแตกต่าง

ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ มีเพียงตอนที่อยู่ต่อหน้าพวกนางเท่านั้น พี่ใหญ่จึงจะเผยรอยยิ้มที่ผ่อนคลายและจริงใจออกมา

ตอนนี้ขอเพียงมีกงจื่อโยวอยู่ข้างกาย ไม่ว่าเวลาไหน นางก็จะเผยรอยยิ้มเช่นนี้ออกมาให้ทุกคนได้เห็น

หลิวฉิงยังคงไม่เข้าใจ แต่ก็เหมือนจะเข้าใจอยู่บ้าง

นางเป็นคนหัวอ่อน ความคิดบริสุทธิ์ ไม่เหมือนหลงเย่ที่ชอบวิเคราะห์เจาะลึกลงไป แต่นางเป็นหนึ่งคนที่แต่ไหนแต่ไรมา กล้าเผชิญหน้ากับความรู้สึกและความปรารถนาภายในใจอย่างเยือกเย็น

หลิวฉิงสามารถรับรู้ได้ว่า ภายในจิตใจของตนเองเกิดความใฝ่หาที่เหมือนกัน

นางอยากให้ข้างกายมีคนเช่นนี้อยู่ด้วยสักคน ในทุกค่ำคืนที่กลับไป จะมีคนถือโคมไฟมองนางด้วยรอยยิ้ม

และเมื่อคิดเช่นนี้ จู่ๆก็พบว่าในส่วนลึกของจิตใจ ได้มีเงาร่างที่ชัดเจนสายหนึ่งแฝงอยู่ตั้งนานแล้ว

เพียงแต่......

หลิวฉิงคิดถึงสถานการณ์ของตัวเองในตอนนี้ รู้สึกกังวลและรำคาญใจอยู่หลายส่วนอย่างที่ยากจะได้เห็น

รู้จักกันมาหลายปี ความผิดปกติของนางหนีไม่พ้นการรับรู้ของอวิ๋นหลิง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลงเย่ที่ฉลาดทันคน

สองคนสบตากัน ส่งสายตาให้กันอย่างรู้ใจ

คืนนั้น อวิ๋นหลิงหลบเลี่ยงเซียวปี้เฉิง ลากตัวหลิวฉิงไปขอนอนที่จวนอ๋องจิน

เซียวปี้เฉิงเขยิบเข้ามาหามองด้วยตาปริบๆ “ทำไมไม่พาข้าไปด้วย”

“พวกเราสามคนมีเรื่องต้องคุยกัน จะพาท่านไปทำไม ท่านไม่สามารถมุดเข้าไปใต้ผ้าร่วมพูดคุยสัพเพเหระกับพวกเราได้เสียหน่อย”

เซียวปี้เฉิงอยากจะบอกว่า แม้ว่าเขาจะไม่สามารถมุดเข้าไปปรึกษาหารือร่วมกันใต้ผ้าห่มได้ แต่ก็สามารถร่วมรับฟังได้ในระยะที่ห่างออกไปเป็นร้อยเมตร

แต่เห็นได้ชัดว่าครั้งนี้อวิ๋นหลิงไม่อยากจะให้เขาได้ยินเรื่องส่วนตัวระหว่างหญิงสาว เขาได้แต่พากู้จื่ออวี๋กลับวังไปอย่างคอตก

กลางดึกในลานด้านในของจวนอ๋องจิน หลิวฉิงรู้สึกแค่ว่าถูกสองคนตรงหน้าจ้องมองจนขนสันหลังลุกซู่

“พวกเธอสองคนมีอะไรจะพูดกับฉันกันแน่”

อวิ๋นหลิงอดรนทนไม่ไหว เอ่ยตรงไปตรงมาว่า “พี่ฉิง พี่ชอบเจ้าอ๋องหรือเปล่า อยากจะแต่งงานกับเขาไหม”

หลิวฉิงอึ้งไม่ชั่วครู่ ตอบสนองอย่างตรงไปตรงมาเหมือนเคย

“พวกเธอก็ดูออกเหรอ”

ใบหน้าของหลงเย่มีรอยยิ้มค่อยๆผุดขึ้นมา “เอ้อร์หลีว์หวั่นไหวจริงๆด้วย คืนนี้ดูท่าทีของเธอตอนอยู่ในงานเลี้ยง พี่ก็รู้แล้วว่าเดาไม่ผิด กู้ฉางเซินเป็นคนมีความสามารถจริง ถึงกับทำให้ก้อนหินหลอมละลายได้”

หลิวฉิงไม่ได้สะทกสะท้านและไม่ยอมรับ เอ่ยด้วยเสียงขรึมต่ำว่า “สำหรับฉันแล้ว เขาไม่เหมือนกับคนอื่นจริงๆ เขาเป็นคนพิเศษที่สุดเท่าที่เคยเจอมาในสองชาติภพของฉัน”

อวิ๋นหลิงเอามือเท้าคาง มองนางด้วยรอยยิ้ม “ถึงว่าก่อนหน้านี้ได้ยินพี่บ่นว่าอยากจะตัดผมสั้น สุดท้ายจนถึงตอนนี้แล้วก็ยังไม่ตัด”

“ตอนนี้ฉัน......ชินแล้ว”

ได้ยินอย่างนั้น หลิวฉิงก็เผลอยื่นมือไปจับไรผมสีดำข้างแก้ม ผมยาวที่มีความแข็งกระด้างอยู่บ้าง ชั่วขณะนั้นความคิดล่องลอยไปไกล

……

ตอนแรกนางรู้สึกว่าเส้นผมเกะกะมาก หลายครั้งที่อยากจะใช้ดาบฟันทิ้ง แต่ก็ถูกลวี่อีและคนรอบข้างห้ามเอาไว้ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

“ยิ่งไปกว่านั้น เจ้ารู้สึกว่าผมยาวเกะกะจึงได้คิดจะตัดทิ้ง เช่นนั้นข้าสามารถคิดได้ไหมว่า ที่จริงแล้วเจ้าก็ไม่ได้รู้สึกไม่ชอบตัวเองในสภาพเช่นนี้”

หลิวฉิงนิ่งไปเล็กน้อย เหมือนนางจะไม่เคยคิดถึงจุดนี้เลย ปัญหาที่ว่าชอบหรือไม่ชอบ

นางรำคาญเส้นผมที่ยาวหรือ

หลิวฉิงมองกู้ฉางเซิน ในดวงตาที่สดในของอีกฝ่าย เวลานี้ได้สะท้อนภาพของนางในตอนนี้ออกมาอย่างชัดเจน

ใต้แสงจันทร์ชุดสีเขียวปลิวสะบัด มวยผมสวยกับใบหน้าสดใสเย็นชาดุจหิมะ เหมือนใบหน้าของนางแต่ก่อนอยู่แปดส่วน แต่ก็สวยจนรู้สึกแปลกหน้า

ชั่วขณะนั้น หลิวฉิงรับรู้ได้อย่างชัดเจน นางไม่ได้รู้สึกเกลียดตัวเองในสภาพนี้

กลับกัน นางชื่นชอบผู้หญิงที่สวยงามมาตลอด

ดังนั้นจึงได้พยายามสู้เพื่อเป็นแนวหน้าของสงครามตลอดมา เพื่อเอาตัวเข้าขวางหอกดาบให้กับอีกสามคนที่อยู่ข้างหลัง ให้พวกนางสามารถเบ่งบานความสวยงามในแบบของตนเองได้อย่างไม่ต้องกังวล

เสียงของกู้ฉางเซินค่อยๆดังขึ้นข้างหู น้ำเสียงราวกับน้ำใสที่สงบนิ่งมาก

“หลิวฉิง......ข้าไม่รู้ว่าเจ้ามาจากที่ใดกันแน่ และเคยประสบพบเจออะไรมาบ้าง แต่ข้าหวังว่าเจ้าจะเข้าใจ ที่นี่ไม่ใช่โลกอื่น ตอนนี้เจ้าไม่จำเป็นปฏิบัติต่อตนเองราวกับผู้ชายคนหนึ่ง เพื่อเอาชีวิตรอดแล้ว”

“ข้ากู้ฉางเซินของสาบานตรงนี้เลยว่า แม้จะเป็นวันสุดท้ายที่ของชีวิต ก็จะปกป้องขุนพลตระกูลฟงให้ปลอดภัยโดยไม่เสียดายอะไรทั้งสิ้น ให้เจ้าได้ไปจากวังหลวงของเป่ยฉินอย่างไร้กังวล”

“เป็นเพื่อนกัน ข้าหวังเสมอว่าเจ้าจะสามารถใช้ชีวิตอย่างที่ใจปรารถนา เป็นตนเองในตัวตนเดิมโดยไม่ต้องกังวลอะไรทั้งสิ้น”

สมองของหลิวฉิงมีคำพูดของกู้ฉางเซินวนเวียนอยู่ ในใจเกิดระลอกคลื่นถาโถมขึ้นมาอย่างไม่เคยมีมาก่อน

ใช้ชีวิตอยู่ในวังวนแห่งความอันตรายมานานมากจนชินชาแล้ว ถึงกับทำให้นางเกือบจะลืมเพศของตนเองไปแล้ว

จู่ๆก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ นางก็เคยเป็นสาวน้อยที่น้ำตาคลอเบ้าเพราะฝึกฝนจนเจ็บและเหนื่อยมากเกินไป

เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่หลิวฉิงรับรู้ได้อย่างแท้จริงว่าอะไรคือความอบอุ่น

นั่นก็คือสายตาที่กู้ฉางเซินกำลังมองนางอยู่ในตอนนี้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พระชายาคือแพทย์อัจฉริยะ